“พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค” จากอดีตผู้พิพากษา อดีตแคนดิเดตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ สู่การเป็นหัวหน้าพรรคเต็มตัว ในนาม “รวมไทยสร้างชาติ” และเตรียมดึง “บิ๊กตู่” เข้าพรรค

ไทยรัฐออนไลน์ พาทำความรู้จัก นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ ที่กำลังเป็นที่ฮือฮาในขณะนี้ หลังมีกระแสข่าว พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เตรียมหนีจาก พรรคพลังประชารัฐ ของพี่ใหญ่ อย่าง “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ไปอยู่กับพรรครวมไทยสร้างชาติแทนในการเลือกตั้งที่จะถึงนี้

ประวัติ พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค

นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค เกิดเมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2502 ชื่อเล่น ตุ๋ย เป็นบุตรของ พลโท ณรงค์ สาลีรัฐวิภาค อดีตปลัดกระทรวงพาณิชย์และเจ้ากรมการพลังงานทหาร และโสภาพรรณ สาลีรัฐวิภาค (นามสกุลเดิม: สุมาวงศ์) อดีตดาวจุฬาฯ คนแรก ส่วนชีวิตครอบครัว สมรสกับ สุนงค์ สาลีรัฐวิภาค (นามสกุลเดิม: โทณวณิก) มีบุตรธิดารวมกันทั้งหมด 4 คน 

...

นายพีระพันธุ์ เรียนจบชั้นมัธยมศึกษาที่ โรงเรียนเซนต์คาเบรียล โรงเรียนเดียวกับ “บิ๊กป้อม” จากนั้น เรียต่อปริญญาตรี คณะนิติศาสตร์บัณฑิต มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ จบเนติบัณฑิตไทย ที่สำนักอบรมศึกษากฎหมายแห่งเนติบัณฑิตยสภา จบปริญญาโท กฎหมายอเมริกันทั่วไป (LLM) และเรียนปริญญาโทอีกใบ ด้านกฎหมายเปรียบเทียบ (MCL) ที่มหาวิทยาลัยทูเลน สหรัฐอเมริกา

โดย นายพีระพันธุ์ มีประสบการณ์ทำงานเป็นผู้พิพากษาและข้าราชการตุลาการมาก่อนเข้าสู่สนามการเมืองในนามพรรคประชาธิปัตย์ ร่วมทีมกับ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และ นายธารินทร์ นิมมานเหมินท์ เคยได้รับการเลือกตั้งเป็น ส.ส.เขต 3 กรุงเทพมหานคร เมื่อพรรคประชาธิปัตย์มาเป็นฝ่ายค้าน ในปี 2550 นายพีระพันธุ์ ถูกรับเลือกให้ทำหน้าที่เป็น รัฐมนตรีกระทรวงยุติธรรมเงา และได้รับการโปรดเกล้าฯ ให้ดำรงตำแหน่ง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม จริงๆ ในรัฐบาล อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกรัฐมนตรี ในปี 2551

ขณะที่ผลงานอันโดดเด่น คือ การสอบสวนการทุจริต “ค่าโง่ทางด่วน 6,200 ล้านบาท” ซึ่งถูกนำไปใช้ในการต่อสู้คดีในชั้นศาลและประสบชัยชนะ ทำให้คนไทยไม่ต้องจ่ายค่าโง่พร้อมดอกเบี้ยนับหมื่นล้านบาท

ส่วนจุดพลิกผันทางการเมือง เกิดขึ้นเมื่อครั้งพรรคประชาธิปัตย์ ทำการเลือกหัวหน้าพรรคคนใหม่แทนนายอภิสิทธิ์ ภายหลังแสดงความรับผิดชอบด้วยการลาออก หลังการเลือกตั้งในปี 2562 ไม่เป็นไปตามที่คาดหวัง ได้ ส.ส.เพียง 52 ที่นั่ง โดยมีแคนดิเดตร่วมท้าชิงคือ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ นายกรณ์ จาติกวณิช นายแพทย์วรงค์ เดชกิจวิกรม และนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค แต่คนที่ได้รับการคัดเลือกคือ นายจุรินทร์
ต่อมาวันที่ 9 ธันวาคม พ.ศ. 2562 นายพีระพันธุ์ได้ยื่นหนังสือลาออกจากการเป็นสมาชิก พรรคประชาธิปัตย์ ก่อนจะมีชื่อถูกแต่งตั้งให้ตำแหน่งที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เมื่อวันที่ 17 ธันวาคม 2562 และย้ายสังกัดเข้าพรรคพลังประชารัฐซึ่งสร้างเสียงฮือฮาเป็นอย่างมาก ก่อนจะถูกแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งกรรมการบริษัท การบินไทย ในปี 2563

จากนั้นในเดือนเมษายน 2565 ได้ยื่นหนังสือลาออกจากพรรคพลังประชารัฐ ก่อนที่ในเดือนสิงหาคม 2565 จะได้รับเลือกตั้งให้ดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ โดยมีเป้าหมายคือ จะรวบรวมคนทำงานทั้ง ส.ส. รุ่นใหม่ รุ่นเก่ามารับใช้ประชาชน ต่อมาในเดือนพฤศจิกายน 2565 ก็มีข่าวว่า ส.ส. พรรคประชาธิปัตย์ลอตใหญ่เตรียมเลือดไหลย้ายไปสังกัดพรรครวมไทยสร้างชาติ และในช่วงปลายเดือนก็มีกระแสข่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เตรียมจะลา “บิ๊กป้อม” เพื่อมาสังกัดกับพรรครวมไทยสร้างชาติในการเลือกตั้งครั้งหน้าเช่นเดียวกัน