"นรุตม์ชัย บุนนาค" ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.พรรคไทยสร้างไทย จี้รัฐบาลทบทวนควบคุม "กัญชา" ใหม่ หลังชาวยานนาวา-บางคอแหลม ห่วงเยาวชนใช้ทางผิด-เข้าใกล้วงจรยาเสพติด แนะปลดล็อกตามขั้นตอน-ไม่ต้องเร่งรีบ เหน็บที่ประชุม ครม.ยังไม่เข้าใจเรื่องนี้ แล้วประชาชนจะถามใคร
เมื่อวันที่ 16 พ.ย.65 นายนรุตม์ชัย บุนนาค ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.เขตยานนาวา บางคอแหลม กทม. พรรคไทยสร้างไทย กล่าวถึงกรณีสังคมวิพากษ์วิจารณ์การควบคุมกัญชา จนเกิดการเรียกร้องให้กลับไปเป็นยาเสพติดว่า ตั้งแต่มีการปลดล็อกกัญชาออกจากยาเสพติด เมื่อวันที่ 9 มิ.ย.65 ตนเห็นว่าสังคมเกิดการใช้กัญชาอย่างเป็นวงกว้าง โดยเห็นได้จากในโซเชียลมีเดียที่มีการสร้างค่านิยมใหม่ ด้วยการโชว์ใช้กัญชา เพื่อสันทนาการรวมไปถึงมีการโพสต์รูปต้นกัญชาแข่งกันอย่างคึกคัก ซึ่งตนมองว่าเป็นการใช้ผิดวัตถุประสงค์ของการปลดล็อก เพื่อทางการแพทย์ที่ตนก็สนับสุนน แต่ไม่เห็นด้วยกับการทำให้เกิดสูญญากาศ จนเยาวชนเริ่มมีการนำไปใช้เพื่อสันทนาการ
"จากการลงพื้นที่ เขตยานนาวา และ บางคอแหลม ผมได้รับฟังข้อห่วงใยของผู้ใหญ่ในชุมชน ที่ห่วงเยาวชนจะเข้าใจผิด แล้วใช้กัญชาในทางที่ผิด เนื่องจากขณะนี้ คนยังไม่ค่อยเข้าใจว่าอะไรทำได้ ทำไม่ได้ ซึ่งหลายบ้านก็เริ่มปลูกกัญชา ตามกระแสด้วย อาจทำให้เยาวชน ที่เป็นกลุ่มเปราะบาง เข้าใกล้วงจรยาเสพติดมากขึ้น เพราะอาจจะมีบางคนแค่ทดลองใช้กัญชา แล้วเริ่มอยากทดลองใช้ยาเสพติดด้วย ซึ่งจะทำให้กัญชา เสมือนเป็นประตูทำให้เยาวชนเข้าใกล้ยาเสพติดง่ายขึ้น และตั้งแต่ปลดล็อกก็ยังพบเยาวชนเข้าโรงพยาบาล เนื่องจากใช้กัญชาไปแล้วหลายราย ดังนั้น ข้อห่วงใยของคนในพื้นที่ ผมก็จะช่วยเป็นกระบอกเสียงให้รัฐบาล ทบทวนการควบคุมกัญชาใหม่ เพราะขนาดในที่ประชุม ครม.เมื่อวาน ก็ยังไม่ได้คำตอบที่ชัดเจนในเรื่องการควบคุมเลย" นายนรุตม์ชัย กล่าว
...
นายนรุตม์ชัย กล่าวอีกว่า เรื่องการควบคุมกัญชานั้น ตนได้รับทราบแนวทางของ คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย ที่ได้สนับสนุนทางการแพทย์ แต่ไม่เห็นด้วย ที่ยังปล่อยให้ไม่มีกฎหมายออกมาควบคุมที่ชัดเจน ซึ่งจะเป็นช่องว่างให้กลุ่มเยาวชนเอาไปใช้ในทางที่ผิด ดังนั้น รัฐบาลควรหันกลับมาทบทวนเรื่องนี้ใหม่ เพราะในวงประชุม ครม.ในฐานะผู้ออกนโยบาย ยังไม่เข้าใจเรื่องนี้ จนต้องเรียกกรมการแพทย์แผนไทยฯมาอธิบาย แต่ก็ไม่ได้คำตอบที่ชัดเจน แล้วประชาชน จะเข้าใจได้อย่างไร โดยรัฐบาลควรทำตามขั้นตอนในการปลดล็อกกัญชา และรับฟังเสียงห่วงใยของประชาชน ไม่ใช่เร่งรีบทำ เพื่อหวังอะไรบางอย่างในอนาคต ซึ่งเราควรคำนึงถึงความปลอดภัยของประชาชนเป็นที่ตั้ง