ป.ป.ช.ชี้มูลความผิด ฟัน ผกก.โจ้ คดีร่ำรวยผิดปกติ มูลค่า 1,358 ล้าน ด้าน ชนม์สวัสดิ์ อัศวเหม ก็ไม่รอด ถูกชี้มูลฯ คดีทุจริตเงินอุดหนุนวัด จ.สมุทรปราการ 68 โครงการ ยัน ไม่เกี่ยวข้องการเมือง แต่คดีมาเสร็จช่วงนี้พอดี
เมื่อเวลา 13.30 น. ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) นายนิวัติไชย เกษมมงคล เลขาธิการ ป.ป.ช. แถลงว่า คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติชี้มูลความผิด พ.ต.อ.ธิติสรรค์ อุทธนผล อดีตผู้กำกับการ สภ.เมืองนครสวรรค์ หรือ “ผู้กำกับโจ้” ร่ำรวยผิดปกติ จำนวน 32 รายการ มูลค่า 1,358 ล้านบาท โดยให้ส่งเรื่องต่ออัยการสูงสุด ดำเนินการฟ้องต่อศาลขอให้ยึดทรัพย์สิน 1,358 ล้านบาท ตกเป็นของแผ่นดิน
ขณะนี้อัยการสูงสุด ได้ส่งสำนวนให้ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลางพิจารณาแล้ว เมื่อวันที่ 11 พ.ย. 2565 โดยรายการทรัพย์สิน 32 รายการ ที่ถูกยื่นเรื่องให้ยึดทรัพย์ตกเป็นของแผ่นดิน ประกอบด้วย
1. เงินฝากในบัญชีธนาคาร 3 แห่ง กว่า 1,243 ล้านบาท 2. บ้าน 2 หลัง พร้อมที่ดิน 4 แปลง อ.คลองสามวา กทม. รวม 5 ไร่ มูลค่า 54 ล้านบาท 3. รถยนต์ 15 คัน มูลค่า 6.1 ล้านบาท อาทิ ปอร์เช่ ออดี้ เบนซ์ โฟล์กสวาเกน ฟอร์ด 4. เงินค่าเช่าซื้อรถยนต์หรู 13 คัน กว่า 53 ล้านบาท อาทิ ลัมโบร์กินี บีเอ็มดับเบิลยู ปอร์เช่ เฟอร์รารี เบนซ์ลีย์ ทรัพย์สินเหล่านี้ ป.ป.ช.พิจารณาแล้วเห็นว่าได้มาโดยไม่สัมพันธ์กับรายได้และเงินเดือน และไม่สามารถชี้แจงได้ว่ามีที่มาอย่างไร
นายนิวัติไชย กล่าวว่า ส่วนกรณี พ.ต.อ.ธิติสรรค์ มีพฤติกรรมจับรถหรู เพื่อนำไปเบิกจ่ายสินบนนำจับนั้น กรณีดังกล่าว ป.ป.ช.รับเรื่องไว้ตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้ว ว่า เป็นการจับกุมโดยชอบหรือไม่ เพื่อขอรับเงินรางวัลนำจับ เพราะมีมูลว่า ทำไมจึงไปจับรถหรูกว่า 400 คัน ในหลายคดี จับเสร็จก็นำส่งกรมศุลกากร ให้นำออกมาประมูลขาย ต้องไปต่อยอดเป็นการวางแผนร่วมกันทำเป็นขบวนการ นำเข้ารถหรูแล้วจับกุมเพื่อหวังผลจากเงินสินบนรางวัลนำจับ ต้องคลี่คลายรายละเอียดให้ได้มากที่สุด เนื่องจากเกิดขึ้นมานานตั้งแต่ปี 2553 ยอมรับมีความยุ่งยากมาก เพราะรถ 400 กว่าคัน ไม่ใช่เรื่องง่าย แค่แกะรอยคันเดียวก็ยากแล้ว ต้องให้เวลาเจ้าหน้าที่ เพราะเป็นเรื่องย้อนหลังไปหลายปี ไม่รู้ว่าเอกสารหลักฐานเก็บไว้อย่างไร ขอความเห็นใจให้เจ้าหน้าที่ด้วย
นายนิวัติไชย กล่าวว่า นอกจากนี้ ป.ป.ช.ยังชี้มูลความผิด นายชนม์สวัสดิ์ อัศวเหม อดีตนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) สมุทรปราการ กับพวก รวม 11 คน ทุจริตเงินอุดหนุนวัด จ.สมุทรปราการ จากการไต่สวนพบว่า นายชนม์สวัสดิ์ เมื่อครั้งเป็นนายก อบจ.อนุมัติเบิกจ่ายเงินให้วัด จ.สมุทรปราการ 68 โครงการ รวม 856 ล้านบาท พบมี 20 โครงการ วงเงิน 338 ล้านบาทเศษ เบิกจ่ายโดยมิชอบ มี นายปกรณ์ เนตรประภา กรรมการบริษัท เอเวอร์กรีน เอ็กซ์พลอเรอร์ จำกัด ทำหน้าที่ผู้แทนกลุ่มผู้ถูกกล่าวหา ไปประสานงานวัดต่างๆ ที่ต้องการเงินอุดหนุนจาก อบจ.ไปก่อสร้างเมรุ ศาลากลางเปรียญ โดยนำคำขอ แบบแปลนต่างๆ ให้เจ้าอาวาสแต่ละวัดลงนาม แล้วนำเอกสารไปยื่น อบจ.เพื่อขออนุมัติ โดยไม่ตรวจสอบรายละเอียดโครงการ แบบแปลน ราคาก่อสร้างว่าถูกต้อง เหมาะสมกับงบประมาณที่ขอมาหรือไม่ เมื่ออนุมัติเงินแก่วัดแล้ว นายปกรณ์ นัดหมายเจ้าอาวาสรับเช็คเงินอุดหนุน โดยให้มอบเงินครึ่งหนึ่งจากยอดเช็กให้นายปกรณ์ ส่วนเงินที่เหลือนำไปจ้างบริษัท เอเวอร์กรีน ที่นายปกรณ์เป็นกรรมการ เข้ามารับจ้างโครงการที่ได้รับเงินอุดหนุน
...
ซึ่งปรากฏว่า นายชนม์สวัสดิ์ กับพวก ไม่ตรวจสอบติดตามใช้จ่ายเงินอุดหนุนเป็นไปตามแบบแปลนการประมาณราคา คุ้มค่าเหมาะสมกับเงินอุดหนุน หรือไม่ ปล่อยปละละเลย ลักษณะน่าจะร่วมกันแสวงหาผล ประโยชน์จากเงินอุดหนุน อีกทั้งการดำเนินทุกโครงการมีปัญหาการก่อสร้าง ผู้รับจ้างไม่ปฏิบัติตามสัญญา ทิ้งงาน ไม่ตรงแปลน ทำราชการเสียหายร้ายแรง จึงเห็นว่า นายชนม์สวัสดิ์ กับพวก มีมูลความผิด ฐานละเลยไม่ปฏิบัติตามอำนาจหน้าที่ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เตรียมส่งสำนวนให้อัยการสูงสุด ส่งศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ ในพื้นที่ที่มีอำนาจวินิจฉัย ต่อไป ส่วนกรณี นายชนม์สวัสดิ์ ที่ถูกมองเป็นประเด็นการเมืองนั้น ป.ป.ช.พิจารณาเรื่องนี้อย่างต่อเนื่อง นำเรื่องส่งคณะกรรมการ ป.ป.ช. รายงานความคืบหน้าเป็นระยะๆ มีไทม์ไลน์สามารถตรวจสอบได้ ยืนยันไม่เกี่ยวกับการเมือง แต่บังเอิญมาเสร็จช่วงนี้พอดี