“นายกฯ ตู่” ยังอยู่พนมเปญ ประชุมสุดยอดอาเซียน เสนอ 2 แนวทาง เสริมสร้างความเข้มแข็ง-กระชับสัมพันธ์คู่เจรจาและหุ้นส่วนภายนอก ชี้ ทุกคนอยากเห็นสันติภาพในเมียนมา ยัน ไทยพร้อมช่วยด้านมนุษยธรรม

วันที่ 11 พฤศจิกายน 2565 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เข้าร่วมการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 41 อย่างไม่เป็นทางการ (Retreat) ณ โรงแรมสกคา พนมเปญ ประเทศกัมพูชา โดยมีผู้นำประเทศสมาชิกอาเซียน 9 ประเทศ (เมียนมาไม่เข้าร่วม) และเลขาธิการอาเซียน เข้าร่วมประชุม เพื่อหารือเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างอาเซียนกับภาคีภายนอก รวมถึงแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นต่อสถานการณ์ พัฒนาการที่สำคัญในภูมิภาคและระหว่างประเทศ ซึ่งนายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยสาระสำคัญ ดังนี้

...

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวเสนอ 2 แนวทาง ที่อาเซียนควรดำเนินการไปพร้อมๆ กัน ท่ามกลางสถานการณ์ความท้าทายต่างๆ ที่โลกกำลังเผชิญ ว่า

1. เสริมสร้างความเข้มแข็งแก่กลไกที่อาเซียนมีบทบาทนำ โดยดึงศักยภาพของแต่ละกรอบมาใช้ให้เกิดประโยชน์อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด และการดำเนินการของแต่ละกรอบมีการสอดประสานกัน จะช่วยส่งเสริมความเป็นแกนกลางของอาเซียน สามารถรักษาคุณค่าทางยุทธศาสตร์ของโครงสร้างสถาปัตยกรรมภูมิภาคที่มีอาเซียนเป็นแกนกลาง  

2. กระชับความสัมพันธ์กับคู่เจรจาและหุ้นส่วนภายนอกอื่นๆ ให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น บนพื้นฐานของความไว้วางใจระหว่างกัน ความเคารพซึ่งกันและกัน และผลประโยชน์ร่วมกัน โดยอาเซียนดำเนินความสัมพันธ์อย่างสมดุล เพื่อส่งเสริมเสถียรภาพและความมั่นคงในภูมิภาค 

สำหรับสถานการณ์ในภูมิภาคและระหว่างประเทศ นายกรัฐมนตรี ระบุต่อไปว่า อาเซียนสามารถเป็นส่วนหนึ่ง โดยใช้พลังของอาเซียนดึงฝ่ายต่างๆ ให้มาพบปะหารือกัน ซึ่งในช่วง 1 สัปดาห์นี้ มีการประชุมสุดยอดอาเซียน การประชุม G20 และไทยเองก็จะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมเอเปก 2565 (APEC 2022) จึงควรใช้โอกาสนี้เป็นเวทีสำหรับการปฏิสัมพันธ์อย่างสร้างสรรค์ระหว่างฝ่ายที่เกี่ยวข้อง 

สำหรับสถานการณ์ในเมียนมา นายกรัฐมนตรี เห็นว่าบทบาทของอาเซียนมีความสำคัญและจำเป็นอย่างยิ่ง ทุกคนต้องการเห็นสันติภาพและเสถียรภาพในเมียนมา เพื่อประโยชน์ของประชาชนเมียนมาและประชาคมอาเซียน ซึ่งทุกฝ่ายควรทำงานร่วมกันเพื่อให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมส่งไปถึงประชาชนเมียนมาที่เดือดร้อน ไทยในฐานะประเทศเพื่อนบ้านที่มีพรมแดนติดต่อกับเมียนมา พร้อมสนับสนุนร่วมมือกับอาเซียนและประชาคมระหว่างประเทศในการส่งความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมไปสู่ประชาชนเมียนมา

อย่างไรก็ตามในตอนท้าย นายกรัฐมนตรี ยังได้กล่าวแสดงความยินดีกับกัมพูชาที่ประสบความสำเร็จในการทำหน้าที่ประธานอาเซียน และไทยพร้อมสนับสนุนอินโดนีเซียสำหรับการเป็นประธานอาเซียนในปีหน้า เพื่อร่วมกันเสริมสร้างประชาคมอาเซียนให้ก้าวหน้าและเข้มแข็งต่อไป.