“อนุทิน” นำทัพภูมิใจไทย เปิดตัว 3 ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.หนองคาย ขอโอกาสให้มีบุญวาสนา หวังตอกเสาเข็มจังหวัดริมโขง ลั่น ถ้าได้นั่งนายกฯ สานต่อเบี้ย อสม. 2,000 บาท พร้อมเผยนโยบาย “เกษตรพันธสัญญา”
เมื่อเวลา 17.00 น. วันที่ 4 พ.ย. 2565 นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย เดินทางมายังเวทีกลางลานนาคาเบิกฟ้า อำเภอโพนพิสัย จังหวัดหนองคาย พร้อมแกนนำพรรค อาทิ นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม และเลขาธิการพรรค, นายทรงศักดิ์ ทองศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย, น.ส.มนัญญา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์, นายศุภชัย โพธิ์สุ รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 2 และ ส.ส.นครพนม พรรคภูมใจไทย, นายศุภชัย ใจสมุทร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทย ร่วมเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.หนองคาย ของพรรคภูมิใจไทย ทั้ง 3 คน ประกอบด้วย นายเสถียร ผาณิบุศย์ ว่าที่ผู้สมัครเขต 1, พญ.จิดาภา สุนทรธนากุล ว่าที่ผู้สมัครเขต 2 และนายกฤศภณ หล้าวงศา ว่าที่ผู้สมัครเขต 3
ในช่วงหนึ่ง นายอนุทิน ปราศรัยบนเวทีระบุว่า วันนี้เรามาในสภาพใหม่ที่ประชาชนมาต้อนรับแน่นอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ซึ่งเชื่อว่าประชาชนมาเพราะเบื่อความขัดแย้ง เบื่อการทะเลาะกัน ต้องการนักการเมืองสร้างความเจริญ และพรรคภูมิใจไทยตีโจทย์แตกที่คัดว่าที่ผู้สมัครหนองคายของพรรค 3 คนมารับใช้ ถ้าเลือกว่าที่ผู้สมัครทั้ง 3 จะได้ทั้งพรรคภูมิใจไทย ที่มีสโลแกน “พูดแล้วทำ” หรือ “เว้าแล้วเฮ็ด” และพรรคเราพูดแล้วทำ ไม่พูดก็ทำ เช่น สร้างสะพานข้ามจากหนองคายไปเวียงจันทน์ สปป.ลาว ซึ่งวางไว้ว่าจะให้เป็นสะพานสำหรับรถไฟความเร็วสูง และให้รถยนต์วิ่งได้ด้วย อีก 2-3 ปีได้เห็น และจะเชื่อมต่อไปจีน เพื่อให้การคมนาคมขนส่งรวดเร็ว ประหยัดเวลา ใครก็อยากมาค้าขายกับไทย
...
“ขอโอกาสให้เรามีบุญวาสนามาทำงานให้กับประชาชนที่นี่ และขอให้ประชาชนเลือกพรรคภูมิใจไทยในการเลือกตั้งอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า เพราะเราทำให้บุรีรัมย์เจริญแล้ว แต่จะทำให้หนองคายเจริญกว่า จึงขอกราบให้คนหนองคาย เลือกคนหนองคายมาพัฒนาหนองคาย”


นายอนุทิน กล่าวต่อไปถึงเรื่องเบี้ยอาสาสมัครสาธารณสุขประจําหมู่บ้าน (อสม.) 2,000 บาท ว่า แค่นี้เรื่องขี้ผง ตอนนั้นทำไม่ได้เพราะยังไม่เป็นนายกรัฐมนตรี แต่ถ้าลองเลือกให้เยอะๆ แล้วได้เป็นนายกรัฐมนตรีทำได้แน่ ทั้งนี้หากได้เป็นรัฐบาลพรรคภูมิใจไทยจะขอดูกระทรวงสาธารณสุขเช่นเดิม เพื่อจะได้จัดซื้อเครื่องฉายรังสีรักษามะเร็งฟรีให้ทุกจังหวัด
ขณะเดียวกันเป็นที่น่าสังเกตว่า นายอนุทิน ยังชูนโยบายเกษตรร่ำรวยด้วยระบบคอนแทรคฟาร์มมิ่ง (Contract Farming) หรือระบบเกษตรพันธสัญญา โดยพ่อแม่พี่น้องทุกคนที่ ทำนา ทำสวนยางพารา ทำสวนปาล์ม ทำไร่มันสำปะหลัง จะได้รับสิทธิเข้าสู่ระบบคอนแทรคฟาร์มมิ่งกับรัฐบาล ก่อนถึงเวลาปลูกจะต้อง รู้ราคาก่อนปลูก รับเงินก่อนขาย เสียหายมีประกันมาชดใช้ เพราะทุกคนที่เข้าโครงการ จะมีสัญญาซื้อขายผลผลิตล่วงหน้ากับรัฐบาลตามราคาที่กำหนดไว้ในสัญญา พร้อมแจกแจงราคาผลิตผลทางการเกษตร ว่า ราคายางพาราต้องไม่ราคา 100 บาท ต่อ 3 กิโลกรัม แต่พรรคมีนโยบายที่จะทำให้ข้าวขาวราคา 12,000 บาทต่อตัน ข้าวหอมมะลิ 18,000 บาทต่อตัน มันสำปะหลัง 4 บาทต่อกิโลกรัม ปาล์มทะลาย 5 บาทต่อกิโลกรัม น้ำยางสด 62 บาทต่อกิโลกรัม ยางแผ่น 65 บาทต่อกิโลกรัม
หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ยังได้ระบุเพิ่มเติมด้วยว่า ปีที่แล้วสั่งให้เพิ่มเครื่องฉายรังสีรักษามะเร็งอีก 7 เครื่อง เพื่อรักษาผู้ป่วยให้เร็วขึ้น แต่ก็ยังไม่พอ เพราะแต่ละปีมีผู้ป่วยมะเร็งเพิ่มขึ้นมากกว่า 100,000 คน พรรคภูมิใจไทยจึงเห็นว่าต้องมีเครื่องฉายรังสีรักษามะเร็งอย่างน้อยจังหวัดละ 1 เครื่อง ลดค่าใช้จ่ายให้ผู้ป่วยและครอบครัว เพิ่มโอกาสในการรักษาให้มากขึ้น เร็วขึ้น ผู้ป่วยมะเร็งมีอยู่ทุกจังหวัดและรอเวลานานไม่ได้ ชีวิตผู้ป่วยทุกคนมีคุณค่าเท่ากัน ต้องเร่งรักษาโดยเร็ว ส่วนโรคไต เป็นอีกโรคที่ผู้ป่วยจะได้รับการทรมานมาก จึงได้สั่งให้ดูแลรักษาผู้ป่วยโรคไตทุกคนด้วยความเท่าเทียม และตอนนี้เดินหน้าแล้วกับโครงการฟอกไตฟรี วันนี้พรรคภูมิใจไทยจึงเสนอนโยบายจัดตั้งศูนย์ฟอกไตทุกอำเภอ เพื่อให้ผู้ป่วยเข้าถึงการรักษาได้โดยเร็ว ไม่ต้องรอคิวนาน และครอบครัวมีค่าใช้จ่ายน้อยที่สุด เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีทั้งผู้ป่วยและครอบครัว

“พรรคภูมิใจไทยหวังว่าเราจะมีบุญได้รับใช้ทุกท่าน ที่ผ่านมา ส.ส.ของพรรคเดินหน้าพัฒนาไปได้แล้วหลายจังหวัด ทั้งบุรีรัมย์ นครพนม อุทัยธานี ถ้าพรรคภูมิใจไทยได้รับใช้ชาวหนองคาย เรามั่นใจว่าเราสร้างความเจริญให้ท่านได้แน่นอน เพราะจังหวัดนี้มีจุดยุทธศาสตร์อย่างแม่น้ำโขงที่จะเป็นแรงผลักดันด้านเศรษฐกิจ อย่าลืมว่าเราเป็นพรรคที่ไม่ขัดแย้ง จะสร้างความเจริญอย่างเดียว เราไม่เล่นการเมืองแบบนักการเมืองโบราณ เราดูแลรับใช้ทุกพื้นที่ ถึงไม่มี ส.ส. เราก็ทำงานให้แน่นอน มาครั้งนี้เราเอานโยบายมาขาย ก็หวังว่านโยบายและผลงานที่ผ่านมาจะช่วยเราตอกเสาเข็มได้ ส.ส.ในพื้นที่”
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า สำหรับ จ.หนองคาย เดิมมี ส.ส.3 คน เป็นของพรรคเพื่อไทยทั้งหมด ขณะที่พรรคพลังประชารัฐได้เดินทางมาเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ไปแล้วเมื่อช่วงเดือน ส.ค.ที่ผ่านมา.