หลังจากที่ พรรคก้าวไกล โดย พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรค ออกมาประกาศนโยบายสำคัญของพรรคในการแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 112 มีกระแสต่อต้านออกมาจากบรรดาพรรคการเมือง โดยเฉพาะขั้วรัฐบาล ประชาธิปัตย์ ภูมิใจไทย พลังประชารัฐ ชาติไทยพัฒนา แบ่งขั้วการเมืองกันค่อนข้างจะชัดเจน

กระแสสังคมที่กำลังมอง ก้าวไกล ด้วยความสงสัยว่า นโยบายดังกล่าว เป็นการสร้างความแตกแยกครั้งสำคัญในสังคมไทยหรือไม่ โดยเฉพาะ หมวดที่เกี่ยวข้องกับพระมหากษัตริย์ จนในที่สุด ผู้จัดการรณรงค์สื่อสารนโยบายพรรค พริษฐ์ วัชรสินธุ ได้ออกมาอธิบายข้อเท็จจริงว่า เคารพในความเห็นที่แตกต่างกับนโยบายของพรรค แต่อยากจะให้เห็นเจตนารมณ์ที่แท้จริง เพื่อไม่ให้เกิดความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน หรือมีความจงใจที่จะบิดเบือนเนื้อหาให้เกิดความขัดแย้งขึ้นมา

ทั้งนี้ การแก้ไขมาตรา 112 ไม่ได้แปลว่า เราจะไม่มีกฎหมายในการคุ้มครองประมุข แต่เป็นข้อเสนอในการแก้ไขให้มีกฎหมาย คุ้มครองประมุขประเทศได้ดียิ่งขึ้น ในการพัฒนาและรักษาความสัมพันธ์ระหว่างประชาชนกับพระมหากษัตริย์

มีการอธิบายถึงสาระรายละเอียด ไม่ว่าจะเป็น เรื่องของการกำหนดโทษ การกำหนดผู้มีอำนาจฟ้อง หรือการที่มีองค์กร สถาบัน นักการเมือง ข้าราชการ นำชื่อเสียงของสถาบัน ไปเป็นข้ออ้างในการกระทำอย่างใดอย่างหนึ่ง ที่อาจจะทำให้เกิดความเสื่อมเสียและเข้าใจผิดต่อสถาบัน

“การวางขอบเขตการบังคับใช้ตามบทกฎหมาย ระบุความผิดการดูหมิ่น หมิ่นประมาท และอาฆาตมาดร้าย ในทางปฏิบัติเห็นถึงความคลุมเครือและความไม่แน่นอนในการบังคับใช้ เป็นเหตุผลที่พรรคก้าวไกลเสนอให้มีการบัญญัติที่ชัดเจน เพื่อเป็นการคุ้มครองการแสดงความเห็นโดยสุจริต หรือเป็นประโยชน์กับสาธารณะ”

โดยปกติแล้ว การแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับสถาบันชาติ เป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงมาโดยตลอด เพราะมีความละเอียดอ่อนต่อสังคม และกฎหมายไทย ถ้าจะนำเรื่องเหล่านี้ไปเปรียบเทียบกับกฎหมายในบางประเทศ ก็ยังมีความแตกต่าง ด้านขนบธรรมเนียม ประเพณีและวัฒนธรรมที่แตกต่างกัน เช่นเดียวกับความเชื่อของ คนรุ่นใหม่กับ คนรุ่นเก่า ที่มีความเห็นที่แตกต่างกันมาโดยตลอด

...

ความแตกต่างของคนต่างรุ่น ต่างวัย กลายเป็นความขัดแย้ง เป็นชนวนความแตกแยกของคนในประเทศ เช่นเดียวกับในหลายประเทศที่เคยเกิดขึ้นมาแล้ว

และความแตกต่างดังกล่าว กำลังเป็นเงื่อนไขของการเมืองการปกครองไทย อาทิ ก้าวไกล คงไม่ได้คิดถึงการร่วมรัฐบาลสมัยหน้า คิดแค่ว่าจะให้ประชาชนเห็นด้วยกับนโยบายและอุดมการณ์พรรคให้มากที่สุดก่อน ซึ่งจะมีผลต่อการเลือกตั้งโดยตรง ผลก็คือ ถ้า ก้าวไกล เป็นตัวแปรสำคัญในการตั้งรัฐบาลครั้งหน้า จะทำอย่างไร

เป็นข้อเท็จจริงที่ไม่ควรจะเป็นเงื่อนไขสำคัญ ถ้าทุกฝ่ายมีความเห็นในเรื่องนี้ด้วยเจตนาที่บริสุทธิ์ และมีเป้าหมายเพื่อรักษาสถาบันสูงสุดเอาไว้ในบริบทชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ไม่ใช่การล้มล้าง หรือเป็นข้ออ้างของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง

ที่ต้องการแสวงหาผลประโยชน์ทางการเมืองเท่านั้น.

หมัดเหล็ก
mudlek@thairath.co.th