"นายกฯ" ส่ง "บิ๊กจ๊อด" นำทีม "บิ๊กทหารเรือ" ต้อนรับเรือ Spectrum of the Seas เรือสำราญสัญชาติสหรัฐฯ ขนาดใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ให้บริการนักท่องเที่ยวเป็นครั้งแรก หลังสถานการณ์โควิด-19 โดยได้นำนักท่องเที่ยวกว่า 5 พันชีวิต กลับมาสู่ประเทศไทย เพื่อมาเยือนเกาะภูเก็ต
เมื่อวันที่ 29 ต.ค. 65 พล.ร.อ.เชิงชาย ชมเชิงแพทย์ ผบ.ทร. ในฐานะ รอง ผอ.ศรชล. ได้รับมอบหมายจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และผอ.ศรชล. เดินทางต้อนรับเรือสเปคตรัม ออฟ เดอะ ซีส์ (Spectrum of the Seas) ที่เป็นเรือสำราญสัญชาติสหรัฐอเมริกาขนาดใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ที่กลับมาสู่ประเทศไทยให้บริการนักท่องเที่ยวเป็นครั้งแรก หลังสถานการณ์แพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) โดยมี นายณรงค์ วุ่นซิ้ว ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต ผู้แทนส่วนราชการ ภาคเอกชน/ผู้ประกอบการท่องเที่ยวของจังหวัดภูเก็ตและเขตจังหวัดชายฝั่งทะเลอันดามัน และผู้แทนหน่วยงานในสังกัด ศรชล.ทั้ง 7 หน่วยงาน ประกอบด้วย กองทัพเรือ กรมเจ้าท่า กรมประมง กรมศุลกากร กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง กองบังคับการตำรวจน้ำ และกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน ร่วมให้การต้อนรับ ณ จุดทิ้งสมอ บริเวณอ่าวป่าตอง จังหวัดภูเก็ต ได้รับความสนใจจากสื่อมวลชนทั้งไทยและต่างประเทศร่วมทำข่าวกันอย่างคับคั่ง
...
โดย พล.ร.อ.เชิงชาย ชมเชิงแพทย์ พร้อมคณะผู้บริหาร ศรชล. ผู้แทนส่วนราชการ และผู้ประกอบการท่องเที่ยวในจังหวัดภูเก็ต ได้กล่าวต้อนรับ กัปตัน Wu Hui Min และ Ms. Angie Stephen - Vice President of Royal Caribbean International ความสำคัญตอนหนึ่งว่า รู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งในโอกาสที่ได้มาต้อนรับทุกท่านและนักท่องเที่ยวอย่างใจจริง เป็นที่ทราบด้วยทั่วกันว่า จังหวัดภูเก็ต เป็นสถานที่ท่องเที่ยวระดับโลก และเป็นจุดหมายหลักของนักท่องเที่ยวทั่วโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งการท่องเที่ยวด้วยเรือสำราญ เมื่อจังหวัดภูเก็ตได้รับการบรรจุไว้ในเส้นทางเดินเรือสำราญ แสดงให้เห็นว่าประเทศไทยได้การยอมรับและมีความพร้อมในต้อนรับนักท่องเที่ยวคุณภาพจำนวนมาก (Mass Quality Tourism) ให้กลับเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทยอีกครั้งหนึ่ง
ปัจจุบันการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานท่าเรือสำราญ ทั้งการพัฒนาท่าเรือแบบแวะพัก (Port of Call) และการพัฒนาท่าเรือต้นทาง (Home Port) ได้ถูกบรรจุไว้ในแผนพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ ซึ่งนับเป็นการเพิ่มศักยภาพของไทยในการเชื่อมโยงเส้นทางเดินเรือสำราญเปิดโอกาสให้นักท่องเที่ยวได้สัมผัสความหลากหลายของบรรยากาศและทะเลอันงดงามของไทย ทั้งฝั่งทะเลอ่าวไทย และทะเลอันดามัน ซึ่งเป็นประสบการณ์ การท่องเที่ยวในอีกรูปแบบหนึ่ง และเป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวเรือสำราญทั่วโลก การได้รับการสนับสนุนและความร่วมมือกับสายเรือสำราญระดับโลกอย่าง Royal Caribbean International จึงนับเป็นสิ่งสำคัญที่จะเสริมสร้างศักยภาพของการท่องเที่ยวเรือสำราญในประเทศไทยและภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่มีอัตลักษณ์เฉพาะตัวให้มีความโดดเด่น และก้าวสู่การเป็นแหล่งท่องเที่ยวเรือสำราญที่สำคัญระดับโลก
"ในฐานะเจ้าของบ้าน ผมขอถือโอกาสนี้ในการต้อนรับการกลับมาให้บริการในประเทศไทยของสายเรือ Royal Caribbean International อีกครั้ง และมีความยินดีที่จะสนับสนุนและอำนวยความสะดวกให้กับเรือสำราญและนักท่องเที่ยวทุกๆ คน ขอบคุณครับ" รอง ผอ.ศรชล. กล่าว
ทั้งนี้ คณะรอง ผอ.ศรชล. ได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่น โดยเยี่ยมชมสะพานเดินเรือ ชั้น 12 ตลอดจนสิ่งอำนวยความสะดวกของเรือ เช่น IFly และ Flowrider ที่ตั้งอยู่ที่ชั้น 15 จากนั้นคณะทั้งหมดร่วมประทานอาหารกลางวันที่ CHOPS Grille ที่ชั้น 5 และถ่ายภาพที่ระลึกร่วมกัน โดยมีการหารือถึงแนวทางส่งเสริมการดึงดูดนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเพิ่มมากขึ้น หลังจากต้องหยุดให้บริการไปตั้งแต่ช่วงเดือนกุมภาพันธ์ 2563 เพราะสถานการณ์โควิด ซึ่งปัจจุบันสถานการณ์เริ่มคลี่คลายในทางที่ดีขึ้น อีกทั้งมีประกาศของกระทรวงสาธารณสุขให้ โรคโควิด-19 ไม่ใช่โรคติดต่อร้ายแรงตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2565 นับเป็นสัญญาณเปิดประเทศที่ดีในการอ้าแขนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติสู่อ้อมกอดของทะเลไทยอีกครั้งทั้งฝั่งทะเลอันดามัน และทะเลอ่าวไทย ไม่ว่าจะเป็น เกาะไม้ท่อน เกาะราชา เกาะเฮ จังหวัดภูเก็ต หมู่เกาะสิมิลัน หมู่เกาะสุรินทร์ จังหวัดพังงา เกาะหลีเป๊ะ จังหวัดสตูล หรือหมู่เกาะอ่างทอง จังหวัดสุราษฎร์ธานี หมู่เกาะช้าง จังหวัดตราด และหาดขนอม หมู่เกาะทะเลใต้ จังหวัดนครศรีธรรมราช ล้วนเป็นแหล่งท่องเที่ยวสวยงามทั้งสองฝั่งทะเลของประเทศไทยที่มีชื่อเสียงโด่งดังไกลไปทั่วโลก
รอง ผอ.ศรชล. แสดงจุดยืนชัดเจนว่า ในฐานะที่ ศรชล. ปฏิบัติภารกิจตามที่ได้บัญญัติไว้ในพระราชบัญญัติการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล พ.ศ.2562 มาอย่างเข้มแข็ง ตระหนักดีว่าภารกิจพิทักษ์รักษาความมั่นคงทางทะเลนั้น จำเป็นต้องพึ่งพิงความมั่นคงทางเศรษฐกิจสังคมควบคู่ไปด้วย ดังนั้น ศรชล. จึงระดมสรรพกำลังอย่างเต็มที่ในการสนับสนุนการเสริมสร้างการเติบโตทางเศรษฐกิจ และการใช้ประโยชน์ทรัพยากรทางทะเล ด้วยการเปิดประตูทางทะเล ปลุกกระแสท่องเที่ยวทะเลไทยต้อนรับเรือสำราญจากนานาชาติที่จะนำพานักท่องเที่ยวเข้ามากระตุ้นการท่องเที่ยวที่มีแนวโน้มจะฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว ประมาณการว่าตลอดปี 2565 จะมีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าประเทศไทยราว 10 ล้านคน ซึ่งจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจให้ขยายตัวได้เป็นอย่างดี รวมไปถึงการอำนวยความสะดวกต่างๆ ตามที่รัฐบาลได้ยกเลิกการตรวจสุขภาพก่อนเดินทางเข้าสู่ประเทศไทย ทำให้อัตราเข้าพักโรงแรมต่างๆ เริ่มฟื้นตัวตามจำนวนนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จึงขอความร่วมมือร่วมใจจากทุกฝ่ายร่วมกันทำงานเพื่อสนับสนุนและอำนวยความสะดวกในการท่องเที่ยวทางทะเลของประเทศไทยอย่างเต็มกำลังความสามารถ
ทั้งนี้ ศรชล. ยังคงกำหนดมาตรการที่จัดทำเป็นขั้นตอนมาตรฐานสำหรับการรับเรือสำราญขนาดใหญ่ หรือ SOP for Cruise Ship ที่จะเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวไทยทางฝั่งทะเลอันดามัน เพื่อบูรณาการการปฏิบัติของทุกภาคส่วนภายใต้แนวทางเดียวกันในการสร้างความมั่นใจต่อความปลอดภัยการท่องเที่ยวไทย
สำหรับเรือสำราญ "Spectrum of the seas" มีขนาด 169,379 ตัน ความยาว 347 เมตร ความกว้าง 49.24 เมตร สามารถรองรับผู้โดยสารได้สูงสุด 4,905 คน มีห้องพักมากถึง 2,100 ห้อง มีความเร็วในการเดินทาง 22 นอต (ไมล์ต่อชั่วโมง) นับเป็นเรือสำราญขนาดใหญ่ ชั้นควอนตัม อัลตรา ลำแรกที่แล่นผ่านเข้ามาท่องเที่ยวทางทะเลฝั่งอันดามัน และทิ้งสมอจุดหมายปลายทางที่อ่าวป่าตอง จังหวัดภูเก็ต เป็นเรือสัญชาติอเมริกัน ภายใต้บริษัท รอยัล คาริเบียน อินเทอร์เนชันแนล (Royal Caribbean International) สร้างขึ้นโดยอู่ต่อเรือเมเยอร์ เวิร์ฟ ในประเทศเยอรมนี เริ่มให้บริการอยู่ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกตั้งแต่เดือนเมษายน 2562 เป็นต้นมา.