นายกฯ ห่วงการเดินทางของประชาชนพื้นที่น้ำท่วม กำชับนำเรือ รถยกสูงเข้าช่วยเหลือ สั่งเร่งดูแลเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบ กำชับหน่วยงานของรัฐช่วยทำความเข้าใจ
วันนี้ (17 ตุลาคม 2565) นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ห่วงใยเรื่องการเดินทางของประชาชนในพื้นที่ประสบอุทกภัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่เส้นทางคมนาคมถูกตัดขาด โดยกำชับให้ทุกหน่วยงานเร่งแก้ปัญหา นำเรือ รถยกสูง ทั้งของหน่วยงานในพื้นที่ ส่วนท้องถิ่น ภาคธุรกิจ จิตอาสา สมาคมขนส่งฯ เข้าช่วยเหลือประชาชน พร้อมเน้นย้ำขอให้ทุกฝ่ายช่วยกันเพื่อช่วยเหลือประชาชนอย่างต่อเนื่อง ในส่วนของน้ำที่ไหลลงในพื้นที่ทุ่งต่างๆ เป็นการดำเนินการระบายน้ำด้วยความจำเป็น ขอให้หน่วยงานรัฐทำความเข้าใจประชาชน ซึ่งรัฐบาลจะดูแลเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการระบายน้ำอย่างเร่งด่วน
นอกจากนี้ จากอิทธิพลของมรสุมทำให้ฝนตกหนักถึงหนักมากจนทำให้หลายพื้นที่เกิดน้ำท่วมฉับพลัน ประกอบกับกรมอุตุนิยมวิทยา เตือนว่าประเทศไทยยังมีฝนตกหนักต่อเนื่องบริเวณทุกภาคในช่วงนี้ รัฐบาลจึงให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเตรียมพร้อมรับสถานการณ์ซึ่งอาจเกิดน้ำท่วมสูง และรัฐบาลมีความห่วงใยต่อการขับขี่รถของประชาชน เพราะการขับรถในสภาพดังกล่าวมีความเสี่ยงที่เกิดอุบัติเหตุมากกว่าปกติ เนื่องจากถนนเปียกลื่น อาจมีน้ำท่วมขัง ทำให้ประสิทธิภาพในการทรงตัวและยึดเกาะถนนของรถลดลง รวมถึงทัศนวิสัยในการมองเห็นเส้นทางไม่ชัดเจน ดังนั้น เพื่อป้องกันและลดความเสี่ยงจากอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้น รัฐบาลจึงมีคำแนะนำให้ประชาชนผู้ขับขี่รถเพิ่มความระมัดระวังในการขับขี่ขณะฝนตกและในพื้นที่น้ำท่วม
ขณะเดียวกัน กรมการขนส่งทางบก แนะนำให้หมั่นตรวจสอบความพร้อมของรถอย่างสม่ำเสมอ โดยเฉพาะที่ปัดน้ำฝนยางต้องสามารถรีดน้ำบนกระจกได้ดี สภาพยางรถต้องมีสภาพดี ไม่มีรอยฉีกขาด บวม ดอกยางไม่สึกหรอ มีความลึกพอที่จะยึดเกาะถนนและรีดน้ำได้เป็นอย่างดีเมื่อต้องขับรถขณะที่มีฝนตกและถนนเปียกลื่น เพราะหากยางรถเสื่อมสมรรถภาพมีโอกาสเสี่ยงที่จะเกิดอุบัติเหตุ รวมทั้งตรวจเช็กระบบเบรก ซึ่งต้องสามารถหยุดรถได้ในระยะทางที่ปลอดภัย หากมีเสียงดังขณะเหยียบเบรก รถมีอาการปัด เหยียบแป้นเบรกไม่ลง หรือมีสัญลักษณ์ไฟระบบเบรกค้างบนหน้าปัด ควรนำรถเข้าตรวจสภาพเพื่อความปลอดภัย เช็กระบบไฟรถยนต์ให้แสงไฟส่องสว่างทุกดวงจะช่วยเพิ่มความปลอดภัย
...

พร้อมกันนี้ กรมการขนส่งทางบกแนะนำว่า การขับขี่ขณะฝนตกต้องใช้ความเร็วให้เหมาะสมกับทัศนวิสัยการมองเห็น ต้องหมั่นสังเกตสภาพถนนให้มากขึ้น เพราะเมื่อฝนตกหนักนอกจากถนนเปียกลื่นยังอาจมีน้ำขังบนผิวจราจร หากรถขับด้วยความเร็วสูง เมื่อยางปะทะกับน้ำที่ขังบนพื้นผิวจราจรอาจทำให้รถเกิดอาการเหินน้ำ ไม่ยึดเกาะถนน จนไม่สามารถควบคุมรถได้ เป็นสาเหตุให้เกิดอุบัติเหตุที่รุนแรงได้ และให้เปิดที่ปัดน้ำฝนโดยปรับระดับความเร็วตามปริมาณของฝนที่ตกลงมา เว้นระยะห่างจากรถคันหน้ามากกว่าปกติ เพื่อให้มีระยะเบรกมากขึ้น เปิดไฟหน้ารถทันทีเมื่อฝนตกหนักให้รถคันอื่นมองเห็นชัดเจน หากมีความจำเป็นต้องขับขี่บริเวณที่น้ำท่วมขังให้สังเกตระดับความลึกจากรถคันหน้าหรือขอบทางเท้า สำหรับรถจักรยานยนต์ หากฝนตกหนักควรหาที่จอดรถที่เหมาะสมและปลอดภัย และรอจนฝนเบาลงก่อนจึงเดินทางต่อ
กรณีเกิดเหตุฉุกเฉินรถเสีย ประสบอุบัติเหตุ จำเป็นต้องจอดข้างทาง พยายามเคลื่อนรถให้พ้นทางเดินรถ หากจำเป็นต้องจอดในทางเดินรถ ควรจอดในลักษณะที่ไม่กีดขวางการจราจร จอดรถให้ชิดไหล่ทางมากที่สุด เปิดสัญญาณไฟฉุกเฉิน หรือเปิดไฟเหลืองกะพริบ เพื่อเตือนให้ผู้ขับขี่รถคันอื่นมองเห็นได้ชัดเจน จะช่วยป้องกันไม่ให้เกิดอุบัติเหตุ และเจ้าของรถที่เกิดแผ่นป้ายทะเบียนรถหล่นหาย สามารถขอรับแผ่นป้ายทะเบียนรถทดแทนได้ทันทีโดยไม่ต้องแจ้งความ สามารถติดต่อยื่นคำขอ ณ สำนักงานขนส่งที่รถนั้นอยู่ในความรับผิดชอบ
ทางด้านกองป้องกันการบาดเจ็บ กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข มีคำแนะนำให้ประชาชนตระหนักถึงข้อควรระวัง เมื่อขับรถเจอน้ำท่วม คือ
1. สังเกตระดับของน้ำ ถ้าหากขับไปแล้วเจอฝนตกหนัก ถนนเริ่มมีน้ำท่วมขัง ก่อนจะขับรถลุยน้ำควรประเมินความลึกของระดับน้ำไม่ควรท่วมเกิน 30 เซนติเมตร ถ้าน้ำท่วมเลยระดับฟุตปาท แนะนำให้เลี่ยงเส้นทางนั้น หรือดูจากระดับน้ำท่วมที่ล้อรถ หากท่วมถึงระดับขอบประตู ไม่แนะนำให้เดินทางต่อเพราะน้ำอาจเข้าห้องโดยสาร ส่งผลให้ระบบไฟช็อต และเครื่องยนต์อาจดับได้
2. เลือกเลนขับเวลาเจอน้ำท่วม รักษาระยะห่างจากรถคันอื่น หลีกเลี่ยงเลนที่น้ำท่วมสูง โดยเบี่ยงรถเข้าหาเลนที่มีน้ำระดับต่ำ จะช่วยลดความเสี่ยงน้ำเข้าเครื่องยนต์ได้
3. ชะลอความเร็วก่อนถึงจุดน้ำท่วม หากจำเป็นต้องขับรถลุยน้ำ ขอให้ชะลอความเร็ว เพราะถ้าขับด้วยความเร็วสูง รถอาจเสียการทรงตัวได้ เวลาขับควรใช้ความเร็วต่ำและสม่ำเสมอ และเหยียบเบรกย้ำๆ เพื่อไล่น้ำออกจากผ้าเบรก

“พล.อ.ประยุทธ์ เป็นห่วงเรื่องการเดินทางของประชาชนในพื้นที่ประสบภัยน้ำท่วม จึงได้กำชับให้ทุกหน่วยงานเร่งแก้ปัญหา โดยเฉพาะเส้นทางที่คมนาคมถูกตัดขาด ย้ำว่าขอให้ทุกฝ่ายช่วยกันเพื่อช่วยเหลือประชาชน และเพื่อไม่ให้เกิดอุบัติเหตุทางถนน การขับขี่ยานพาหนะในสภาวะที่ฝนตก ถนนมีน้ำท่วมขังเป็นระยะ ต้องมีการเตรียมพร้อม และระมัดระวังเป็นพิเศษ ซึ่งรัฐบาลมีความห่วงใยในความปลอดภัยของผู้ที่ใช้รถใช้ถนนทุกคน ขอให้ปฏิบัติตามคำแนะนำดังกล่าวเพื่อป้องกันอุบัติเหตุจากการใช้รถใช้ถนนช่วงนี้ เพราะการเดินทางช่วงที่มีฝนตกมีโอกาสที่จะเกิดอุบัติเหตุได้สูง”
อย่างไรก็ตาม หากประชาชนพบเห็นผู้บาดเจ็บจากอุบัติเหตุ ขอให้โทรแจ้งขอความช่วยเหลือจากทีมแพทย์กู้ชีพ สายด่วน 1669 ซึ่งเป็นผู้ที่มีความรู้ความชำนาญจะเกิดความปลอดภัยกับผู้บาดเจ็บมากขึ้น ขณะเดียวกัน นายกรัฐมนตรียังให้เร่งทำความเข้าใจกับประชาชนที่ได้รับผลกระทบในส่วนของการระบายน้ำที่ไหลลงในพื้นที่ทุ่งต่างๆ ว่าเป็นการดำเนินการด้วยความจำเป็น ซึ่งรัฐบาลจะดูแลเยียวยาประชาชนที่ได้รับผลกระทบอย่างเร่งด่วนต่อไป.