"ชญาภา" รองโฆษกเพื่อไทย ชี้ สิทธิเสรีภาพแสดงออกการเมืองไทยตกต่ำนับทศวรรษ จนต่างชาติจัดอันดับไร้เสรีภาพ ติดต่อกัน 2 ปีซ้อน อ้าง ปมเดี่ยว 13 โน้ต อุดม ที่คนในรัฐบาลมองเป็นการกระทำเกินขอบเขต จี้ รัฐเร่งทบทวนบทบาท

วันที่ 15 ต.ค. นางสาวชญาภา สินธุไพร รองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีองค์กรระหว่างประเทศด้านสิทธิเสรีภาพพลเมือง หรือฟรีดอมเฮาส์ (Freedom House) เผยแพร่รายงานเสรีภาพโลกประจำปี 2022 (Freedom of the World 2022) ที่ประเมินสิทธิทางการเมืองและเสรีภาพของประชาชนในแต่ละประเทศทั่วโลก พบว่า ประเทศไทยถูกจัดให้อยู่ในประเทศ "ไร้เสรีภาพ" เป็นอันดับที่ 7 ของโลก ซึ่งถูกลดขั้นตกชั้นติดต่อกัน 2 ปีซ้อน ถูกรวมอยู่ในกลุ่มประเทศที่ประสบกับวิกฤติการถดถอยของเสรีภาพหนักที่สุด แย่กว่าเยเมน ซึ่งอยู่ในอันดับที่ 21 และอัฟกานิสถาน อันดับที่ 22 ทั้งยังเป็น 1 ใน 10 ประเทศที่ "ต้องจับตาเป็นพิเศษ" จากการดำเนินการทางกฎหมายต่อผู้ชุมนุมที่เรียกร้องประชาธิปไตย ขณะที่อันดับการประเมิน "ด้านสิทธิทางการเมือง" และ "เสรีภาพพลเมือง" ไทยได้ 29 คะแนนจากเต็ม 100 คะแนนนั้น

ทั้งหมดสะท้อนให้เห็นว่า ประเทศไทยภายใต้การนำของรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กว่าเกือบทศวรรษ สิทธิเสรีภาพในการแสดงออกทางการเมืองของประชาชนคนไทยตกต่ำอย่างหนัก ไทยต้องประสบกับสภาวะถดถอยทางเสรีภาพขั้นวิกฤติ โดยเฉพาะด้านสิทธิมนุษยชนและประชาธิปไตย ที่นับวันพัฒนาการทางประชาธิปไตยยิ่งเสื่อมถอยลงทุกวัน ถูกลดชั้นจากองค์กรระหว่างประเทศทุกปี ไม่มีความสง่างามในเวทีโลก เพราะความพยายามปิดกั้นเสรีภาพในการแสดงออกรวมทั้งการวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลถูกจำกัด การชุมนุมของนักเรียน นิสิตนักศึกษา และประชาชนหลายครั้งในช่วงที่ผ่านมา กลายเป็นเงื่อนไขให้รัฐบาลดำเนินคดีและจับกุมคุมขังคนเห็นต่างในที่สุด

...

นางสาวชญาภา กล่าวอีกว่า สิทธิและเสรีภาพในการแสดงออกเป็นพื้นฐานสำคัญของสังคมประชาธิปไตยที่สามารถทำได้ แต่ประชาชนกลับถูกปิดกั้นเสรีภาพในการพูดอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่การแสดงความคิดเห็นทางการเมืองของนักกิจกรรมหลายคน

ตลอดจนประเด็นที่เกิดขึ้นล่าสุด กรณีจากการแสดง เดี่ยวไมโครโฟน 13 ของนายอุดม แต้พานิช หรือ โน้ต ที่มีการแสดงความคิดเห็นในเชิงวิพากษ์วิจารณ์การบริหารราชการแผ่นดินของ รัฐบาลพลเอกประยุทธ์ ก็ถูกคนในรัฐบาลมองว่า เป็นการกระทำที่เกินขอบเขตและใช้กฎหมายดำเนินการ ทั้งที่นายกรัฐมนตรีและองคาพยพ คือ บุคคลสาธารณะ รับเงินเดือนจากภาษีประชาชน ประชาชนย่อมมีสิทธิเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น ตรวจสอบวิจารณ์การทำงานของรัฐบาลได้ตามรัฐธรรมนูญ รัฐบาลไม่ควรใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือดำเนินคดีกับคนเห็นต่าง เพราะยิ่งจะเป็นการขยายให้เกิดความขัดแย้งในสังคมให้มากขึ้น

ดังนั้น รัฐบาลควรเร่งทบทวนบทบาทของตัวเองว่า ได้ทำประเทศล้าหลัง ประชาธิปไตยถดถอยจริงหรือไม่ จนองค์กรต่างประเทศได้เรียกร้องรัฐบาลไทยให้ยกเลิกข้อกล่าวหาผู้ชุมนุมอันเป็นการปิดกั้นสิทธิเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นของคนในประเทศ

"รัฐบาลอย่าลืมว่าที่ใดมีการกดขี่ ที่นั่นย่อมมีการลุกฮือต่อต้าน จากประชาชนผู้เป็นเจ้าของอำนาจอธิปไตยที่แท้จริง รัฐบาลพลเอกประยุทธ์ควรมีความละอายที่ยิ่งดันทุรังอยู่ในอำนาจนานยิ่งทำให้ภาพลักษณ์ของประเทศยิ่งเสียหาย" นางสาวชญาภา กล่าว