“อนุชา” เร่งติดตามสถานการณ์น้ำในพื้นที่ จ.ชัยนาท หลังได้รับรายงานคันกั้นน้ำพัง เบื้องต้นซ่อมแซมแล้ว คาดหากไม่มีปริมาณน้ำเพิ่มจะกลับสู่สภาวะปกติเร็วๆ นี้
นายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย นายนที มนตริวัต รองผู้ว่าราชการจังหวัดชัยนาท รักษาราชการแทนผู้ว่าราชการจังหวัดชัยนาท นายอนุสรณ์ นาคาศัย นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดชัยนาท และหัวหน้าส่วนราชการจังหวัดชัยนาท เดินทางลงพื้นที่ อ.เมือง จ.ชัยนาท เมื่อวันที่ 10 ต.ค. 2565 ที่ผ่านมา เพื่อติดตามสถานการณ์น้ำหลังได้รับรายงานน้ำในพื้นที่เพิ่มสูงจากปริมาณฝนตกหนักและน้ำเหนือไหลเข้าพื้นที่ ประกอบกับคันกั้นน้ำที่วัดลัดเสนาบดี (วัดเกาะ) พัง ส่งผลให้บ้านเรือนประชาชนและพื้นที่การเกษตรได้รับความเสียหาย
ทั้งนี้ นายอนุชา เดินทางไปยังวัดลัดเสนาบดี (วัดเกาะ) หมู่ที่ 1 ต.เขาท่าพระ และบ้านดักคะนน ต.ธรรมามูล อ.เมือง จ.ชัยนาท ซึ่งได้รับผลกระทบจากคันกั้นน้ำพัง มีปริมาณน้ำไหลแรงเข้าสู่พื้นที่อยู่อาศัยของประชาชนและพื้นที่การเกษตรอย่างรวดเร็ว ถนนหนทางบางส่วนได้รับความเสียหายจากน้ำกัดเซาะ สร้างความเดือดร้อนแก่ประชาชนในพื้นที่ จากนั้น กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กำชับทุกภาคส่วนให้ความช่วยเหลือและดูแลประชาชนอย่างเต็มกำลัง และฝากความห่วงใยมายังประชาชนทุกพื้นที่
...
สำหรับ จ.ชัยนาท พื้นที่ ต.ธรรมามูล และ ต.เขาท่าพระ เป็นพื้นที่เหนือเขื่อนเจ้าพระยา และเป็นพื้นที่สำคัญที่ต้องรักษาไม่ให้เกิดน้ำท่วมสูง เมื่อคันกั้นน้ำพังจะทำให้น้ำท่วมไปหลายตำบลและอาจส่งผลถึงจังหวัดใกล้เคียง พร้อมกำชับหน่วยงานในพื้นที่เร่งระดมสรรพกำลังทุกภาคส่วนให้ความช่วยเหลือเร่งดำเนินการซ่อมแซมคันกั้นน้ำเพื่อลดความเสียหายที่จะเกิดขึ้นแก่พี่น้องประชาชน คาดว่าหากไม่มีปริมาณน้ำฝนและปริมาณน้ำจากแหล่งอื่นมาเพิ่มเติมสถานการณ์จะกลับสู่สภาวะปกติ
“ตอนนี้เราอยู่ในช่วงของการเฝ้าระวังและเสริมกำลังไปยังพื้นที่เปราะบางเพื่อให้มีความมั่นคงในการป้องกันคันน้ำไม่ให้พังทลาย โดยในระยะยาวจะดำเนินการประสานไปยังองค์การบริหารส่วนจังหวัดและทางหลวงชนบทที่ดูแลถนนเส้นนี้ ให้ทำการยกระดับถนนให้ปลอดภัยจากน้ำท่วม และกำชับทางจังหวัดให้ดูแลประชาชนผู้ได้รับผลกระทบทุกด้าน ทั้งชีวิตความเป็นอยู่และสุขอนามัย หากมีความเดือดร้อนเรื่องใดจะจัดชุดเคลื่อนที่เร็วให้ความช่วยเหลือประชาชนทันที”
สำหรับ จ.ชัยนาท ประสบสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่ 6 อำเภอ 30 ตำบล 145 หมู่บ้าน 10 ชุมชน ประชาชนได้รับความเสียหาย 8,250 ครัวเรือน มีพื้นที่การเกษตรได้รับผลกระทบ 86,994 ไร่ โดยพื้นที่ที่ประสบน้ำท่วมรุนแรงมากที่สุดคือ อ.สรรพยา เบื้องต้นองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ความช่วยเหลือและอยู่ระหว่างการสำรวจความเสียหาย.