“ประยุทธ์” ลั่น ไม่อาจประกาศได้ว่าจะไม่ท่วม ไม่โยนความผิดให้ใคร รับ ปีนี้หนักหนาสาหัส เร่งสร้างความเข้าใจประชาชน ขอบคุณเจ้าหน้าที่พร้อมอวยพรให้ปลอดภัย พร้อมหยอกล้อชาวบ้านหลังชมตัวจริงหล่อ

เมื่อเวลา 14.40 น. วันที่ 4 ต.ค. 2565 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ขึ้นรถยกสูงของกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) หมายเลขทะเบียน 53-7093 กรุงเทพมหานคร หลังรับฟังบรรยายสรุปการบริหารจัดการน้ำ และสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่จังหวัดอุบลราชธานี เพื่อลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมศูนย์พักพิงผู้ประสบอุทกภัยและเยี่ยมเยียนบ้านเรือนประชาชน ณ ชุมชนวัดวารินทราราม ตำบลวารินชำราบ อำเภอวารินชำราบ จังหวัดอุบลราชธานี

ทั้งนี้ ขณะอยู่บนรถ พล.อ.ประยุทธ์ ได้วิดีโอคอลคุยกับผู้ประสบภัยน้ำท่วมใน อำเภอวารินชำราบ พร้อมบอกว่า ให้อดทนนิดนึง กำลังจะไปลงพื้นที่ พร้อมฝากความระลึกถึง ห่วงใย ถึงผู้ประสบภัยและคนละแวกนั้นด้วย รัฐบาลทำเต็มที่ และสถานการณ์จะดีขึ้นในเร็ววัน โดยตลอดทางที่รถผ่านนายกรัฐมนตรียกมือทักทายประชาชนเป็นระยะ และเมื่อผ่านจุดที่มีการตั้งศูนย์อพยพก็ได้ทำมือสัญลักษณ์ไอเลิฟยูให้ผู้ประสบภัย รวมถึงขอให้ประชาชนที่กำลังเดินฝ่าน้ำท่วมระมัดระวัง พร้อมขอบคุณเจ้าหน้าที่ อาสาสมัคร ที่มาช่วยดูแลและอำนวยความสะดวกประชาชน โดยอวยพรขอให้ปลอดภัยทุกคน 

...

เวลา 15.05 น. นายกรัฐมนตรี เดินทางถึงศูนย์พักพิงผู้ประสบอุทกภัยและเยี่ยมเยียนบ้านเรือนประชาชน ณ ชุมชนวัดวารินทราราม ตำบลวารินชำราบ หลังแนะนำคณะทำงานเสร็จก็กล่าวว่า กว่าจะถึงก็เหนื่อย แต่รู้ว่าประชาชนเหนื่อยกว่า วันนี้มาเยี่ยม เอาหัวใจมาฝาก อยากมาดูด้วยตาตัวเอง ได้มาอุบลราชธานี 6 ครั้งแล้วตั้งแต่เป็นนายกรัฐมนตรี ครั้งนี้น้ำท่วมจากพายุและฝนตกหนัก พยายามจะลดให้ได้มากที่สุด ทุกประเทศเจอปัญหาเดียวกัน ของเราถือว่าเรารอดมาจากพายุโนรู แต่หางก็คือฝน ต้องเตรียมแก้ปัญหาและช่วยเหลือเร็วที่สุด รัฐบาลดูแลเยียวยาให้ แต่ปัญหาคือท่วมหลายพื้นที่ นี่ไม่ใช่สถานการณ์ปกติ หลายภาคของประเทศก็โดน ถ้าเป็นสถานการณ์ปกติทำได้ เราเป็นประเทศอยู่ท่ามกลางมรสุม แต่โชคดีกว่าอาเซียนหลายประเทศ รัฐบาลทยอยทำหลายโครงการ แต่งบประมาณไม่มากมาย และประเทศต้องเข้มแข็งขึ้นเพื่อให้มีงบเข้ามา ยืนยันว่าไม่ได้แก้ตัว ทุกคนต้องอยู่รอด มีอาหารกิน น้ำดื่ม สุขภาพ ต่อไปก็ต้องพอเพียง และทำอย่างไรจะเข้มแข็งฟื้นตัวได้เร็ว ซึ่งอยู่ในแผนทั้งหมด จะเร่งเต็มที่ โครงการต่างๆ มีมาก แต่ทยอยทำปี 2565-2567 ตามงบประมาณ

“วันนี้มาเพื่อมาเยี่ยม มาให้กำลังใจ เห็นแล้วนายกฯ ก็ไม่สบายใจ ไม่มีใครสบายใจได้หรอกตอนนี้ แล้วพื้นที่ของท่านเนี่ย ไม่ว่าจะเป็นพื้นที่ของใครก็ตาม รัฐบาลนี้ละครับทำให้หมดทุกพื้นที่ ไม่ว่าจะเรื่องอะไรก็ตามรัฐบาลนี้ทำให้หมดทุกพื้นที่ ทุกจังหวัด ถามผู้ว่าฯ ได้ทุกจังหวัด ไม่มีแบ่งเขาแบ่งเรา ไม่มี เพราะฉะนั้นยืนยันตรงนี้ว่าเป็นรัฐบาลที่ต้องดูแลคนทั้งประเทศ” ก่อนจะจบด้วยประโยคที่ว่า “มันส่งใจถึงกันอยู่แล้วทุกวัน” โดยนายกรัฐมนตรีทำท่าชี้ไปที่อกข้างซ้ายด้วย

จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์ เข้าพูดคุยกับผู้ประสบภัยหลายครอบครัวในเต็นท์ศูนย์พักพิงผู้ประสบภัย โดยชาวบ้านบอกว่าแรกๆ ไม่มีใครไปเตือน และไม่มีแรงขนของ โดยนายกรัฐมนตรี ตอบกลับว่า ไม่มีแรงก็ขอให้คนช่วย ทหารก็มีอยู่ พร้อมฝากให้เด็กนักเรียนที่กำลังจะจบ ม.6 คิดถึงสาขาที่จบมาแล้วมีงาน ขณะที่ครอบครัวต่อมา พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวปลอบใจเรื่องข้าวของที่เสียหายจากน้ำท่วมว่า มันเสียก็ต้องเสีย ค่อยหาใหม่ ถ้าไม่อยู่ตรงนั้นก็ไม่ท่วม แต่มันเลือกไม่ได้ แนะให้นำของมีค่าออกมาก่อนหากเกิดเหตุเช่นนี้ พร้อมขอให้เป็นบทเรียน

ทั้งนี้ เมื่อถึงเต็นท์ถัดไป หญิง 2 คนชื่นชมนายกรัฐมนตรีว่าหล่อและยังหนุ่ม ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ ตอบกลับว่า “แก่แล้ว” จากนั้นหญิงรายนี้ตอบกลับว่า “แก่ที่ไหน ล้อหล่อ หล่อเหมือนในโทรทัศน์” แล้วบอกว่าน้ำที่บ้านจะท่วมถึงหลังคาแล้ว ก่อนจะถามต่อไปว่าเมื่อไหร่น้ำจะลด ซึ่งนายกรัฐมนตรีให้คำตอบว่า ถ้าฝนไม่ตกเพิ่ม พายุไม่เข้า วันนี้น้ำก็ทยอยลดลง เพราะฟ้าคุมไม่ได้ ถ้าฝนไม่ตกมาอีกเดี๋ยวน้ำก็ไป หลังนายกฯ อธิบายจบหญิงชาวบ้านก็กล่าวขึ้นอีกว่า ได้เห็นนายกฯ เห็นตัวเป็นๆ พล.อ.ประยุทธ์ จึงพูดด้วยเสียงกลั้วหัวเราะว่า “ตกลงปกติเห็นตัวตายๆ เหรอ” เรียกเสียงหัวเราะให้กับชาวบ้าน และพูดส่งท้ายว่า “น่าจะรักจะตายคนไทยเนี่ย” ขณะที่เมื่อเด็กชายคนหนึ่งบอกว่าโตขึ้นอยากเป็นแพทย์ พล.อ.ประยุทธ์ ได้กล่าวพร้อมอวยพรให้สำเร็จ และระบุว่า “วันหน้าถ้าลุงยังอยู่ รอให้เธอเป็นหมอ” ก่อนจะเดินไปยังจุดตัดผม และลงมือตัดผมให้ประชาชนด้วยตัวเอง

ต่อมา พล.อ.ประยุทธ์ ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนว่า การลงพื้นที่วันนี้มีโอกาสรับฟังความเห็นประชาชนทั้ง 2 จังหวัด และการดำเนินงานเป็นไปตามแผนที่ประชุมร่วมกับกระทรวงมหาดไทยวานนี้ (3 ต.ค. 2565) แต่ปัญหาสำคัญคือจะทำอย่างไรถ้าฝนยังไม่หยุดตก ก็ต้องเตรียมแผนเผชิญเหตุไว้ แต่ถ้าหยุดตกก็จะพร่องน้ำได้ง่ายขึ้น เราก็ต้องคาดหวังว่าให้มันดีขึ้น ถ้าเต็มที่แล้วก็คือเต็มที่แล้ว ต้องสร้างความเข้าใจกับประชาชน

“รัฐบาลไม่อาจจะประกาศได้ว่าจะไม่ท่วม เพราะว่ากรมอุตุนิยมวิทยาเขาชี้แจงมาอย่างนั้น นั่นคือสภาพลมฟ้าอากาศของโลก ของประเทศ ของภูมิภาค ถ้าไม่ฟังตรงนี้จะไปฟังใคร ถูกไหม เราต้องหามาตรการรองรับตรงนี้ จากปัจจุบัน การคาดการณ์ล่วงหน้า อาจจะภายใน 1 สัปดาห์ 2 สัปดาห์ หรือ 3 สัปดาห์ ว่ามีอะไรจะเข้ามาอีกหรือเปล่า ถ้าไม่มีน้ำก็ต้องระบายลงไป พื้นที่ต่ำก็ต้องเดือดร้อน ไล่ต้อนน้ำออกไป ก็ยินดีที่ประชาชนทั้ง 2 จังหวัดก็เข้าใจ ผมคิดว่าส่วนใหญ่เข้าใจอยู่แล้วล่ะ แต่ปัญหานี้เป็นปัญหาที่เราเผชิญกันมานานแล้ว แต่เราก็ต้องสร้างความเข้มแข็งต่อไป”

นายกรัฐมนตรี ระบุต่อไปว่า สิ่งสำคัญที่อยากจะบอกไว้คือในช่วงที่ผ่านมาแต่ละปี ถ้าไม่มีพายุนี้เข้ามา ความเสียหายที่เราจะได้รับผลกระทบจากค่าใช้จ่ายในส่วนนี้จะลดลงไปเยอะ ปีนี้หนักหนาสาหัส นี่คือข้อเท็จจริง ไม่ใช่ข้อแก้ตัว ไม่ใช่โยนความผิดให้คนอื่น ก่อนที่นายกรัฐมนตรีและคณะจะขึ้นรถยกสูงของ ปภ. เดินทางออกจากจุดนี้ และยังไปเยี่ยมเยียนให้กำลังใจศูนย์พังพิงในจุดอื่นต่อโดย พล.อ.ประยุทธ์ เดินลุยน้ำท่วม รวมถึงขอบคุณเจ้าหน้าที่ที่มาช่วยเหลือประชาชนด้วย และเราจะชนะได้ด้วยความร่วมมือ เมื่อเสร็จสิ้นภารกิจในจุดนี้ พล.อ.ประยุทธ์ และคณะ ก็เดินทางกลับกรุงเทพมหานคร.