คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา มีสิทธิอยู่ในตำแหน่งนายกรัฐมนตรีอีกสองปีเศษ นอกจากพรรคฝ่ายค้านจะถือเป็นโอกาสอันดีที่จะล้มระบอบประยุทธ์ ในการเลือกตั้งต่อไปแล้ว ฝ่ายค้านยังอาจจะทำการรณรงค์ให้ทำประชามติ เพื่อจัดทำใหม่ทั้งฉบับ โดยให้ประชาชนเลือก ส.ส.ร.มาทำหน้าที่

พรรคก้าวไกลออกแถลงการณ์ ระบุว่า นั่นเป็นอีกครั้งที่ประชาชนไทยสิ้นหวัง และเคลือบแคลงใจว่าสถาบันตุลาการ ที่ควรทำหน้าที่ตรวจสอบ และควบคุมความชอบด้วยรัฐธรรมนูญ กลับปกป้องคุ้มครองการสืบทอดอำนาจของคณะรัฐ ประหาร หนทางเดียวในการคืนประเทศให้ประชาชน คือทำประชามติ เพื่อจัดทำรัฐธรรมนูญใหม่

สอดคล้องกับแถลงการณ์พรรคไทยสร้างไทย ที่เรียกร้องให้ก้าวข้ามความขัดแย้งแบบความคิด 2 ขั้ว และเร่งผลักดันการแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) ที่มาจากประชาชน ข้อเสนอของทั้งสองพรรค เป็นไปตามญัตติที่มีผู้เสนอต่อสภา ให้จัดออกเสียงประชามติ เพื่อจัดทำรัฐธรรมนูญใหม่ พร้อมกับการเลือกตั้ง

เป็นแนวทางในการจัดทำรัฐธรรมนูญใหม่ ตามคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ที่ว่าถ้าจะแก้ไขรัฐธรรมนูญใหม่ ทั้งฉบับ ต้องให้จัดออกเสียงประชามติ เพื่อขอความเห็นชอบจากประชาชน เพราะรัฐธรรมนูญปัจจุบันผ่านประชามติ แต่ปัญหาก็คือ การลงประชามติเป็นอำนาจของคณะรัฐมนตรี ครม.ประยุทธ์จะยอมให้ลงประชามติหรือไม่

สามปีที่ผ่านมา รัฐบาลประยุทธ์ขัดขวางการแก้ไขรัฐธรรมนูญอย่างซ้ำซากไม่รู้ว่ากี่หน ไม่ว่าจะเป็นการขอแก้ไขเป็นรายมาตรา หรือแก้ไขทั้งฉบับ ไม่ว่าจะขอแก้โดยฝ่ายค้าน หรือแม้แต่พรรคร่วมรัฐบาล ทั้งๆที่รัฐบาลประกาศต่อรัฐสภาว่า การแก้ไข รัฐธรรมนูญให้เป็นประชาธิปไตย เป็นนโยบาย สำคัญเร่งด่วนของรัฐบาล

แต่พรรคแกนนำรัฐบาล กับ ส.ว. ยอมให้พรรคประชาธิปัตย์แก้ไขแค่เรื่องเดียว คือการเลือกตั้ง ส.ส.กลับไปใช้บัตร 2 ใบ แต่ผ่านมาแล้วหลายปี การแก้ไขแค่ประเด็นเดียวก็ยังไม่เสร็จ ยังไม่ประกาศเป็นกฎหมาย เพราะติดปัญหาจะหารด้วย 100 หรือ 500 ไม่ทราบว่าจะออกกฎหมายเลือกตั้งทันหรือไม่ ถ้าหากมีการยุบสภา

...

ถ้าประกาศใช้กฎหมายเลือกตั้งไม่ทันเวลา จะแก้ปัญหาอย่างไร บางคนเสนอให้รัฐบาลออกพระราชกำหนด บางคนบอกว่ารัฐบาลอาจใช้กฎหมายเลือกตั้งเดิม ใช้บัตรใบเดียว และหารด้วย 500 เหมือนกับเมื่อปี 2562 ให้กว่า 70 พรรคแข่งขันเลือกตั้ง ได้ ส.ส.เข้าสภา 20-30 พรรค และดำรงไว้ซึ่งระบอบประยุทธ์.