รัฐบาลห่วงใยสุขภาพผู้สูงอายุ เพิ่มสิทธิบัตรทองเข้าถึงการรักษาและป้องกันหลายโรค ครอบคลุมให้มากที่สุด มุ่งหวังให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีช่วงบั้นปลายชีวิต

วันที่ 3 ตุลาคม 2565 น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลมีความห่วงใยสุขภาพของพี่น้องประชาชนโดยเฉพาะกลุ่มผู้สูงอายุ โดยรัฐบาลกำชับให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการดูแลคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุ ให้อยู่ในสังคมอย่างมีความสุข มีสุขภาพแข็งแรง สามารถดูแลตนเองได้ และมีคุณภาพชีวิตที่ดีอย่างยั่งยืน ทั้งนี้ ประเทศไทยปัจจุบันก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุอย่างเต็มรูปแบบ โดยปี 2565 มีผู้สูงอายุ 60 ปี จำนวน 12.11 ล้านคน จากประชากรทั้งประเทศ 66 ล้านคน หรือคิดเป็น 18%

น.ส.รัชดา กล่าวต่อไปว่า รัฐบาลโดยสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) เข้าดูแลผู้ป่วยสูงอายุผ่านสิทธิตามโครงการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ หรือ บัตรทอง ที่ครอบคลุมการรักษาพยาบาลและบริการสาธารณสุขที่จำเป็น จากข้อมูลการเข้ารับบริการโดยใช้สิทธิบัตรทองล่าสุดในปี 2564 มีผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป จำนวน 9.6 ล้านคน เข้ารับบริการแบบผู้ป่วยในและผู้ป่วยนอกจำนวน 64.2 ล้านครั้ง จากการรับบริการในระบบบัตรทองทั้งหมด 167 ล้านครั้ง นอกจากนี้ยังพบว่าโรคที่ผู้สูงอายุเข้ารับการรักษาบ่อย ได้แก่ ความดันโลหิตสูง เบาหวาน ข้อเข่าเสื่อม ภาวะสมองเสื่อม หลอดเลือดหัวใจตีบ มะเร็ง และโรคตา เป็นต้น

ในส่วนของปีงบประมาณ 2566 สปสช. เพิ่มสิทธิประโยชน์บริการสร้างเสริมสุขภาพสำหรับผู้สูงอายุ ในรายการจ่ายตามบริการ (Fee Schedule) ดังนี้ บริการวัคซีนป้องกันโรค วัคซีนคอตีบและบาดทะยัก วัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่สำหรับผู้อายุ 65 ปีขึ้นไป บริการคัดกรองความเสี่ยง ได้แก่ ประเมินภาวะโภชนาการ โรคซึมเศร้า เบาหวาน ความดันโลหิต โรคหัวใจและหลอดเลือด เอชไอวี และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ รวมถึงมะเร็งลำไส้ใหญ่ ด้วยการตรวจหาเลือดในอุจจาระ (Fit-TESIT) การตรวจเนื้อเยื่อในช่องปากในกรณีพบรอยโรคเสี่ยงมะเร็งและมะเร็งช่องปาก การกลายพันธุ์ของยีนมะเร็งเต้านม (สำหรับผู้ป่วยมะเร็งเต้านมและญาติสายตรง) และคัดกรองวัณโรคใน 7 กลุ่มเสี่ยงสูง ด้วยการเอกซเรย์ปอดในผู้สูงอายุ 65 ปี ขึ้นไปที่สูบบุหรี่ หรือมีโรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง (COPD) รวมไปถึงบริการทันตกรรมสำหรับผู้สูงอายุ

...

อีกทั้งในปี 2566-2567 สปสช. ได้ร่วมโครงการฟันเทียม รากฟันเทียม เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 72 พรรษา 28 กรกฎาคม 2567 ที่ช่วยให้ผู้สูงอายุได้รับการใส่ฟันเทียมและรากฟันเทียม กรณีที่ฟันเทียมไม่สามารถยึดติดเหงือกได้ ขณะเดียวกัน สปสช. ยังร่วมมือกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ดำเนินงานกองทุนหลักประกันสุขภาพในระดับท้องถิ่นหรือพื้นที่ กองทุนฟื้นฟูสมรรถภาพระดับจังหวัด ซึ่งรวมไปถึงกองทุนดูแลระยะยาวสำหรับผู้ที่อยู่ในภาวะพึ่งพิงที่รัฐบาลได้จัดสรรงบประมาณดูแลเพิ่มเติมที่ช่วยยกคุณภาพชีวิตผู้สูงอายุ
 
“รัฐบาลห่วงใยสุขภาพผู้สูงอายุและมุ่งหวังให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีในช่วงบั้นปลายชีวิต จึงได้จัดสิทธิประโยชน์บริการที่ครอบคลุมให้มากที่สุด เพื่อให้ผู้สูงอายุได้รับการดูแลที่ดี โดยเฉพาะบริการสร้างเสริมสุขภาพและป้องกันโรคเพื่อชะลอความเจ็บป่วย ซึ่งเป็นมาตรการสำหรับการรองรับการเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ” 

ทั้งนี้ ประชาชนสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ สายด่วน สปสช. 1330 หรือช่องทางระบบออนไลน์ทั้งไลน์ สปสช. @nhso และเฟซบุ๊ก สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ