พล.อ.ประยุทธ์ นายกฯ และรมว.กลาโหม สั่งทุกเหล่าทัพ ยังคงเฝ้าระวังพื้นที่เสี่ยง และให้กำลังพลพร้อมเข้าช่วยฟื้นฟูพื้นที่ และช่วยเหลือพี่น้องประชาชนทันที หลังพายุ "โนรู" อ่อนกำลัง เพื่อให้กลับมาใช้ชีวิตปกติ 

วันที่ 1 ต.ค. พล.อ.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ได้ย้ำสั่งการทุกเหล่าทัพ ให้คงการสนับสนุนรัฐบาล ช่วยเหลือประชาชนที่ประสบอุทกภัยในทุกพื้นที่ต่อเนื่องกันไป หลังสถานการณ์พายุ "โนรู" อ่อนกำลัง โดยยังให้ร่วมเฝ้าระวังและแจ้งเตือนประชาชนในพื้นที่เสี่ยง ที่ฝนยังตกหนักสะสมต่อเนื่อง และให้ช่วยเหลือเร่งระบายน้ำท่วมขังออกจากพื้นที่ชุมชนลงลำนำ้สายหลักให้เร็วขึ้น เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน ขณะเดียวกัน ให้เตรียมการช่วยเหลือฟื้นฟูพื้นที่ทันที เมื่อสถานการณ์อุทกภัยเริ่มคลี่คลาย เพื่อให้ประชาชนสามารถกลับมาใช้ชีวิตปกติได้โดยเร็ว

สำหรับพื้นที่ท้ายเขื่อน ที่ต้องรับมือกับน้ำเหนือที่เพิ่มปริมาณการระบายในขณะที่ช่วงต้น ต.ค.มีน้ำทะเลหนุนสูง ซึ่งจะเป็นปัญหาให้ปริมาณน้ำป่าสักและเจ้าพระยาสูงขึ้น และเกิดน้ำล้นตลิ่ง โดยเฉพาะพื้นที่ จ.สระบุรี อยุธยา ปทุมธานี นนทบุรี และกรุงเทพมหานคร ขอให้หน่วยทหารในพื้นที่ พิจารณาให้การสนับสนุนและทำงานร่วมกับจังหวัดดังกล่าวอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะ กทม. ในการหนุนเสริมกำลังและเครื่องมือช่างเข้าไปช่วยรับมือกับสถานการณ์น้ำที่เกิดขึ้น เพื่อดูแลความปลอดภัยในชีวิต ทรัพย์สินและลดผลกระทบความเสียหายที่เกิดขึ้น

...

พร้อมกันนี้ นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ยังได้แสดงความขอบคุณและเป็นกำลังใจให้กับกำลังพลและครอบครัว รวมทั้งเจ้าหน้าที่ทุกฝ่าย และจิตอาสา ที่ร่วมปฏิบัติหน้าที่ด้วยความเสียสละต่อเนื่องมาถึงปัจจุบัน โดยขอให้ใช้ความระมัดระวัง ไม่ประมาท และให้คงกำลังอยู่ในพื้นที่กับประชาชน ช่วยเหลือแก้ปัญหาบรรเทาความเดือดร้อนจนกว่าสถานการณ์จะปกติ

จากสถานการณ์พายุ “โนรู” ได้อ่อนกำลังลงเป็นหย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรง ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ส่งผลกระทบในพื้นที่ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง โดยเฉพาะภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ทำให้มีฝนตกหนักหลายพื้นที่และมีฝนตกหนักมากบางแห่งกับมีลมแรง ผนวกกับมวลน้ำในพื้นที่ที่มีอยู่เดิม ทำให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อนเป็นจำนวนมาก

พลเอก ประยุทธ์ ยังได้สั่งการให้ทุกเหล่าทัพ ดำรงความต่อเนื่องในการช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ โดยใช้ทุกศักยภาพที่มีอย่างเต็มขีดความสามารถ พร้อมทั้งบูรณาการความร่วมมือกับส่วนราชการต่างๆ ในการช่วยเหลือประชาชนไปจนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย

กองทัพไทย โดย กองบัญชาการกองทัพไทย ได้จัดกำลังสนับสนุนและบูรณาการความร่วมมือกับกองทัพบก กองทัพเรือ กองทัพอากาศ และส่วนราชการต่างๆ เข้าให้ความช่วยเหลือประชาชน โดย สำนักงานแพทย์ทหาร กรมยุทธบริการทหาร ได้จัดชุดแพทย์เคลื่อนที่ จากสำนักงานแพทย์ทหาร กรมยุทธบริการทหาร ประกอบกำลังร่วมกับกำลังพลและอากาศยาน จากกรมแผนที่ทหาร เข้าบริการตรวจรักษาและให้คำแนะนำในการดูแลสุขภาพของประชาชน นอกจากนี้ยังได้มีการเคลื่อนย้ายผู้ป่วยฉุกเฉิน จากศูนย์พักพิงชั่วคราว องค์การบริหารส่วนตำบลหนองกินเพล อำเภอวารินชำราบ ไปยังโรงพยาบาลค่ายสรรพสิทธิ์ประสงค์ ตำบลแสนสุข อำเภอวารินชำราบ จังหวัดอุบลราชธานี เพื่อเข้ารับการรักษาอย่างเร่งด่วน ซึ่งถือเป็นภารกิจที่มีความท้าทาย แต่ต้องช่วยเหลือผู้ป่วยด้วยความรวดเร็ว และมีความปลอดภัยสูงสุด ซึ่งปัจจุบันผู้ป่วยมีอาการปลอดภัย และอยู่ในความดูแลของแพทย์เรียบร้อยแล้ว

ทั้งนี้ ภารกิจในการดูแลช่วยเหลือประชาชนให้มีความปลอดภัย คือ หัวใจสำคัญของกองทัพ ขอให้มั่นใจว่าไม่ว่าเกิดภัยที่ใด กองทัพพร้อมเคียงข้าง ให้ความช่วยเหลือด้วยความรวดเร็ว เพื่อบรรเทาความเดือดร้อน และเป็นที่พึ่งให้แก่พี่น้องประชาชนในทุกโอกาส