ประเทศไทย ยังต้องไปต่อ การเมืองหลังผลการวินิจฉัยวาระการดำรงตำแหน่งนายกฯครบ 8 ปี ของ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะยิ่งชัดเจนขึ้น

วนลูปกลับไปสู่โหมด “ไม่มีมิตรแท้ และศัตรูที่ถาวร” ตามสัจธรรม

ไม่ว่าจะเป็นภายในพรรคร่วมรัฐบาลเอง พลังประชารัฐ ภูมิใจไทย ประชาธิปัตย์ ไม่มีใครเกรงใจใครอีกแล้ว ล่อกันทั้งต่อหน้าและลับหลัง อยู่กันไปแค่รักษาสภาพการร่วมรัฐบาลเท่านั้น

เพราะเดิมพันอำนาจรอบนี้มันสูง ทุกคนล้วนแต่หวังจะเป็นนายกฯกันทั้งนั้น

ขณะที่พรรคฝ่ายค้านเอง เพื่อไทย ก้าวไกล ก็ออกอาการขบเกลียวหนักขึ้น เพราะฐานเสียงบางส่วนมันทับซ้อนกันอยู่ เราจึงได้เห็นความไม่ลงรอยกันหลายๆเรื่องในพักหลัง

และวันนี้ไม่ใช่การต่อสู้กันระหว่าง 2 ขั้วใหญ่ เพื่อไทย กับพลังประชารัฐเท่านั้น เพราะผู้ท้าชิงตัวจริงอย่าง “พรรคสายเขียว” ภูมิใจไทย ของ นายอนุทิน ชาญวีรกูล เปิดหน้าพร้อมชนกับ 2 ขั้วใหญ่

ประกาศศักดาจะเป็นพรรคชนะเลือกตั้งอันดับ 1 หรืออันดับ 2

มั่นใจเกินร้อย ว่าด้วยอำนาจทุน กระสุนดินดำ ที่ตุนเอาไว้จนล้นคลังเสบียง และด้วยยุทธวิธี “ยิงเข้าเป้า” กวาดต้อนบ้านใหญ่บ้านเล็ก เฟ้นเอาตัวที่มีความหวัง มาเข้าค่ายสายเขียว

เลยถูกยกให้เป็นพรรคมาแรง จน 2 ขั้วใหญ่ต้องเหลียวหลังกลับมามอง

นอกจากจะมีออปชันหลัก เดือนละครึ่งโล++แล้ว ยังมีออปชันรองคือ “เก้าอี้ทิพย์” อีก พื้นที่ไหนกวาดยกจังหวัดเอาไปเลย 1 เก้าอี้

ไล่แจกกันเป็นเก้าอี้ร้านข้าวต้มข้างทาง

แต่นั่นก็เพียงพอที่จะออกฤทธิ์กดจิตประสาทให้บรรดางูเห่า อนาคอนดาเคลิบเคลิ้ม พร้อมจะย้ายค่ายแหกคอกมาอยู่ใต้ชายคา

...

มันเลยทำให้ “เสี่ยหนู” อนุทิน ทวีความมั่นใจว่าจะได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลสมัยหน้า

เหรียญย่อมมี 2 ด้าน จากผลพวงที่ออกตัวแรง ทำให้วันนี้ทั้ง “เสี่ยหนู” และภูมิใจไทย กลายเป็นตำบลกระสุนตก โดยเฉพาะ “กัญชาเสรี” นโยบายเรือธงที่ใช้มาตั้งแต่ตอนหาเสียงเลือกตั้งครั้งที่แล้ว

มาวันนี้ จากผลกระทบที่ฝืนดันกัญชาเสรีฝ่าไฟแดงออกมา ทั้งที่ตัวบทกฎหมาย กฎระเบียบที่เกี่ยวข้องยังไม่พร้อม โดยเฉพาะอารมณ์สังคมองค์รวมที่ยังไม่เห็นพ้องต้องกัน

จากหลักการดีๆที่หลายคนต้องการให้เน้นไปที่ คุณประโยชน์ทางด้านการแพทย์ กลายเป็นว่าเปิดช่องให้เด็กและเยาวชน ที่อยู่ในวัยอยากรู้อยากลองเข้าถึงได้ง่าย

เป็นดาบสองคม ที่กลับมาบาดใส่ตัวเอง

นี่ก็อีกบทเรียนของความเหลิงในอำนาจ และยังไม่รู้ว่าจะสร้างแผลร้ายในสังคมหนักอีกขนาดไหน

เรื่องของอำนาจ วาสนา บารมี มันมีเรื่องของบุญกรรมที่ทำมาแต่ปางเก่า ประกอบกับบุญกรรมที่ทำในภพชาติปัจจุบัน

แต่ถ้าขืนทำมหันตกรรมต่อสังคมไทย ก็ยากจะไปถึงฝัน.

“เพลิงสุริยะ”