กมธ.ดีอีเอส ตั้งคณะทำงานเพื่อศึกษาธุรกิจ "Outer Space Launching" หวังพัฒนางานอวกาศภาครัฐ รวมถึงการให้บริการเชิงพาณิชย์ "เจษฎา" เชื่อภูมิประเทศไทยเหมาะสมเป็นศูนย์ปล่อยจรวด ต้องดำเนินการจริงจัง
เมื่อวันที่ 29 ก.ย. 65 พ.อ.เศรษฐพงค์ มะลิสุวรรณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทย (ภท.) และรองประธานกรรมาธิการการสื่อสาร โทรคมนาคม และดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (กมธ.ดีอีเอส) กล่าวว่า ตามที่คณะกรรมาธิการดีอีเอส ได้ตั้งคณะอนุกรรมาธิการกิจการอวกาศเพื่อเศรษฐกิจและความมั่นคง เพื่อพิจารณาศึกษาแนวโน้มและผลกระทบที่เกิดขึ้นต่อประเทศไทย จากการพัฒนาเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารที่เกี่ยวข้องกับกิจการอวกาศ และเพื่อให้การทำงานของคณะอนุกรรมาธิการฯ เป็นไปด้วยความเรียบร้อยเป็นการทำงานที่เกิดประสิทธิผลอย่างแท้จริง กมธ.ดีอีเอส จึงได้ตั้งคณะทำงานซึ่งเป็นผู้ทรงคุณวุฒิที่มีความรู้ ความเชี่ยวชาญ เพื่อจัดทำแผนขับเคลื่อนเศรษฐกิจอวกาศ (Space Economy) โดยที่ประชุม กมธ.ดีอีเอส ได้มีมติแต่งตั้งบุคคลเป็นคณะทำงานเพื่อศึกษาความเป็นไปได้ และความเหมาะสมในการทำธุรกิจ Outer Space Launching Service และธุรกิจ Outer Space Launching Infrastructure ในคณะอนุกรรมาธิการกิจการอวกาศฯ โดยมี ร.ท.เจษฎา ศิวรักษ์ เป็นหัวหน้าคณะทำงาน นอกจากนี้ตนยังได้ตั้งให้ น.ส.อุมาพร อรรคทัย และ นายบวรรัตน์ กาญจนรัตน์ ซึ่งเป็นผู้ที่มีประสบการณ์ในฐานะผู้บริหาร บ.TeroSoft capital group มีความเชี่ยวชาญและคร่ำหวอดในวงการดิจิทัลมาเป็นเวลานาน ให้ดำรงตำแหน่งเป็นที่ปรึกษาคณะทำงานชุดนี้ด้วย
พ.อ.เศรษฐพงค์ กล่าวต่อว่า คณะทำงานชุดนี้ จะเข้ามาศึกษาและพิจารณาความเป็นไปได้ในของธุรกิจดังกล่าวในประเทศไทย รวมทั้งพิจารณาทางเลือกในมิติต่างๆ เช่น รูปแบบของพื้นที่การให้บริการจรวดนำส่ง อาทิ ดาวเทียม เพย์โหลด งานวิจัย รวมทั้งสิ่งของใดๆ หรือมนุษย์ขึ้นสู่วงโคจร ทั้งในรูปแบบเพื่อการทำกิจการอวกาศของภาครัฐ การทหาร รวมถึงภาคการให้บริการแบบเชิงพาณิชย์ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ศึกษาผลกระทบเชิงเศรษฐกิจและสังคมในการทำธุรกิจ ความจำเป็น ความสามารถในการแข่งขัน รวมทั้งข้อจำกัดของการทำธุรกิจในประเทศไทยเปรียบเทียบกับประเทศต่างๆ
...
ด้าน ร.ท.เจษฎา กล่าวว่า คณะทำงานมีกรอบเวลาทำงาน 90 วัน ที่จะต้องศึกษาและรายงานให้ กมธ.ทราบ โดยหลักๆ เราจะศึกษาผลกระทบเชิงเศรษฐกิจและสังคมในการทำธุรกิจ Outer Space Launching Service และธุรกิจ Outer Space Launching Infrastructure ในประเทศไทย ความจำเป็นและความสามารถในการแข่งขันทางธุรกิจเกี่ยวเนื่อง และโครงสร้างพื้นฐานในการพัฒนาสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ อาทิ ห้องควบคุมจรวดนำส่ง ห้องทดสอบระบบขับเคลื่อน ห้องประกอบเพย์โหลดเข้ากับจรวดนำส่ง คลังเชื้อเพลิงจรวดนำส่ง ระบบนำส่งเชื้อเพลิง ระบบดับเพลิง ระบบตรวจสอบสภาพอากาศ และระบบอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง รวมถึงศึกษาและเสนอแนะข้อกฎหมาย ระเบียบ ข้อกำหนด ข้อบังคับอื่นๆ และข้อตกลงต่างๆ ทั้งในประเทศและระดับสากล รวมทั้งเสนอแนะเกี่ยวกับหน่วยงานภาครัฐที่ทำหน้าที่กำกับดูแลและกำหนดยุทธศาสตร์
"ประเทศไทยถือว่าเป็นพื้นที่ที่เหมาะสม ในการพัฒนาด้านเทคโนโลยีอวกาศ โดยเฉพาะฐานปล่อยจรวดที่ภูมิประเทศของเรามีความเหมาะสม ไม่ร้อนและไม่หนาวเกินไปอยู่ใกล้เส้นศูนย์สูตร ทำให้สามารถปล่อยจรวดได้ทั้งปี นี่คือสิ่งที่เราได้เปรียบหลายประเทศ ดังนั้นจึงคิดว่าเราน่าจะมีการศึกษาและพัฒนาในเรื่องนี้อย่างจริงจัง" ร.ท.เจษฎา กล่าว.