พท.ทดสอบกฎเหล็ก กกต. “ชลน่าน” จี้สอบ “ลุงป้อม” ลงพื้นที่แฝงหาเสียง แฉขึ้นภาพว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.หน้าสลอน แถมแจกของ-โปรยทาน-สัญญาว่าจะให้ ครบองค์ประกอบความผิด จวกใช้ภาษีประชาชนหาประโยชน์การเมือง ได้ทีโอ่ร้อยเอ็ดแลนด์สไลด์ “ประเสริฐ” ลั่นคนอยากเปลี่ยนผู้นำเต็มแก่ “ชวน” จี้ กกต.เคลียร์ระเบียบให้ชัด ส.ส.ผวาต้องดึงพวงหรีดออก “แสวง” เต้นจัดอบรม กกต.จังหวัดทั่วประเทศ ยึดหลักปฏิบัติที่ตรงกัน “เสี่ยหนู” ไปภูเก็ตประกาศกวาดเรียบฝั่งอันดามัน ชพน.ปรับโฉมใหม่ เปลี่ยนชื่อ เป็น “ชาติพัฒนากล้า” “หนูนา” ไขก๊อกเปิดทางปรับทัพ ชทพ. ผบ.ตร.ไม่ห่วงวันชี้ชะตา 8 ปี “บิ๊กตู่” ศาลแพ่งยกฟ้องออก พ.ร.ก.สลายม็อบ “ทะลุฟ้า” ร้องทะลุโลกยื่น จ.ม.เปิดผนึกสถานทูตชาติที่จะเข้าร่วมถกเอเปก

สังคมจับตามองกฎเหล็กของ กกต. จะบังคับใช้อย่างเสมอภาค และเป็นธรรมกับพรรคการเมืองและนักการเมืองทุกพรรคหรือไม่ หลังฝ่ายค้านเริ่มวิจารณ์ว่าการลงพื้นที่ของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รักษาการนายกฯ และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ มีการแอบแฝงหาเสียง หาผลประโยชน์ทางการเมือง

...

พท.จี้ กกต.สอบ “ลุงป้อม” ลงพื้นที่

เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 26 ก.ย.ที่พรรคเพื่อไทย นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงการลงพื้นที่ จ.เพชรบูรณ์ ของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ว่าการทำป้ายต้อนรับ พล.อ.ประวิตรเป็นประธานในพิธีอุ้มพระดำน้ำ โดยมีภาพว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ทั้ง 6 เขตของ พปชร. น่าสังเกตว่าเป็นการแฝงหาเสียงหรือไม่ นี่เป็นเจตนาเล็งเห็นผล ถ้าจะขึ้นว่าชาวเพชรบูรณ์ต้อนรับไม่มีใครว่า หรือจะเอา ส.ส.ปัจจุบันไปร่วมต้อนรับไม่มีใครว่า เพราะเป็นหน้าที่ ที่สำคัญป้ายดังกล่าวยังเกินขนาด รวมถึงการแจกสิ่งของหรือการสัญญาว่าจะให้ ล้วนแต่ผิดกฎหมายเลือกตั้ง ภาพของการโปรยทานแม้จะบอกว่าเป็นการโปรยทาน แต่ทานคือการให้ ภาพแบบนี้ชัดเจน กกต.ประจำจังหวัดเพชรบูรณ์และผู้รับผิดชอบ ต้องดำเนินการเพราะเป็นเหตุปรากฏซึ่งหน้า ไม่ต้องรอให้มีคนร้อง ไม่เช่นนั้นจะถูกข้อหาละเว้นการปฏิบัติหน้าที่

ใช้ภาษีประชาชนลักไก่หาเสียง

นพ.ชลน่านกล่าวว่า ฝ่ายบริหารจะไปทำหน้าที่ช่วยเหลือประชาชน เห็นด้วยไม่ผิด โดยเฉพาะในภาวะที่พี่น้องประชาชนประสบภาวะทุกข์ยากกับภัยพิบัติ แต่ไม่ควรให้ ส.ส.หรือว่าที่ ส.ส.ไปมีส่วนร่วมแจกสิ่งของ ตัวเองทำได้แต่ปิดกั้นคนอื่น เป็นการใช้ภาษีของพี่น้องประชาชนไปลักไก่แอบอ้างหาประโยชน์ทางการเมือง ขณะนี้เข้าสู่ช่วงที่กฎหมายกำหนดให้เป็นช่วงการหาเสียงเลือกตั้ง และกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ออกระเบียบข้อห้ามแล้ว เสมือนมีพระราชกฤษฎีกาให้การมีการเลือกตั้ง พรรคเพื่อไทยเองก็ไม่ได้เพลาหรือลดกิจกรรมลง แต่เราต้องพึงระวังเรื่องการรายงานค่าใช้จ่ายหาเสียงที่มีอยู่จำกัด ไม่เกิน 1.5 ล้านบาทต่อผู้สมัคร ส.ส. 1 คน

ระวังประชาชนลุกทวงอำนาจ

หัวหน้าพรรคเพื่อไทยกล่าวถึงกรณีที่นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) ที่ขู่ว่าอาจไม่มีการเลือกตั้งหากมีการชุมนุมหนักว่า เป็นเรื่องกลอนพาไป ไม่ได้ให้ความสำคัญ มีนักวิชาการหลายคนมองว่านายชัยวุฒิ เป็นถึงรองหัวหน้าพรรคแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ออกมาพูดทำนองนี้ย่อมมีความหมาย เป็นการส่งสัญญาณว่าจะไม่มีการเลือกตั้ง ถ้าไม่มีการเลือกตั้งเกิดขึ้นจริงไม่ว่าด้วยกรณีใด ถือเป็นการละเมิดอำนาจอธิปไตยของปวงชนชาวไทย ไม่เคารพสิทธิเสียงของพี่น้องประชาชน ขอฝากไปยังผู้มีอำนาจสมัยนี้ไม่เหมือนแต่ก่อนที่จะใช้อำนาจอะไรก็ได้ อำนาจอธิปไตยที่แท้จริงของประชาชนจะแสดงออกไม่มีเหมือนเดิม ถึงจุดหนึ่งถ้าทนไม่ไหวจริงๆ เจ้าของอำนาจเขาจะมาทวงสิทธิและเอาอำนาจเขาคืน

ได้ทีโอ่ร้อยเอ็ดแลนด์สไลด์

นพ.ชลน่านยังกล่าวขอบคุณผลการเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) ร้อยเอ็ดว่า ผลการเลือกตั้งชัดเจนว่านายเศกสิทธิ์ ไวนิยมพงศ์ ผู้สมัครของพรรคเพื่อไทย ได้รับความไว้วางใจจากพี่น้องชาวร้อยเอ็ดอย่างท่วมท้น 3 แสนกว่าคะแนน เกินร้อยละ 50 ของผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้ง ถือได้ว่าถล่มทลาย พูดได้เต็มภาคภูมิว่าเพื่อไทยแลนด์สไลด์ ผลการเลือกตั้งที่เกิดขึ้นสะท้อนว่า 8 ปีที่ผ่านมาเป็นวิกฤติ เป็นทุกข์ยากความลำบาก แม้จะเป็นการเลือกตั้งนายก อบจ.ร้อยเอ็ด แต่ก็เป็นช่องทางออกจากวิกฤติ เช่นเดียวกับการเลือกตั้งนายก อบจ.กาฬสินธุ์ เรากลับมามองตัวเองว่านี่คือสัญญาณว่าพรรคต้องทำงานหนักขึ้นทุกมิติ เพื่อตอบสนองความต้องการของประชาชน สัญญาณที่เกิดขึ้นบ่งบอกว่าต้องแลนด์สไลด์ ถ้าพี่น้องอยากออกจากวิกฤติ เพื่อไทยต้องขอฉันทามติจากประชาชน ต้องได้คะแนนเกินร้อยละ 50 ขึ้นไป ถ้าไม่แลนด์สไลด์ เราไม่สามารถหลุดพ้นหรือเลือกรัฐบาลเองได้

ชี้คนอยากเปลี่ยนผู้นำเต็มแก่

นายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ส่งรายละเอียดแนวทางการหาเสียงเลือกตั้ง ให้ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.รับทราบเบื้องต้นแล้ว วันที่ 5 ต.ค. พรรคจะจัดอบรมว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ให้องค์ความรู้เรื่องกรอบระยะเวลา 180 วัน และการบันทึกค่าใช้จ่ายในการเลือกตั้ง ส่วนการลงพื้นที่นั้นยังดำเนินการตามปกติ และต้องไม่ขัดต่อระเบียบของ กกต. ส่วนชัยชนะเลือกตั้งนายก อบจ.ร้อยเอ็ด ถ้านับตั้งแต่เลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. นายก อบจ.กาฬสินธุ์ ชี้ให้เห็นว่าประชาชนไม่เอาระบอบเผด็จการแล้ว เป็นสัญญาณที่ดีของเพื่อไทยว่าประชาชนอยากเห็นการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง แสดงออกผ่านการเลือกตั้ง และสังคมไทยมีความคาดหวังว่าอยากได้ผู้นำคนใหม่ เพราะ 8 ปีที่ผ่านมาพิสูจน์แล้วว่าผู้นำที่มาจากระบอบเผด็จการ จากระบอบสืบทอดอำนาจ ไม่สามารถแก้ปัญหาได้ วันนี้ประชาชนหมดความอดทนกับผู้นำคนนี้แล้ว คำว่าแลนด์สไลด์หมายถึงเสียงของการเปลี่ยนแปลงในอนาคต

“เศกสิทธิ์” แต้มทิ้งห่างไม่เห็นฝุ่น

ผู้สื่อข่าวรายงานสรุปผลการนับคะแนนเสียงเลือกตั้งนายก อบจ.ร้อยเอ็ด รวม 20 อำเภอ พบว่านายเศกสิทธิ์ ไวนิยมพงศ์ เบอร์ 2 ผู้สมัครจากพรรคเพื่อไทย มาเป็นอันดับ 1 ได้ 301,187 คะแนน ตามด้วยนางจุรีพร สินธุไพร เบอร์ 4 มาเป็นอันดับ 2 ได้ 126,649 คะแนน นางรัชนี พลซื่อ เบอร์ 1 มาเป็นอันดับ 3 ได้ 116,027 คะแนน น.ส.โยทกา โคตุระพันธ์ เบอร์ 3 มาอันดับ 4 ได้ 5,306 คะแนน ซึ่งการเลือกตั้งนายก อบจ.ร้อยเอ็ด แทนนายเอกภาพ พลซื่อ อดีตนายก อบจ.ร้อยเอ็ด ที่ถูกใบแดงและถูกตัดสิทธิการเมืองเป็นเวลา 10 ปีครั้งนี้ มีผู้มีสิทธิเลือกตั้ง 1,042,552 คน มาใช้สิทธิ 576,017 คน คิดเป็นร้อยละ 55.25 บัตรดี 549,169 คิดเป็นร้อยละ 95.34 บัตรเสีย 14,588 คิดเป็นร้อยละ 2.53 บัตรไม่เลือกผู้สมัครผู้ใด 12,260 คิดเป็นร้อยละ 2.13

“ชวน” จี้ กกต.เคลียร์ระเบียบให้ชัด

ที่รัฐสภา นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า เรื่องระเบียบวิธีหาเสียงและลักษณะต้องห้ามการหาเสียงในระยะเวลา 180 วันของ กกต. ส.ส.ระวังตัวไม่ให้ผิดกฎหมายอยู่แล้ว มีการเตือนทุกพรรคอย่าทำอะไรขัดกฎหมาย จะเป็นเหยื่อคู่ต่อสู้ร้องเรียนได้ พรรคประชาธิปัตย์ก็ย้ำเตือนเช่นกัน ขณะที่ กกต.ยังไม่ชัดเจนบางเรื่อง ความเห็น กกต.ประจำจังหวัดกับส่วนกลางอาจไม่ตรงกัน ดังนั้นขอให้ ส.ส.ทุกคนระวัง เมื่อถามว่ากังวลหรือไม่ที่ต้องลงพื้นที่ตลอด นายชวนตอบว่า ไม่กังวล เพราะไม่ได้ไปหาเสียง แต่ไปเยี่ยมเยียนประชาชนตามปกติ กรณีเดือดร้อนจากน้ำท่วม ส.ส.เป็นปากเสียงแทนประชาชนได้ แต่ต้องระวังการให้สิ่งของและคำมั่นสัญญา ต้องรอให้ระเบียบ กกต.ออกมาให้ชัดเจน อะไรทำได้ทำไม่ได้ เช่น งานศพต้องเอาพวงหรีดออก และระวังการใส่ซองทำบุญ ดังนั้น กกต.ควรทบทวน เพราะ ส.ส.ต่างมีคำถามเรื่องนี้ ขอให้ประชาชนเข้าใจต่อไปนี้ ส.ส.อาจไม่ได้ร่วมทำบุญ

ผวากฎเหล็กทำชาวบ้านไม่เข้าใจ

นายอนันต์ ผลอำนวย ประธานกรรมาธิการกิจการสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงการเชิญนายแสวง บุญมี เลขาธิการ กกต. มาให้ข้อมูลว่า กมธ.อยากทราบข้อมูลข้อปฏิบัติเรื่องการหาเสียงในช่วง 180 วันว่ามีเงื่อนไขใดบ้างที่ ส.ส. ผู้สมัคร ส.ส. และ กมธ.ต้องปฏิบัติ ทั้งกรณีการยุบสภา กรณีรัฐบาลอยู่ครบวาระ หรือช่วงที่มีการประกาศพระราชกฤษฎีกาการเลือกตั้ง อะไรทำได้ทำไม่ได้ หรือทำได้แค่ไหน รวมไปถึงการติดป้ายต่างๆที่กำลังมีปัญหาด้วย ตลอดจนระเบียบปฏิบัติต่างๆที่ทำตามประเพณีทำได้หรือไม่ กกต.ต้องชี้แจงให้ชัดเจน เมื่อได้ข้อสรุปแล้ว กมธ.กิจการสภาฯจะออกหนังสือเวียนแจ้งให้ กมธ.สามัญทั้ง 35 คณะรับทราบ จะได้ปฏิบัติได้ตรงกัน ยิ่งช่วงนี้เป็นช่วงกฐิน มีการทำบุญตามประเพณี และงานบวช งานแต่ง ทำได้หรือไม่ กลัวชาวบ้านไม่เข้าใจเพราะเมืองไทยเป็นเมืองพุทธ ต้องชี้แจงให้ประชาชนเข้าใจว่าอะไรที่ทำไปแล้วสุ่มเสี่ยงผิดกฎหมาย

“แสวง” เต้นจัดอบรม กกต.จังหวัด

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายแสวง บุญมี เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เรียกประชุม ผอ.กกต.จังหวัดทั่วประเทศ ผ่านระบบซูม ในวันที่ 27 ก.ย. เพื่อชี้แจงต่อ กกต.จังหวัดทั่วประเทศ รับทราบแนวทางปฏิบัติ ตามที่ กกต.ออกระเบียบว่าด้วยวิธีการหาเสียงและลักษณะต้องห้ามในการหาเสียงเลือกตั้ง ส.ส. ให้เป็นแนวทางเดียวกัน ทั้งเรื่องการติดป้าย การร่วมงานประเพณี งานศพ เป็นต้น ว่าสิ่งไหนทำได้หรือไม่ได้ ที่ยังคงมีข้อข้องใจเรื่องการปฏิบัติระหว่าง กกต.กลาง และ กกต.ประจำจังหวัด อีกทั้งจะมีการหารือถึงกรณีมีเสียงสะท้อนจากบรรดานักการเมือง และ ส.ส.ที่วิพากษ์วิจารณ์ว่า กกต.แต่ละจังหวัด ให้คำชี้แจงไม่ตรงกับ กกต.กลางด้วย

“เสี่ยหนู” กะกวาดเรียบอันดามัน

ที่ จ.ภูเก็ต นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายก รัฐมนตรีและ รมว.สาธารณสุข หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ให้สัมภาษณ์ถึงบรรยากาศการเมืองก่อนเข้าสู่การเลือกตั้งว่า พรรคภูมิใจไทยส่งผู้สมัคร ส.ส.ภูเก็ตลงครบทั้ง 3 เขต ต้องเป็นคนที่รู้ปัญหา วิธีแก้ไข ที่สำคัญต้องกล้าลงมือทำ กล้าตัดสินใจ กล้ารับผิดชอบ ทำงานไม่อืดอาดยืดยาด นี่คือเวลาที่คนทำงานต้องได้แสดงฝีมือ และเป้าหมายภูมิใจไทยต่อจากนี้คือการทำให้จังหวัดแถบอันดามัน ทั้ง ภูเก็ต พังงา สตูล ระนอง กระบี่ ไปจนถึงจังหวัดใกล้เคียงมีรายได้จากการท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น ติดเทอร์โบเครื่องยนต์เศรษฐกิจไทย คนของพรรคภูมิใจไทยเราเลือกมาแล้วว่าต้องทำจริง แก้ปัญหาปากท้องต้องเร็ว

“สุดารัตน์” เปิดตัวผู้สมัครภูเก็ต

ที่ศาลเจ้ากะทู้ อ.กะทู้ จ.ภูเก็ต คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย (ทสท.) นายสุพันธุ์ มงคลสุธี รองหัวหน้าพรรคและหัวหน้าทีมเศรษฐกิจพรรค ทสท. ร่วมสักการะศาลเจ้ากระทู้ จุดกำเนิดเทศกาลถือศีลกินผักในจังหวัดภูเก็ต และร่วมเป็นประธานพิธียกเสาโกเต้ง จากนั้นแถลงเปิดตัวนางมณีรัตน์ วิชัยดิษฐ-สุขยิรัญ เป็นว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ภูเก็ต เขต 2 นางมณีรัตน์กล่าวว่า ขอบคุณคุณหญิง สุดารัตน์ที่ให้โอกาสได้รับใช้พี่น้องชาวภูเก็ต นโยบายภูเก็ต-อันดามันเขตเศรษฐกิจพิเศษด้านการท่องเที่ยวของไทยสร้างไทย ตอบโจทย์การสร้างเศรษฐกิจให้แก่ภูเก็ตและกลุ่มจังหวัดอันดามันตรงจุดและยั่งยืน จึงตัดสินใจเข้าพรรคไทยสร้างไทย เพื่อผลักดัน
สร้างงาน สร้างรายได้ และยกระดับคุณภาพชีวิตของพี่น้องชาวภูเก็ต

ปรับโฉมใหม่ “ชาติพัฒนากล้า”

ที่ห้องประชุมลำปลายมาศ โรงแรมแคนทารี่ อ.เมืองนครราชสีมา พรรคชาติพัฒนาจัดประชุมใหญ่วิสามัญ ครั้งที่ 1/2565 มีคณะผู้บริหารคนสำคัญเข้าร่วมประชุมพร้อมหน้า อาทิ นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ ประธานพรรค นายเทวัญ ลิปตพัลลภ หัวหน้าพรรค นายวัชรพล โตมรศักดิ์ เลขาธิการพรรค รวมถึงนายกรณ์ จาติกวาณิช อดีตหัวหน้าพรรคกล้า และนายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ อดีตประธานยุทธศาสตร์และนโยบายพรรคกล้า นายอรรถวิชช์ สุวรณภักดี อดีตเลขาธิการพรรคกล้า ทั้งหมดได้ลาออกจากพรรคกล้า มาสมัครเป็นสมาชิกพรรคชาติพัฒนา ทั้งนี้ที่ประชุมมีมติให้เปลี่ยนชื่อพรรคชาติพัฒนา ไปเป็นชื่อพรรคชาติพัฒนากล้า พร้อมปรับโครงสร้างบริหารพรรคใหม่ มีนายเทวัญ ลิปตพัลลภ เป็นหัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า นายกรณ์ จาติกวาณิช เป็นกรรมการบริหารพรรค ส่วนนายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ เป็นประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์ด้านเศรษฐกิจ

“หนูนา” ไขก๊อกปรับทัพ ชพท.

ที่พรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.) นายนิกร จำนง ส.ส.บัญชีรายชื่อ ผอ.พรรค ชพท. แถลงถึงการจัดประชุมใหญ่สามัญครั้งที่ 2/2565 เพื่อปรับโครงสร้างและเปลี่ยนแปลงผู้บริหารพรรคว่า น.ส.กัญจนา ศิลปอาชา หัวหน้าพรรค ชพท. ลงนามลาออกจากหัวหน้าพรรค เมื่อวันที่ 20 ก.ย.ที่ผ่านมา ส่งผลให้กรรมการบริหารพรรคพ้นจากตำแหน่งทั้งคณะ ต้องเลือกตั้งชุดใหม่ภายใน 60 วัน รวมถึงกรรมการสรรหาผู้สมัครรับเลือกตั้งของพรรค ที่เป็นกรรมการ บริหารพรรค 4 คน ต้องพ้นจากตำแหน่ง ทั้งกรรมการสรรหาฯที่เป็นหัวหน้าสาขาพรรค 4 สาขา และตัวแทนพรรคประจำจังหวัด ลาออกด้วย ดังนั้น วันจันทร์ที่ 3 ต.ค.พรรคจะจัดประชุมใหญ่สามัญครั้งที่ 2/2565 ที่โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ คอนเวนชั่น กรุงเทพฯ เพื่อดำเนินการดังกล่าว ถือเป็นการเปลี่ยน แปลงโครงสร้างครั้งใหญ่ เตรียมพร้อมเลือกตั้ง

เชื่อศาล รธน.เร่งไขปม 2 ก.ม.ลูก

นายนิกรกล่าวถึงประกาศคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ว่าด้วยวิธีการหาเสียงและลักษณะต้องห้ามในการหาเสียงเลือกตั้ง ส.ส. (ฉบับที่ 3) 2565 ในช่วง 180 วันก่อนวันเลือกตั้งว่า แม้มีประกาศดังกล่าว ถ้าร่าง พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.และร่าง พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง มีผลบังคับใช้ กกต.ต้องเปลี่ยนแปลงระเบียบอีกครั้ง และต้องยอมรับว่าฝ่ายรัฐบาลได้เปรียบ เพราะนายกฯ รองนายกฯ และรัฐมนตรี ยังต้องเดินหน้าทำงาน เวลาไปพูดในฐานะ รัฐบาลแยกกันลำบาก ต้องระมัดระวัง เชื่อว่าจากนี้คงตามฟ้องกันในเรื่องนี้ ชทพ.เราต้องอบรมสัมมนา เพราะกฎหมายซับซ้อนมาก จะให้ดีต้องรอให้กฎหมายเลือกตั้งออกมาก่อน ทุกอย่างจะเปลี่ยนไป คิดว่าศาลรัฐธรรมนูญทราบเรื่องนี้ คงจะรีบพิจารณา

ผบ.ตร.ไม่ห่วงวันชี้ชะตา “บิ๊กตู่”

ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. กล่าวถึงมาตรการดูแลความสงบเรียบร้อยกรณีศาลรัฐธรรมนูญนัดอ่านคำวินิจฉัย วาระการดำรงตำแหน่งนายกฯ 8 ปี ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในวันที่ 30 ก.ย. ว่า เท่าที่ทราบ ผู้ชุมนุมได้ประกาศนัดหมายชุมนุมอยู่แล้ว ไม่ได้มีอะไรเป็นพิเศษ ตำรวจดูแลความสงบเรียบร้อยเหมือนการชุมนุมทุกๆครั้ง ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร ไม่มีประเด็นอะไรที่น่าเป็นห่วง ขณะที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และรักษาราชการแทนนายกฯ กำชับเรื่องการให้บริการประชาชน รักษาความสงบเรียบร้อยตามอำนาจหน้าที่ของตำรวจ แล้วกำชับเรื่องของการพิจารณา ถ้าจำเป็นต้องออกกฎกติกาอะไรใหม่ๆให้สอดคล้องกับ พ.ร.บ.ตำรวจฉบับใหม่ ให้ ก.ตร.เร่งรัดดำเนินการ

ศาลยกฟ้องออก พ.ร.ก.สลายม็อบ

ที่ศาลแพ่ง ศาลนัดอ่านคำพิพากษา คดีที่นักกิจกรรม และนักศึกษา ม.ธรรมศาสตร์ (มธ.) และนิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยรวม 7 คน เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และ รมว.กลาโหม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. สำนักนายกฯ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) และกระทรวงการคลัง เป็นจำเลยที่ 1-6 ตามลำดับ ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงในเขตท้องที่กรุงเทพมหานคร ระหว่างวันที่ 15- 22 ต.ค.63 ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ไม่มีสาเหตุเพียงพอ เปิดโอกาสให้เจ้าหน้าที่รัฐใช้อำนาจตามอำเภอใจสลายการชุมนุม ประกาศปิดสถานที่และระบบขนส่งมวลชน จับกุมประชาชน สื่อมวลชน และบุคลากรทางการแพทย์ รวมถึงห้ามสื่อมวลชนเสนอข่าวสาร และขอให้ศาลสั่งเพิกถอนประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน ชดเชยค่าเสียหาย แก่โจทก์ทั้ง 7 คน คนละ 5 แสนบาท รวม 3.5 ล้านบาท มี น.ส.ศุกรียา วรรณายุวัฒน์ นิสิตคณะครุศาสตร์ปี 4 จุฬาฯ พร้อมทนายมารับฟังคำพิพากษา โดยศาลแพ่งมีคำพิพากษายกฟ้อง

น.ส.ศุกรียากล่าวว่า ศาลเห็นว่าการกระทำทั้งหมดเป็นไปตามอำนาจ และหน้าที่เพื่อรักษาความมั่นคงของรัฐ การสลายการชุมนุมช่วงวันที่ 14-16 ต.ค.63 ไม่เกินกว่าเหตุ สมเหตุสมผล ส่วนการสลายการชุมนุมที่แยกปทุมวัน ก็เป็นพื้นที่ของบุคคลสำคัญ ต้องรักษาความปลอดภัย

“ทะลุฟ้า” มาแรงร้องทะลุโลก

เมื่อเวลา 10.00 น. ที่ใต้สถานีรถไฟฟ้าบีทีเอส เพลินจิต กลุ่มทะลุฟ้า นำโดย น.ส.ธีรพิมล เสรีรังสรรค์ ภรรยา นายพรชัย ยวนยี หรือแซม แกนนำทะลุฟ้า ที่ถูกคุมขังในเรือนจำ ข้อหามาตรา 112 ร่วมกันเผาภาพพระบรมฉายาลักษณ์ บนสะพานลอยแยกนางเลิ้ง และนายธนพัฒน์ กาเพ็ง หรือปูน ทะลุฟ้า ผู้ต้องหาคดีเดียวกัน ที่ได้รับการประกันตัวสวมกำไลอีเอ็มติดตามตัว จัดกิจกรรมยื่นหนังสือทะลุโลก V.2 นำรถกระบะเครื่องขยายเสียง ป้ายข้อความ Free our friends และภาพใบหน้าแนวร่วมกลุ่มทะลุฟ้าและทะลุแก๊สที่ยังถูกขังในเรือนจำเคลื่อนขบวนไปยื่นหนังสือเปิดผนึกให้สถานเอกอัครราชทูตเวียดนาม สหรัฐฯ ญี่ปุ่น ออสเตรเลีย เม็กซิโก และสิงคโปร์ ในฐานะประเทศสมาชิกที่เข้าร่วมประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปกในเดือน พ.ย.เพื่อให้ทราบว่า มีประชาชนที่ออกมาเรียกร้องทางการเมืองและความเท่าเทียม 22 คน ถูกคุมขังอย่างไม่เป็นธรรม ไม่ได้ประกันตัวออกมาต่อสู้คดี แต่ไม่ได้แจ้งล่วงหน้า ต้องยื่นหนังสือกับตัวแทน หรือ รปภ.สถานทูต หรือตำรวจ ที่มารักษาการด้านนอก