"ครูธัญ" ส.ส.ก้าวไกล ชี้ ร่าง พ.ร.บ.สมรสเท่าเทียม ถกรายมาตราชั้น กมธ.เสร็จสิ้นแล้ว เตรียมเข้าสู่การพิจารณาวาระ 2-3 สมัยประชุมหน้า ติง ส.ส.คนหนึ่งขวาง-แนะ ปชช.จับตา เตือนฝ่ายการเมืองอย่าหักหลังประชาชน 

เมื่อวันที่ 16 ก.ย.65 นายธัญวัจน์ กมลวงศ์วัฒน์ บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล ในฐานะรองประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติคู่ชีวิต ได้โพสต์เฟซบุ๊คส่วนตัวระบุถึงการพิจารณากฎหมายแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ #สมรสเท่าเทียม และร่างพระราชบัญญัติคู่ชีวิตจะเสร็จสิ้นในคณะกรรมาธิการวิสามัญสัปดาห์หน้า ว่า ตนได้รายงานการทำงานว่า ในขณะนี้การพิจารณารายมาตราในคณะกรรมาธิการวิสามัญได้เสร็จสิ้นแล้ว และจะเป็นการร่างข้อสังเกตเพื่อเตรียมเข้าสู่การพิจารณาวาระ 2 และ 3 ในสมัยการประชุมหน้า ส่วนข้อสังเกตุนั้น จะเกี่ยวกับกฎหมายอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับสมรสเท่าเทียม ในด้านของสิทธิและสวัสดิการต่างๆ จำนวน 119 ฉบับ ซึ่งมีกฎหมาย 72 ฉบับ ที่ใช้คำว่าคู่สมรสก็จะให้สิทธิได้ทันที และกฎหมายจำนวน 47 ฉบับ ที่มีคำว่าสามีภริยาก็จะให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทบทวน ปรับแก้ และบัญญัติเพิ่มคำว่าคู่สมรส ภายใน 180 วัน หลังจากร่างพระราชบัญญัตินี้ผ่านการพิจารณาของสภา โดยที่จะบรรจุวาระการประชุมสภาในสมัยประชุมหน้า ซึ่งเป็นสมัยสุดท้ายในรัฐสภาชุดนี้ เพื่อส่งเข้าสู่การพิจารณาของสมาชิกวุฒิสภา ซึ่งยังดำรงตำแหน่งอยู่อีกหนึ่งปี ซึ่งกฎหมายดังกล่าวก็จะยังอยู่ในกระบวนการพิจารณา เพื่อส่งต่อให้กับรัฐบาลชุดต่อไป

นายธัญวัจน์ กล่าวต่อว่า ในการพิจารณามีผู้แทนราษฎรท่านหนึ่ง สงวนความเห็นตัดทุกมาตราของสมรสเท่าเทียม ซึ่งจะส่งผลให้เมื่อกฎหมายเข้าสู่การพิจารณาวาระ 2 เปิดช่องให้ฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยนั้น สามารถตัดสมรสเท่าเทียมได้ ซึ่งการกระทำเช่นนี้ถือเป็นการไม่เคารพมติของสภาใหญ่ ที่รับหลักการสมรสเท่าเทียมแล้ว  ซึ่งเป็นประเด็นสำคัญที่ประชาชนทุกคนต้องคอยจับตาว่า ผู้แทนราษฎรท่านนี้จะขึ้นมาให้เหตุผลในสภาด้วยเหตุผลใด และผู้แทนราษฎรท่านนี้ก็จะขัดขวางโดยการยื่นให้กฎหมายสมรสเท่าเทียมนั้น เป็นร่างการเงินโดยให้นายกรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้ง ตนมีความเห็นและให้ข้อโต้แย้งไปในกรรมาธิการแล้วว่า การพิจารณาร่างการเงินหรือไม่นั้น ได้ผ่านกระบวนการนั้นมาแล้ว และสมรสเท่าเทียม ไม่ได้มีการตั้งหน่วยงานใดๆใหม่ ซึ่งการใช้กระบวนการที่มีอยู่แล้ว ส่วนเรื่องสิทธิสวัสดิการที่ต้องได้รับนั้น เราไม่ได้ขอแต่เป็นสิ่งที่เราถูกพรากไป และรัฐไทยต้องคืนให้พวกเขา ตนคิดว่าเขารู้ตัวดีและควรเคารพมติสภาใหญ่ ที่รับหลักการให้มาถอนข้อสงวนดังกล่าว เพราะการกระทำของท่านไม่ส่งผลดีต่อพรรคการเมืองของท่านเอง 

...

"ในช่วงสภาใกล้สิ้นสุดและใกล้มีการเลือกตั้ง ก็ย่อมมีการเปลี่ยนฝักเปลี่ยนฝ่าย และอาจมีการแทงข้างหลังกัน ฝ่ายการเมืองจะเปลี่ยนอย่างไร แต่ขออย่าหักหลังย้อนผลมาแทงประชาชนปัดสมรสเท่าเทียม ต้องนึกถึงประชาชนสูงสุด นี่คือหน้าที่ของเรา" นายธัญวัจน์ กล่าว