“สมคิด” ประเดิมโชว์กึ๋นภูเก็ต แนะผู้นำต้องกล้าคิดกล้าทำ ไม่ใช่รอใครชมไปวันๆ ซัดออกกฎหมายป้องกันโกงจนมัดตราสังประเทศ แซะ พัฒนาใต้ไม่ใช่เอาแต่ประกันราคา อ้อนคนรุ่นใหม่กรอกใบสมัครเข้าพรรค

วันที่ 15 ก.ย. 2565 นายอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรคสร้างอนาคตไทยกล่าวตอนหนึ่งในการสัมมนา “อันดามันรอด ประเทศไทยรุ่ง” ที่โรงแรมรามาดา พลาซ่า เจ้าฟ้า จ.ภูเก็ต ว่า เรามาขอโอกาสพบกับประชาชน ไม่ได้มาวันนี้แล้วจะหายไปเลย แต่จะเจอกันจนเบื่อหน้าในอนาคต เพราะจะมาอาสาทำงานอย่างใกล้ชิด วันนี้เป็นจุดสำคัญที่มาแชร์ความคิด และได้ยินสิ่งที่สะท้อนมา ขอพูดในนามพรรคว่าเราเห็นตรงกัน สิ่งที่สะท้อนมาเราเห็นด้วย 100% ขอสนับสนุนและขอตอบรับ วันนี้เป็นเวลาไม่ปกติ เป็นเวลาวิกฤติ ถ้าใช้ความคิดเดิมๆ มาตรการเดิมๆ แก้ได้ก็คงไม่ต้องมาคุยกันแบบนี้ เวลาวิกฤติต้องใช้มาตรการที่เหมาะสม ที่ไม่ใช่ธรรมดาเอามาแก้

จากนั้น นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ประธานพรรคสร้างอนาคตไทย ขึ้นปาฐกถาพิเศษตอนหนึ่งว่า เกือบ 15 ปีแล้วที่เราวนอยู่ในอ่าง ทะเลาะเบาะแว้งกัน แบ่งค่าย แบ่งฝักแบ่งฝ่าย วันที่มีการเริ่มต้นของการแบ่งฝ่ายเราไม่ว่ากัน เหตุการณ์ขณะนั้นอาจเป็นอย่างนั้น แต่มันลากยาวจนเกินไปแล้ว ยาวจนกระทั่งประเทศชักจะไปไม่ไหว คนรุ่นใหม่เกิดขึ้นมาอีกเยอะ แล้วจะมาวนอยู่ในอ่างทำไม ไม่มีประโยชน์ ประเทศไทยมีทุกอย่างพร้อมจริงๆ ทรัพยากรมีมาก ศิลปวัฒนธรรมมีพร้อม เพียงแต่เราไม่มีโอกาสใช้ได้เต็มศักยภาพ มีการเมืองระบอบประชาธิปไตย แต่กลับไม่สามารถใช้ให้เกิดผลเต็มที่ได้ คิดต่างได้ แต่หาจุดลงตัว นั่นคือทางออก คือเหตุผลที่กลับมา ไม่ได้อยากมีตำแหน่งเพราะมีครบถ้วนเพียงพอแล้ว แต่ดูแล้วบ้านเมืองลำบากจริงๆ และรู้สึกดีใจที่ได้เห็นวันนี้ จากการฟังตัวแทนผู้ประกอบการที่เป็นคนรุ่นใหม่ เราต้องการภารกิจอยู่ 2 ข้อ คือ 1.ขอให้มีการกอบกู้อันดามัน 2.ขอให้มีการสร้างอนาคตของอันดามัน ส่วนที่เหลือเป็นรายละเอียดปลีกย่อย

...

ทั้งนี้ ในช่วงที่เกิดสึนามิที่เขาหลัก จ.พังงา เหลือแต่ซาก ก็ยังมีความช่วยเหลือลงมาได้ แต่ครั้งนี้เป็นสึนามิที่มองไม่เห็น และกำลังผลักดันทุกอย่างพังไปทีละราย ธนาคาร สถาบันการเงิน และหน่วยงานของรัฐ จะนั่งรอดูให้ล้มไปทีละรายได้อย่างไร ตอนเกิดโควิด-19 ไม่มีใครคาดคิดว่าจะลากยาวขนาดนี้ ตอนมันเริ่มต้นคิดว่า 2-3 เดือนคงจบแล้ว ที่ไหนได้วัคซีนดีๆ ยังไม่มาสักที ถึงลากยาวมาถึงวันนี้ สงครามยังมีแนวโน้มจะเกิดอีก เศรษฐกิจมืดมัวกว่านี้อีก จะปล่อยไว้ได้อย่างไร ภารกิจเหล่านี้เหล่ามอบพรรคสร้างอนาคตไทยมารับใช้ประชาชน

อย่างไรก็ตาม จากที่ได้ฟังเสียงสะท้อนในการเสวนาครั้งนี้ ขอตั้งข้อสังเกต ประการแรก ดีใจที่เรียกอันดามัน ไม่ใช่ภูเก็ต เพราะในอนาคตข้างหน้าทุกแห่งในโลกจะแข่งด้วยท่องเที่ยว โลกทั้งโลกไม่ได้มีแค่ภูเก็ต ไม่ได้มีแค่จังหวัดใดจังหวัดหนึ่ง สิ่งที่ต้องคิดคือจะรักษาสิ่งที่มีไว้อย่างไร แต่สำคัญกว่าคือจะระดมจุดแข็งทั้งหลายให้มีพลังได้อย่างไร เรามีไข่มุกเม็ดงามอยู่ 3 เม็ด ได้แก่ ภูเก็ต พังงา และกระบี่ ถ้ารู้จักร้อยไข่มุกเป็นสายก็จะได้สร้อยที่สวยงามมาก นำจุดเด่นของ 3 จังหวัดรวบรวมกันเข้ามาเป็นแพ็กเกจ ประสานงานร่วมมือกัน เป็นแพ็กเกจส่งเสริมที่ยิ่งใหญ่และไม่มีใครเหมือน อีกทั้งสามารถเชื่อมโยงได้อีก 3 เม็ด คือ ระนอง ตรัง และสตูล สามารถเชื่อมโยงท่องเที่ยวกับภาคเกษตร ภาคประชาชน และอีกจำนวนมาก ทำไมถึงไม่คิดที่จะทำ อาจเคยคิดในอดีตแต่ความสมานฉันท์ยังไม่มี วันนี้โอกาสดีแล้วที่จะสมานฉันท์ร่วมกัน และขอย้ำว่าการเชื่อมโยงสำคัญที่สุด หากมีระบบคมนาคมที่รวดเร็วจะทำให้เสมือนว่าอยู่ที่เดียวกัน เช่น รถไฟรางเบาที่ทำได้โดยไม่กระทบสิ่งแวดล้อม เงินอยู่ในโลกก็ไปดึงเข้า อยู่ที่ผู้นำจะไปประมวลดึงการลงทุนทั้งไทยและเทศมาได้หรือไม่ ขออย่างเดียวทำให้เกิดได้ก็พอ

“รถไฟไทย-จีนกว่าจะคืบได้ ลาวเสร็จไปถึงคุนหมิงแล้ว เพราะมัวแต่ทะเลาะกัน วันนี้เราได้แต่นั่งมองลาวตราปริบๆ หากเป็นอย่างนี้จะลำบากมาก การเชื่อมโยงรถไฟและถนนต้องทำให้ได้ จากสงขลามาภูเก็ตล่อไป 7 ชั่วโมง ภาคใต้มี ส.ส. มาตลอด ส.ส. ทำอะไร ผมนั่งอยู่ใน ครม. ไม่ได้ยินสักแอะเลย มีแต่ประกันรายได้ ประกันทั้งปีเลย ของหมูๆ อย่างนั้นใครๆ ก็ทำได้ ว่าจะไม่ว่าแล้วเชียว”


ประการที่ 2 ต้องใช้การท่องเที่ยวเป็นเครื่องมือในการกระจายรายได้ สร้างความเข้มแข็งให้กับฐานราก สร้างความเท่าเทียมกัน อันดามันตอนพีกสูงสุดมีนักท่องเที่ยว 18 ล้านคน ส่วนใหญ่อยู่แถวชายหาด เราไม่มีไว้ให้ฝรั่งอาบแดดอย่างเดียว แต่เขาต้องการเห็นชีวิต วัฒนธรรม เห็นธรรมชาติ นี่คือแนวโน้มใหม่แน่นอน ชุมชนต้องได้รับการพัฒนา งบพัฒนาต้องไปให้ถึง ซึ่งในกองทุนสร้างอนาคตไทยมีส่วนหนึ่งที่ไว้สร้างอนาคตหมู่บ้านละ 300,000 บาท จะลงไปเพื่อให้แต่ละหมู่บ้านมีสิทธิ์คิดว่าจะเอาไปพัฒนาอะไรบ้าง ไม่ใช่มาจากส่วนกลาง ตัดสินแต่รัฐมนตรี เพราะรัฐมนตรีจากพรรคไหนยังไม่รู้เลย เขารู้ได้อย่างไรว่าหมู่บ้านไหนต้องการอะไร เมืองไทยจริงๆ แล้วอะเมซิ่ง (Amazing) มาก แต่มีกฎหมายที่ไหนเยอะเท่าเมืองไทย ระบบป้องกันคอร์รัปชั่นสร้างกฎหมายมาป้องกัน แต่กลายเป็นการมัดตราสังข์ เงินท้องถิ่นเงินของเขาแท้ๆ ทำอะไรไม่ได้ต้องไปขอกระทรวงมหาดไทย จึงอยากชวนให้สมัครเป็นสมาชิกพรรคสร้างอนาคตไทย เห็นหน่วยก้านแล้วยืนอยู่วงนอกทำไม คุณไม่สามารถเปลี่ยนแปลงประเทศไทยโดยการนั่งข้างนอกและวิพากษ์วิจารณ์ เมืองไทยวิพากษ์เยอะแต่ไม่ยอมมาอยู่แถวหน้า พอบอกให้ตำแหน่งกลับยอมมา แล้วจะเขยื้อนภูเขาได้อย่างไร การเมืองไม่มีอะไรน่ากลัว มายืนแถวหน้า ชนะแพ้ไม่สำคัญ อย่างน้อยสามารถทำในสิ่งที่คุณฝันคุณคิดเป็นจริงได้

ประธานพรรคสร้างอนาคตไทย กล่าวต่อไปว่า จะบอกให้ว่ากำลังเหนื่อยใจเคี่ยวเข็ญคนรุ่นใหม่เข้าสู่การเมือง ถ้าไม่เข้ามา ส.ส.เต็มสภาฯ จะมีคนใหม่ได้หรือไม่ จะเอาความคิดแบบนี้มาจากไหน ไปบอกเขา เขาจะทำหรือไม่ทำก็ได้ น้องๆ คนรุ่นใหม่ถ้าต้องการเปลี่ยนอันดามัน ให้มากับตน ไม่มาพรรคสร้างอนาคตไทยไม่เป็นไร แต่มาการเมืองที่เป็นการเมืองที่ดี มีเป้าหมาย ทำไมจะทำไม่ได้ ภาวะอย่างนี้เป็นภาวะที่ไม่ปกติ สภาวะผู้นำจำเป็นมาก ต้องกล้าคิด กล้าทำ เสียสละ ไม่ใช่รอให้ข้าราชการชมไปวันๆ เพราะการเมือง 10 กว่าปีที่ผ่านมา ทำให้ข้าราชการไม่กล้าคิดไม่กล้าทำ กลัวติดตะราง กลัวถูกย้าย สมัยนี้ข้าราชการที่ไหนกล้าคิดจริงๆ บ้าง มันน่าเศร้า ระบบข้าราชการไทยเคยได้ชื่อว่าเป็นกระดูกสันหลัง วันนี้หลังแอ่น ยืดหลังได้ไม่ตรง ฉะนั้นหลังหารือวันนี้เอาใบสมัครให้คนรุ่นใหม่กรอก

ส่วนเรื่องโอท็อปต้องยกเครดิตให้นายกรัฐมนตรีสมัยนั้น ที่ให้อำนาจตนทำ ตอนนี้ก็อยากทำต่อ ถ้าคุมกระทรวงมหาดไทยได้เมื่อไหร่สำเร็จแน่นอน เพราะต้องการทำหมู่บ้านโอท็อป ไม่ได้ต้องการให้นักท่องเที่ยวไปซื้อเสื้อที่ร้าน แต่ให้ไปซื้อที่หมู่บ้าน นายสมคิด ระบุอีกว่า มีทีมงานที่จะทำอยู่แล้ว เป็นทีมที่ทำตั้งแต่โอท็อป ทีมงานสมคิดไม่ได้มี 2 คน ทุกๆ คนที่เคยทำงานด้วยมีความสามารถ สุจริต นอกพรรคหรือในพรรค ไม่ว่าในการเมืองหรือนอกการเมือง จะเอามาช่วยให้หมด เชื่อว่าทุกคนอยากจะมาช่วย โดยจะให้คนเหล่านี้มาร่วมกับคนในพรรค เพราะเราไม่ได้เป็นพรรคปิด แต่เปิดเชื่อมโยงกับประชาชนและทุกคน ไม่คิดเป็นศัตรูกับใคร การสร้างการท่องเที่ยวชุมชนจึงสำคัญมาก และต้องมีคนไปช่วยโดยเฉพาะเอกชน แต่ถ้าหัวไม่ส่าย หางจะไม่กระดิก โดยเฉพาะกระทรวงมหาดไทย พร้อมกันนี้ มี 3 เสาที่จำเป็นในการพัฒนาพื้นที่อันดามัน

1. การเกษตรสมัยใหม่ที่มีมูลค่า ที่ต้องทำให้เป็นอาหารแห่งอนาคตและมีคุณภาพ
2. การท่องเที่ยวด้านสุขภาพ โดยต้องมีความสามารถเชื่อมโยงทุกภาคส่วน ทั้งโรงพยาบาล แพทย์ และแหล่งท่องเที่ยว ที่จะแผ่อานิสงค์ได้มาก
3. ดิจิทัลฮับ (Digital Hub) ปัจจุบันบริษัทหรือองค์กรใหญ่สามารถทำงานที่ไหนก็ได้ หากดึงมาตั้งศูนย์ที่ไทยได้ จะเป็นจุดเริ่มต้นของสตาร์ทอัพ และแหล่งเงินสมัยใหม่

สิ่งเหล่านี้ส่วนตัวเชื่อว่าไม่สามารถเกิดใต้อำนาจของผู้ว่าราชการจังหวัดได้ หากเราได้เข้าไปเป็นรัฐบาล สามารถทำได้เลยเพราะไม่ใช่ของยาก หากอยากให้เขยื้อนต้องกระจายอำนาจและงบประมาณจากส่วนกลางสู่ท้องถิ่น ทั้งกระทรวงมหาดไทย และกระทรวงคมนาคม เพราะส่วนกลางไม่รู้ว่าอะไรจำเป็นหรือไม่จำเป็น คนมองภาคใต้ถึงด้ามขวานทั้งด้าม จึงต้องทำให้เกิดเส้นทางคมนาคมเชื่อมโยงกัน ปัญหาคือกลไกการเมือง อย่าไปโทษนายกรัฐมนตรีอย่างเดียว นายกรัฐมนตรีต้องชี้นำ ทุบโต๊ะ และต้องมีทีมงานสนับสนุน

อีกทั้งมองว่า คนใต้คอการเมือง อนาคตการเมืองภาคใต้เปลี่ยนแปลงแน่ ขอให้ช่วยกันเปลี่ยนแปลง ส่งคนรุ่นใหม่มาการเมือง เรารู้ว่าทางใต้มีศรัทธาและผูกพันกับพรรคการเมืองบางพรรค หรือหลายๆ พรรค ลองคิดดูว่า 10 ปีที่ผ่านมาภาคใต้ของคุณเปลี่ยนแปลงไปเยอะไหม ถนนหนทางสู้เหนือได้หรือไม่ สู้อีสานได้ไหม ฉะนั้นจะบอกให้ว่าจะรักใครชอบใคร ไม่มีใครเขาว่า แต่ในยามอย่างนี้จุดพลิกผันของประเทศต้องขอพักเขาไว้บนหิ้งก่อน วันนี้นำทีมของพรรคสร้างอนาคตไทยมาเยี่ยมอันดามัน ไม่ได้มีเจตนาคุยโวโอ้อวด แต่อยากนำผู้บริหารให้มารับฟังปัญหาไปกลั่นกรองสิ่งที่ดีที่สุด นี่คือความต้องการให้เขาเป็นทางเลือกใหม่ที่พึ่งหวังได้ ที่จะมาสร้างอนาคตให้รุ่นหลังได้ทำ ไมใช่สัญญาไปวันๆ แล้วเลือกตั้งใหม่

“ผมเคยหาเสียงทางใต้ โอ้โหเขามีความผูกพันจริง แต่ต้องเข้าใจที่มาความศรัทธานั้นมาจากไหน มันมาจากการเมืองของเขา ทำตามสัญญา เขามุ่งมั่น พรรคของเขาควบคุมวินัยของนักการเมืองได้จนเกิดเป็นความศรัทธาที่ผูกพัน และส่งมอบกันมารุ่นต่อรุ่น รุ่นแรกเขาบอกว่าแม้แต่ส่งเสาไฟฟ้ายังได้รับเลือกเลย อันนี้ไม่เถียงเลย ผมก็ศรัทธาผู้ใหญ่ในพรรคนั้นหลายคน บางคนเป็นรุ่นพี่ผม ผมเคารพนับถือ แต่พอส่งมารุ่นต่อรุ่น รุ่นหลังบางทีอาจจะเข้าใจไม่ถูกต้องที่ว่าส่งเสาไฟฟ้านั้นจะได้อะไร มันไม่ใช่ มันมีที่มาที่ไป มันมีศรัทธา มันมีการผูกมัดทางใจ ทำตามสัญญา เวลาเดือดร้อนมาช่วยเหลือกัน แล้วดูสิว่ามีไหม หรือว่าเข้าใจผิด ตกลงเป็น ส.ส. หรือเสาไฟฟ้า”

ในช่วงท้าย นายสมคิด ยังกล่าวอีกว่า ตนเองอายุมากแล้ว ขอฝากน้องๆ ไว้ และถ้าน้องๆ มีความคิดความอ่านติดต่อผู้นำพรรคสร้างอนาคตไทยได้ทุกเมื่อ หากสนใจให้เข้ามา ไม่ต้องเขินอาย เห็นหน่วยก้านแต่ละคนถ้ามีอยู่ในสภาฯ สามารถไปได้ไกล อย่าคิดมากเหมือนคนรุ่นเก่า ลงแล้วคุ้มหรือไม่คุ้ม ลงแล้วเสียหายหรือไม่ มันไม่ใช่ การเมืองมันคือภารกิจและหน้าที่ ถ้าคุณพร้อมแล้ว มีเงินทองแล้ว ดูแลครอบครัวได้ดีแล้ว ที่เหลือต้องคืนให้สังคม คติของตนคือ คุณค่าของคนไม่ได้วัดที่รวย ยศศักดิ์ หรือตำแหน่ง แต่อยู่ที่สามารถสร้างคุณค่าให้บ้านเมืองแค่ไหน.