“ชลน่าน” ไม่แปลกใจข้อต่อสู้ “บิ๊กตู่” วาระดำรงตำแหน่งนายกฯ 8 ปีไม่เริ่มนับหนึ่ง 24 ส.ค.57 ถ้าไม่สู้มุมนี้ก็จบเห่ หวังศาล รธน.จะรับฟังมุมนักวิชาการ “อนุสรณ์” เย้ย “ลุงตู่” เริ่มหิวแสงเพราะเข้าตาจน ออกงานแข่งกับ “ลุงป้อม” “โรม” ลั่นถ้าไม่เริ่มนับช่วงปี 57 สรุปเป็นผู้นำโจรหรือคนยึดอำนาจ เสี้ยม 2 ป. “บิ๊กป้อม” คึกคักเหตุ “บิ๊กตู่” ถูกแช่แข็ง “จุรินทร์” เปิดตัว “ดร.เอ้” ลงปาร์ตี้ลิสต์ ยันไร้สัญญาณปรับ ครม.-ยุบสภา คีย์แมนพรรคกล้าแห่โยกซบ ชพน. ส่อยกเครื่องปรับโครงสร้างใหม่ สอท.ขยับเปิดตัว “สมคิด” ชิงนายกฯ ชูจุดแข็งมือเศรษฐกิจ โพลชี้โกงยุคดิจิทัลข้าราชการร้ายกว่านักการเมือง

ตามที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและ รมว.กลาโหม ยื่นคำชี้แจงจำนวน 20 หน้าต่อศาลรัฐธรรมนูญ ปมวาระดำรงตำแหน่งนายกฯ 8 ปี โดยยืนยันไม่นับตั้งแต่วันที่ 24 ส.ค.2557 ล่าสุด นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ผู้นำฝ่ายค้าน หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ระบุว่า ไม่แปลกใจที่จะตั้งธงสู้ในเรื่องนี้ เพราะถ้าไม่สู้มุมนี้ก็จบ

...

“ชลน่าน” ไม่แปลกใจข้อต่อสู้ “ตู่”

เมื่อวันที่ 3 ก.ย. นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ผู้นำฝ่ายค้าน หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ถึงคำชี้แจงของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม จำนวน 20 หน้าที่ยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญยืนยันไม่ได้เริ่มนับวาระดำรงตำแหน่งนายกฯตั้งแต่ 24 ส.ค.2557 ว่า ทีมกฎหมาย พล.อ.ประยุทธ์ในฐานะผู้ถูกกล่าวหาก็ต้องสู้ว่าไม่ได้หมดวาระวันที่ 24 ส.ค.2565 เขาต้องตั้งธงเช่นนั้น ถ้าไม่สู้มุมนี้ถือว่ายอมรับก็จบ ไม่ได้แปลกใจเป็น กระบวนการต่อสู้ของเขา แต่ศาลจะว่าอย่างไรเป็นเรื่องของศาล สิ่งที่เราดำเนินการขณะนี้คือการขอเพิ่มพยานเป็นนักวิชาการที่ให้ความเห็นสอดคล้องกับคำร้องของพรรคร่วมฝ่ายค้าน เป็นการเพิ่มน้ำหนักของคำร้องตามกระบวนการกฎหมาย เป็นความเห็นทางวิชาการ หวังว่าศาลจะรับฟัง เมื่อถามว่าการเพิ่มพยานเหล่านี้จะทำให้กระบวนการพิจารณาช้าลง หรือไม่ นพ.ชลน่านตอบว่า เชื่อว่าไม่กระทบกับเวลา การพิจารณาจนทำให้เกิดความล่าช้า

ย้ำเป็นนายกฯตั้งแต่ 24 ส.ค.57

ผู้สื่อข่าวถามว่าคำร้องของพรรคร่วมฝ่ายค้านไม่ได้ตั้งคำถามว่าความเป็นนายกฯเริ่มนับเมื่อใด จะเป็นปัญหาตามมาอีกหรือไม่ นพ.ชลน่านตอบว่า คำร้องพรรคฝ่ายค้านชัดเจนว่า พล.อ.ประยุทธ์ดำรงตำแหน่งนายกฯครบ 8 ปี ในวันที่ 23 ส.ค.2565 และพ้นจากการเป็นนายกฯวันที่ 24 ส.ค. โดยชี้ให้เห็นว่าต้องเริ่มนับตั้งแต่วันที่มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯแต่งตั้งให้เป็นนายกฯ คือวันที่ 24 ส.ค.2557 และเป็นต่อเนื่องมา เข้าใจว่าทีมกฎหมาย พล.อ.ประยุทธ์ใช้รัฐธรรมนูญมาตรา 158 159 และ 272 มาต่อสู้ ที่บอกว่าการเป็นนายกฯต้องมาจากการเลือกของสภาผู้แทนราษฎรเท่านั้น แต่รัฐธรรมนูญปี 60 ในบทเฉพาะกาลมาตรา 264 เขียนไว้ชัดว่าให้คณะรัฐมนตรีที่บริหารราชการแผ่นดินอยู่ในวันก่อนวันประกาศใช้รัฐธรรมนูญนี้ เป็นคณะรัฐมนตรีตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญนี้ นั่นหมายความว่าที่มาของนายกฯให้มาตามมาตรา 264 ถามว่าหาก พล.อ.ประยุทธ์ไม่พ้น แล้วจะเริ่มนับการเป็นนายกฯเมื่อไหร่ ประเด็นนี้เราไม่ได้ร้องให้ศาลวินิจฉัย ขึ้นกับดุลพินิจของศาลว่าจะวินิจฉัยหรือไม่

เย้ย “ลุงตู่” เข้าตาจนเริ่มหิวแสง

นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองเลขานุการคณะกรรมการยุทธศาสตร์และทิศทางการเมืองพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ดูความเคลื่อนไหวของพี่น้อง 2 ป. พล.อ.ประวิตร วงษ์สุรรณ รองนายกรัฐมนตรี รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี กับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและ รมว.กลาโหม ลงพื้นที่ช่วงเวลาไล่เลี่ยกันแล้ว เราไม่ควรอยู่ในสภาพเหมือนมีนายกฯพร้อมกัน 2 คน แต่ไม่สามารถทำงานได้เต็มที่ ประชาชนไม่ค่อยได้เห็น พล.อ.ประยุทธ์ ทำงานวันเสาร์-อาทิตย์ ถ้าไม่คับขันเข้าตาจนกลัวประชาชนลืม อาจไม่ได้เห็น พล.อ.ประยุทธ์พยายามหนักขนาดนี้ นักข่าวไม่มาก็ลงทุนถ่ายภาพส่งแจกให้ ขอมีซีนเหมือนคนหิวแสง แต่คนไม่ใช่ทำอะไรก็ผิด ลงพื้นที่ยังถูกชาวบ้านด่า เหตุไม่เปิดกระจกรถทักทายกองเชียร์ จนต้องรีบออกมาขอโทษ

อย่าอยู่เป็นภาระลูกหลานเลย

นายอนุสรณ์กล่าวว่า ข้ออ้างนั่งรถกันกระสุนเลยลดกระจกลงมาทักทายชาวบ้านไม่ได้ ถ้ามีปัญหามาก พล.อ.ประยุทธ์ต้องหยุดนั่งรถกันกระสุน แล้วนั่งลงฟังกระแสประชาชนแบบไม่สร้างภาพจัดฉาก จะได้รู้ว่าชาวบ้านอยากให้ พล.อ.ประยุทธ์ออกจากตำแหน่งนายกฯมากขนาดไหน และนอกจากคืนรถประจำตำแหน่งแล้วควรคืนตำแหน่งนายกฯให้กับประชาชน โดยการลาออก 8 ปีนานมากแล้ว พล.อ.ประยุทธ์ต้องพอแล้ว ปล่อยให้ประเทศชาติและประชาชนได้ไปต่อ อย่าอยู่เป็นภาระลูกหลานเลย

“โรม” งงเป็นโจรหรือคนยึดอำนาจ

นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ โฆษกพรรคก้าวไกล กล่าวถึงกรณีนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ระบุว่าคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ยืนยันไม่เริ่มนับการเป็น นายกฯ ตั้งแต่วันที่ 24 ส.ค.2557 ว่า ถือว่าฟังขึ้นและ ตอบคำถามพรรคฝ่ายค้านทุกประเด็น การเขียนคำชี้แจงเช่นนี้หมายความว่า พล.อ.ประยุทธ์ต้องการอยู่ยาว ขัดต่อคำพูดที่พยายามบอกกับสังคมว่าไม่อยากอยู่ยาว ตอนนี้เกิดสภาวะเสพติดอำนาจ กฎหมายเขียนเพื่อป้องกันการผูกขาดอำนาจ จึงต้องนับการดำรงตำแหน่ง นายกฯ ตั้งแต่วันที่ 24 ส.ค.2557 โดยนับวันโปรดเกล้าฯ เป็นวันแรก การที่ พล.อ.ประยุทธ์ส่งทีมกฎหมายเขียนคำชี้แจงเช่นนี้ช่างกล้าเหลือเกิน สรุปแล้วช่วงปี 2557 พล.อ.ประยุทธ์เป็นอะไรโจร หรือคนยึดอำนาจ ไม่เข้าใจว่าต้องเล่นแร่แปรธาตุตีความกฎหมายเป็นอื่นเพื่อให้ขัดแย้งกับข้อเท็จจริงไปเพื่ออะไร

ชี้ “ป้อม” คึกเพราะ “ตู่” ถูกแช่แข็ง

นายรังสิมันต์กล่าวต่อว่า วันนี้ดูอาการ พล.อ.ประยุทธ์แล้ว เห็นถึงความไม่มั่นใจ ดูจากที่เก็บตัวอยู่บ้าน สีหน้าภาษากายไม่ค่อยดี คนที่มั่นใจที่สุดคือ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ รักษาการนายกฯ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ก่อนหน้านี้ดูไม่ค่อยมีเรี่ยวแรง แต่พอ พล.อ.ประยุทธ์ถูกสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ พล.อ.ประวิตรกลับมีเรี่ยวแรงมาก ถ้าอยากรู้ว่า ชะตากรรม พล.อ.ประยุทธ์เป็นอย่างไร คงต้องถาม พล.อ.ประวิตร เมื่อถามว่า พล.อ.ประวิตรพูดคำว่า “ใจบรรดาลแรง” นายรังสิมันต์ตอบว่า สะท้อนว่า พล.อ.ประวิตรกำลังใจดีมาก ผิดวิสัยที่คนระดับนายกฯ ที่มีความสำคัญมากทางการเมืองถูกสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ แต่ ส.ส.พรรค พปชร. กลับไม่เสียขวัญ ราวกับว่า พล.อ.ประยุทธ์ไม่มีความสำคัญกับพรรค และ พล.อ.ประวิตรกลับดูมีกำลังใจแข็งแรงขึ้น จนร่างกายแข็งแรงตาม แสดงว่าการมี พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกฯ คือการบั่นทอน พล.อ.ประวิตรใช่หรือไม่ นี่คือใจสั่งมา ตีความได้ว่าการที่ พล.อ.ประยุทธ์ไม่ได้อยู่ใน บทบาทที่สำคัญแบบเดิม ทำให้สุขภาพของ พล.อ.ประวิตรดีขึ้นชัดเจน

ปชป.เปิด “ดร.เอ้” ลงปาร์ตี้ลิสต์

เมื่อเวลา 10.00 น. ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว. พาณิชย์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ พร้อมนายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรค ร่วมเปิดตัวนายสุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ อดีตผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. เป็นหัวหน้าทีม การศึกษาทันสมัยของพรรค นายจุรินทร์กล่าวว่า ขอต้อนรับนายสุชัชวีร์เข้าสู่การเมืองระดับชาติ โดยเจ้าตัวขอลงสมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคมอบภารกิจให้นายสุชัชวีร์ 2 ด้าน คือ 1.ให้เป็นตัวจักรสำคัญร่วมรณรงค์หาเสียงร่วมกับทีมกรุงเทพ มหานคร ในพื้นที่ กทม. 2.ให้ทำหน้าที่เป็นหัวหน้าทีม การศึกษาทันสมัยของพรรค ทำงานร่วมกับคนรุ่นใหม่ ของพรรค ขับเคลื่อนนโยบาย และทำกิจกรรมด้าน การศึกษาทันสมัย สร้างคนเก่ง คนดี คนรุ่นใหม่สนองต่อความต้องการของโลกยุคใหม่ให้ประเทศ

ไร้สัญญาณปรับ ครม.–ยุบสภา

นายจุรินทร์ยังกล่าวถึงกรณี ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ บางส่วนเสนอให้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รักษาการนายกฯ ปรับ ครม. ว่า ยังไม่มีสัญญาณใดๆ และไม่คิดว่าจะเกิดได้ง่ายๆในฐานะหัวหน้าพรรคทราบดีว่ากระบวนการดำเนินการเรื่องนี้มีใครบ้างที่เกี่ยวข้อง และคนที่ออกมาพูดไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้อง เป็นเพียงแค่ความเห็นหนึ่ง และเขาออกมาขอโทษแล้ว ส่วนเรื่องการปรับ ครม.เป็นเรื่องที่นายกฯต้องส่งสัญญาณมายังพรรคร่วมรัฐบาลว่าจะปรับในสัดส่วนของพรรคไหน พรรคประชาธิปัตย์ยังคงทำหน้าที่ของเรา ในฐานะพรรคร่วมรัฐบาล

“พนิต” มองพรรคเล็กไปยาก

นายพนิต วิกิตเศรษฐ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ โพสต์เฟซบุ๊กกรณีนายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคกล้า และอดีต รมว.คลัง จับมือร่วมงาน การเมืองกับพรรคชาติพัฒนา (ชพน.) ว่า นายกรณ์ ถือเป็นนักการเมืองคุณภาพ เป็นอดีต รมว.คลัง ที่มี ความสามารถคนหนึ่ง การออกมาตั้งพรรคใหม่เพราะ ต้องการทำการเมืองแบบใหม่ สร้างขั้วการเมืองใหม่ ที่ต้องการให้คนรุ่นใหม่มาร่วมสร้างการเมืองในแบบ ที่เขาต้องการ แต่วิธีคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อด้วยสูตร หาร 100 ทําให้พรรคเกิดใหม่ที่ไม่มีบ้านใหญ่ต้องทบทวนสถานการณ์ สุดท้ายต้องตัดสินใจจับมือกับนายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ ประธานพรรคชาติพัฒนา ขอแสดงความยินดีกับทั้งสองท่าน และขอเป็นกำลังใจให้ แต่เสียดายที่ประชาชนถูกจํากัดทางเลือกให้น้อยลง เพราะสูตรหาร 100 ทำให้ทุกสิ่งเหมือนเดิม

คีย์แมนพรรคกล้าแห่ซบ ชพน.

ผู้สื่อรายงานว่า หลังจากนายกรณ์ จาติกวณิช ประกาศเปิดตัวไปร่วมงานกับพรรคชาติพัฒนา (ชพน.) ล่าสุดแกนนำหลักๆพรรคกล้าอีกจำนวนมาก จะทยอยไปร่วมงานกับ ชพน. อาทิ นายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ ประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์และนโยบาย พรรคกล้า นายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี เลขาธิการพรรคกล้า นายวรวุฒิ อุ่นใจ รองหัวหน้าพรรคและหัวหน้าทีมเศรษฐกิจพรรคกล้า ตลอดจนบรรดาว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ในพื้นที่ภาคใต้ และ กทม. หลังชัดเจน ว่า กฎกติกาเลือกตั้งครั้งหน้าจะใช้สูตรหาร 100 คำนวณหา ส.ส.บัญชีรายชื่อ ที่พรรคเล็กมีโอกาสน้อย ต้องใช้คะแนนกว่า 300,000 คะแนน ต่อ ส.ส.บัญชีรายชื่อ 1 คน แต่ยังไม่ยุบพรรคกล้า เพียงแต่เปลี่ยนตัวผู้บริหารพรรคชุดใหม่ให้ดำเนินการพรรคกล้าต่อ ในส่วนของพรรคชาติพัฒนาจะมีการประชุมเพื่อปรับเปลี่ยนโครงสร้างผู้บริหารพรรคใหม่ อาจมีการเปลี่ยนแปลงชื่อพรรค โดยรับทีมงานของพรรคกล้าเข้ามาเสริมทัพเพิ่มความแข็งแกร่งโดยเฉพาะในพื้นที่ กทม. และภาคใต้บางเขต ที่มีการเปิดตัวทำพื้นที่ต่อเนื่องมาร่วมปีแล้ว

“สุวัจน์” เล็งรีแบรนด์พรรคใหม่

ที่ศาลาพิธีอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี อ.เมืองนครราชสีมา นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ ประธานพรรคชาติพัฒนา (ชพน.) กล่าวถึงการดึงนายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคกล้า ร่วมงานว่า สัปดาห์หน้านี้นายกรณ์จะมีผู้ร่วมงานด้านเศรษฐกิจหลายคนสมัครเป็นสมาชิกพรรค ชพน. ตั้งใจให้นายกรณ์มาดูแลเรื่องเศรษฐกิจ จะทำให้พรรคเข้มแข็งขึ้น คงต้องมีการปรับปรุงโครงสร้างพรรค ปรับปรุงภาพลักษณ์ การประชาสัมพันธ์ เหมือนกับการรีแบรนด์ให้เกิดความเชื่อมั่น รวมทั้งเรื่องนโยบายต่างๆ ภายในเดือนก.ย.นี้จะเปลี่ยนแปลงตำแหน่ง เช่น หัวหน้าพรรค ขณะนี้นายเทวัญ ลิปตพัลลภ ยังเป็นหัวหน้าพรรคอยู่ ต่อไปเป็นเรื่องของกรรมการบริหารพรรค เมื่อถามว่านายกรณ์เหมาะจะเป็นหัวหน้าพรรคหรือไม่ นายสุวัจน์ตอบว่า นายกรณ์ถือเป็นคนที่มีความรู้ความสามารถ เก่งเรื่องเศรษฐกิจ ส่วนเรื่องตำแหน่งเป็นเรื่องของสมาชิกพรรคจะพิจารณากัน

สอท.จ่อเปิด “สมคิด” ชิงนายกฯ

ขณะที่นายสุรนันทน์ เวชชาชีวะ รองหัวหน้าพรรคสร้างอนาคตไทย (สอท.) โพสต์เฟซบุ๊กเป็นภาพ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ อดีตรองนายกรัฐมนตรี พร้อมระบุข้อความว่า “อาจารย์สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ได้ลาออกจากการเป็นประธานกลุ่มสหพัฒน์แล้ว โปรดติดตามตอนต่อไป... #สร้างอนาคตไทย #ทีมสมคิด” โดยมีรายงานข่าวว่าพรรคสร้างอนาคตไทย จะเปิดตัวนายสมคิด เป็นประธานพรรค สอท. ในวันที่ 8 ก.ย. ที่โรงแรมรามาการ์เด้น นายวิเชียร ชวลิต รอง หัวหน้าพรรคสร้างอนาคตไทย กล่าวว่า นายสมคิดพร้อมเปิดตัวเป็นว่าที่แคนดิเดตนายกฯของพรรคสอท. พรรคมีการเตรียมความพร้อมมาต่อเนื่องจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการเร็วๆนี้

ชูจุดแข็งศักยภาพมือเศรษฐกิจ

นายวิเชียรกล่าวว่า พรรคกำลังคัดเลือกว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.จะส่ง ส.ส.เขตครบทั้ง 400 เขต และ ส.ส.บัญชีรายชื่อ 100 คน เมื่อเราเสนอผู้ที่เหมาะสมเป็นนายกฯ พรรคมั่นใจว่าความเชี่ยวชาญด้านเศรษฐกิจ คือจุดแข็งของพรรค เพราะผู้นำพรรคมีศักยภาพและ มีประสบการณ์ที่จะขับเคลื่อนนโยบายด้านเศรษฐกิจ เราไม่อยากตัวโตด้วยการไปผสมรวมกับคนอื่น ส่วนนโยบายจะทยอยเปิดออกมารณรงค์หาเสียงเป็นช่วงๆ ควบคู่กับการเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. หากเปิดตัวนาย สมคิดแล้ว คาดว่าประชาชนจะให้ความสนใจมากขึ้น

“ชัยวุฒิ” เยือนตรังคารวะ “ชวน”

ช่วงเช้าที่บ้านพักนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร อ.เมืองตรัง นายชัยวุฒิ ธนาคมา นุสรณ์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) พร้อมคณะ เข้าคารวะนายชวนในโอกาสมาตรวจเยี่ยม ความสำเร็จโครงการ “โดรนอนุรักษ์พะยูน” เกาะลิบง อ.กันตัง จ.ตรัง นายชัยวุฒิกล่าวว่า ดีใจที่ได้มาเยี่ยมนายชวน ลงสมัคร ส.ส.ครั้งแรกในนามประชาธิปัตย์ เพราะมีนายชวนเป็นบุคคลต้นแบบทางการเมือง ขณะที่นายชวนกล่าวว่า ตั้งแต่อยู่ด้วยกันสิ่งที่นายชัยวุฒิยังปฏิบัติอยู่คือความซื่อสัตย์สุจริต ถึงจะมีตำแหน่งเป็นอะไร แต่ความซื่อสัตย์สุจริตจะช่วยให้ดำรงอยู่ได้ตลอด ขอให้รักษาสิ่งนี้เอาไว้

“พิชัย” นำทีม ศก.พท.ถกทูตจีน

ด้านนายพิชัย นริพทะพันธุ์ รองประธานยุทธศาสตร์ด้านเศรษฐกิจ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า คณะทำงานเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทย ประกอบด้วย นายพชร นริพทะพันธุ์ กรรมการบริหารพรรค น.ส.จุฑาพร เกตุราทร ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กทม. ได้รับเชิญจากสถานทูตจีนให้ไปร่วมรับประทานอาหารค่ำพร้อม แลกเปลี่ยนความเห็นทางเศรษฐกิจ นำโดย นายหยาง ซิน อัครราชทูตที่ปรึกษา, Ms.Peng Fei, Counselor, Mr.Liu Libo, Second Secretary, Political Section การแลกเปลี่ยนความเห็นเป็นไปอย่างสร้างสรรค์ คณะทำงานเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทยตอกย้ำความสัมพันธ์ ที่ดีกับสถานทูตจีนและรัฐบาลจีน มุ่งหวังว่าหากพรรค เพื่อไทยชนะเลือกตั้งได้เป็นรัฐบาลจะสามารถร่วมมือกัน อย่างใกล้ชิด เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจที่ย่ำแย่มายาวนาน โดยมุ่งพัฒนาการค้าการลงทุนการท่องเที่ยว โดยเฉพาะเร่งดำเนินโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อมจาก จ.หนองคาย ไปยังกรุงเวียงจันทน์ เชื่อมต่อไปประเทศจีน

ย้ำความร่วมมือหลังเป็น รบ.

นายพิชัยกล่าวอีกว่า ปัจจุบันไทยต้องไปอาศัย ประเทศลาวส่งสินค้าขึ้นไปจีน นับเป็นเรื่องที่เสียโอกาส อย่างมาก นอกจากนี้ยังมีการแลกเปลี่ยนความเห็นเรื่องเศรษฐกิจของจีนที่มีแนวโน้มที่ดีขึ้น คาดว่าเศรษฐกิจจีนปีนี้จะขยายตัวได้มากกว่าร้อยละ 5 โครงการ อวกาศของจีน ความปลอดภัยทางไซเบอร์ การพัฒนา เศรษฐกิจดิจิทัล อนาคตของฮ่องกงที่จะกลับมารวมถึงการประชุม APEC ที่ประเทศไทยจะเป็นเจ้าภาพ คณะทำงานเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทยเชื่อมั่นว่าความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างไทยและจีนจะมีมากขึ้น และเชื่อว่าจีนจะสนับสนุนให้เศรษฐกิจไทยฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว เมื่อพรรคเพื่อไทยได้เป็นรัฐบาล

“พวงเพ็ชร” ลุยดอนเมืองรับน้ำ

อีกเรื่อง นางพวงเพ็ชร ชุนละเอียด ประธานคณะกรรมการประสานงานด้านการเมืองพื้นที่ กทม. พรรคเพื่อไทย พร้อมนางกนกนุช กลิ่นสังข์ ส.ก.เขตดอนเมือง นายประภัสร์ จงสงวน สมาชิกพรรคเพื่อไทย ลงพื้นที่ดูปัญหาการระบายน้ำในเขตดอนเมือง นางพวงเพ็ชรกล่าวว่า กทม.ยังมีอีก 50 จุดที่เสี่ยงจะเกิดน้ำท่วมขังจากฝนตกหนัก การลงพื้นที่ในวันนี้เป็นการเตรียมการล่วงหน้า เพื่อรับมือกับพายุที่อาจเพิ่มปริมาณฝนตกใน กทม.ได้

นายประภัสร์กล่าวว่า ติดตามรายงานข่าวพายุอาจเข้ามาอีกหลายระลอก การเตรียมการของภาครัฐเพื่อรับมือกับสถานการณ์สำคัญมาก ต้องประสานงานอย่างใกล้ชิด รัฐบาลต้องเป็นแบบอย่าง ไม่ใช่ต่างคนต่างทำเหมือนที่ผ่านมา

“จุรินทร์” ให้กำลังใจ “นิพนธ์”

นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกฯและ รมว.พาณิชย์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีนายนิพนธ์ บุญญามณี รมช.มหาดไทย รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ที่ถูก ป.ป.ช.แจ้งข้อกล่าวหาละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ครั้งเป็นนายก อบจ.สงขลาว่า นายนิพนธ์ไม่ได้ทุจริต เพียงแต่ไม่ยอมจ่ายเงินให้กับการจัดซื้อรถที่มีการฮั้วประมูล เป็นการรักษาผลประโยชน์ของทางราชการด้วยซ้ำ ต้องสู้กันในศาล ทั้งนายนิพนธ์ และนายวสันต์ สร้อยพิสุทธิ์ ทนายความ ยืนยันว่า ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง ว่ากันไปตามกระบวนการจะไปจบตรงไหน พรรคให้กำลังใจนายนิพนธ์ เพราะถือว่ารักษาผลประโยชน์ของทางราชการ และคดีนี้จะเป็นข้อพิสูจน์ต่อไป

โพลชี้คนไทยกระเป๋าแฟบ

วันเดียวกัน กรุงเทพโพลล์ โดยมหาวิทยาลัยกรุงเทพ เปิดผลสำรวจความคิดเห็นประชาชน “คนละครึ่งเฟส 5 กับความเป็นอยู่คนไทยในวันนี้” จากประชาชนทั่วประเทศ 1,187 คน พบว่าประชาชนร้อยละ 41.7 มีสถานะทางการเงินพอดีกับค่าใช้จ่าย ไม่มีเงินเหลือเพื่อเก็บออม ขณะที่ร้อยละ 39.4 มีสถานะทางการเงินไม่เพียงพอกับค่าใช้จ่าย ต้องกู้ ต้องหยิบยืม ร้อยละ 18.9 มีสถานะทางการเงินเพียงพอกับค่าใช้จ่ายและมีเงินเก็บออม ยังพบว่าส่วนใหญ่ร้อยละ 59.5 ได้ลงทะเบียนโครงการคนละครึ่งเฟส 5 และส่วนใหญ่นำไปซื้อของแห้งมาตุนไว้ เช่น บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ปลากระป๋อง รองลงมาเป็นอาหารสด ของสด มาทำกินเองที่บ้าน ของใช้ต่างๆ เมื่อถามว่าโครงการคนละครึ่งเฟส 5 ช่วยลดภาระค่าครองชีพได้มากน้อยเพียงใด ส่วนใหญ่ร้อยละ 69.5 เห็นว่าช่วยได้ค่อนข้างน้อยถึงน้อยที่สุด ร้อยละ 30.5 เห็นว่าช่วยได้ค่อนข้างมากถึงมากที่สุด ส่วนโครงการที่อยากขอรัฐบาลให้มีต่อไป ส่วนใหญ่อยากให้มีโครงการคนละครึ่งเฟส 6 รองลงมาคือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ และเราเที่ยวด้วยกัน

โกงยุคดิจิทัล ขรก.ตัวร้ายสุด

นายนพดล กรรณิกา ผอ.สำนักวิจัยซูเปอร์โพล เปิดผลสำรวจความเห็น “ความเชื่อมั่นปราบโกง ยุคดิจิทัล” จากประชาชน 1,145 ตัวอย่าง ระหว่างวันที่ 25 ส.ค.-2 ก.ย. พบว่า ส่วนใหญ่ร้อยละ 85.9 ระบุตัวร้ายต้นตอทุจริตคอร์รัปชัน คือข้าราชการ เจ้าหน้าที่รัฐ เพราะมีอำนาจมีอิทธิพลตัวจริง ฝังตัวอยู่นาน รู้ระบบกลไกโกง ปรับตัวเข้าได้กับทุกยุค ทุกรัฐบาล ทุกนักการเมือง ขัดขวางการพัฒนาประเทศ ร้อยละ 84.1 เป็นนักการเมือง ใช้อำนาจเอื้อประโยชน์ครอบครัว เครือญาติ พวกพ้อง กอบโกยผลประโยชน์ ถอนทุนคืน หาเงินซื้อเสียงเลือกตั้ง รองลงมาคือประชาชน ที่ต้องการอยู่รอด ยอมรับคนโกง ส่วน 5 อันดับแรกข่าวที่พอใจในการเอาผิดจัดการเจ้าหน้าที่รัฐทุจริตคอร์รัปชัน ได้แก่ ข่าวเอาผิดผู้บริหารระดับสูงของ ป.ป.ช. ข่าวปลดอัยการระดับสูง ข่าวเอาผิดจับโกง อบต. ปกครองท้องถิ่นและส่วนกลาง ข่าวเอาผิดจัดการตำรวจประพฤติมิชอบ ระบบส่วยรีดไถ และข่าวเอาผิดจัดการข้าราชการและขบวนการเกี่ยวโยงเงินทอนวัด

“จตุพร” แฉ “บิ๊กตู่” เล่นไสยศาสตร์

เวลา 17.00 น. ที่ลานสกายวอล์ก สี่แยกปทุมวัน คณะหลอมรวมประชาชน นำโดยนายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธาน นปช. และนายนิติธร ล้ำเหลือ อดีตทนายความพันธมิตร นัดชุมนุม “หยุดอำนาจ 3 ป.นับหนึ่งประเทศไทย” แต่ปรากฏว่าต้องมีอันยกเลิกเปลี่ยนเป็นการแถลงข่าวนัดชุมนุมใหญ่ที่แยกราชประสงค์ ในวันที่ 4 ก.ย.แทน ท่ามกลางความงุนงงของผู้สื่อข่าว แต่มีมวลชนส่วนหนึ่งเป็นเยาวชนเดินทางมาแจกสติกเกอร์ หยุดอำนาจ 3 ป. ให้กับผู้ที่สัญจรผ่านไปมา พร้อมชูป้ายตะโกนขับไล่ 3 ป. นายจตุพรแถลงเหตุผลที่ไม่จัดชุมนุมว่า ประสานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจแล้วเห็นว่าอาจเกิดผลกระทบต่อประชาชนที่สัญจรและใช้พื้นที่ใกล้เคียง ประกอบกับจะมีงานใหญ่ที่ราชประสงค์ จึงต้องข้ามวันนี้ไปก่อน หลายคนอาจมองว่า พล.อ.ประยุทธ์ถูกพักงาน แต่จริงๆแล้ว พล.อ.ประยุทธ์ไม่เคยหยุดต่อสู้แม้แต่วันเดียว ที่มีข่าวไปตรวจน้ำท่วม จ.พระนครศรีอยุธยา จริงๆแล้วไม่ใช่ แต่ไปทำพิธีข่มขวัญแบบไสยศาสตร์ตัดไม้ข่มนาม หากมีใครทรยศต้องนำไปประหารที่นั่น ไปดูชื่อวัดที่ไปก็จะทราบความจริง