“สุวัจน์-กรณ์” เห็นตรงกัน วิกฤติปากท้อง ฟื้นเศรษฐกิจเป็นเรื่องสำคัญ ประกาศชัด การจับมือกันจะทำให้มีพลังในการช่วยปชช. คุยกับลูกพรรคกล้าแล้ว ขอนำร่องมาก่อน ชพน.รอประชุมใหญ่ปรับโครงสร้างพรรครับ
เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 2 ก.ย. 2565 ที่บ้านเลขที่ 333 ราชวิถี 20 ดุสิต กทม. นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ ประธานพรรคชาติพัฒนา(ชนพ.) และอดีตรองนายกรัฐมนตรี แถลงร่วมกับ นายกรณ์ จาติกวณิช อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ประกาศร่วมมือทางการเมือง โดยนายสุวัจน์กล่าวว่า การร่วมมือกันครั้งนี้เป็นการรวมพลังในการกอบกู้วิกฤติเศรษฐกิจให้กับพี่น้องประชาชน โดยเฉพาะในเรื่องปากท้องที่ประชาชนรอการแก้ปัญหามากมาย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของแพง ค่าไฟ ค่านํ้ามันแพง หรือปัญหาหนี้สิน และโอกาสการทำมาหากิน
นายสุวัจน์ กล่าวว่า ติดตามการทำงานของนายกรณ์มานาน ตั้งแต่เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ทำงานประสบความสำเร็จ ฝ่าฟันวิกฤติแฮมเบอร์เกอร์จนได้รับสมญาว่าเป็นรัฐมนตรีคลังโลก จนตอนนี้ก็ยังมุ่งมั่นเสนอทางออกให้ประเทศ
“ผมเฝ้าดูมานาน เรื่องพลังงาน ค่าน้ำมัน ค่าไฟฟ้า ล่าสุดก็ปัญหาหนี้สินประชาชน เรื่องเหล่านี้ที่เป็นความเดือดร้อนของประชาชน ผมเห็นคุณกรณ์เป็นไม่กี่คนที่ต่อสู้เรื่องเหล่านี้ ขณะนี้เรื่องของแพงเป็นความทุกข์ยากของประชาชนจริงๆ เราจะร่วมมือกันทำงานเพื่อแก้ไขเรื่องของแพงให้กับประชาชน การแก้ไขวิกฤติเศรษฐกิจ ต้องมีการเมืองที่มีเสถียรภาพ พรรคชาติพัฒนาทำการเมืองมา 30 ปีเต็ม อยู่บนพื้นฐานการทำการเมืองสร้างสรรค์ ประณีประนอม ไม่ขัดแย้ง และยึดผลประโยชน์ของชาติเป็นหลัก วันนี้มีส่วนผสมที่ลงตัวทางการเมืองเป็นมืออาชีพจากกรณ์และทีมเวิร์คจากพรรคการเมืองที่มีประสบการณ์ พร้อมทั้งย้ำว่า วันนี้ไม่ได้เป็นการรวมพรรค แต่พรรคชาติพัฒนาเชิญนายกรณ์มาร่วมงานในนามบุคคล แต่จะมาอยู่ในตำแหน่งใด ถึงขั้นเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีในบัญชีของพรรคหรือไม่ จะต้องมีการประชุมหารือภายในพรรคตามปฏิทินการเมืองอีกที” นายสุวัจน์ กล่าว
...

นายกรณ์ กล่าวว่า นายสุวัจน์ เป็นนักการเมืองอาวุโสมีประสบการณ์ทางการเมืองมากกว่า 35 ปี เป็นรัฐมนตรีกระทรวงเศรษฐกิจมาหลายกระทรวง ท่านเข้าใจพื้นฐานปัญหาของประชาชนเป็นอย่างดี ตนเองมั่นใจว่าการจับมือกันครั้งนี้ จะนำไปสู่เป้าหมายการฟื้นและพัฒนาเศรษฐกิจให้กลับมาคึกคัก ซึ่งเป็นภารกิจสำคัญที่สุดของรัฐบาลชุดต่อไป
“ประเด็นสำคัญวันนี้คือเราสองคนมองว่าการจับมือกัน จะทำให้เรามีพลังในการช่วยให้ประชาชนทุกคนมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น การเมืองต้องเป็นความหวังและที่พึ่งให้ประชาชน นี่คือความตั้งใจของเราทั้งสองคน” นายกรณ์กล่าว
เมื่อถามว่า วันนี้มาในนามพรรคกล้าหรือไม่ นายกรณ์ กล่าวว่า มาในนามนายกรณ์ จาติกวณิช ส่วนพรรคกล้าก็เป็นเรื่องของพรรคกล้าที่เขาจะต้องพิจารณาว่าจะยังไงต่อ แต่ยืนยันว่า ไม่มีการยุบพรรคกล้า ซึ่งตนได้หารือกับทีมงานในพรรคกล้ามาก่อนแล้ว ซึ่งทุกคนเห็นตรงกันและมาร่วมงานเป็นทีมเศรษฐกิจกับพรรคชาติพัฒนาด้วย แต่เรื่องอื่นๆ รวมถึงเรื่องลาออกจากหัวหน้าพรรคกล้า เรายังพูดไม่ได้มาก เพราะติดในเรื่องเกี่ยวกับข้อกฎหมายพรรคการเมือง ที่ต้องทำตามขั้นตอนต่างๆให้ครบถ้วนก่อน

เมื่อถามย้ำว่า ในอนาคต พรรคชพน.มีโอกาสที่จะเชิญคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานพรรคไทยสร้างไทย และนายอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรคสร้างอนาคตไทย กับนายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาธิการพรรคสร้างอนาคตไทย หรือไม่? นายสุวัจน์ กล่าวว่า วันนี้เริ่มต้นที่นายกรณ์ก่อน แต่ท่านอื่นๆ ตอนนี้ยังตอบแทนท่านไม่ได้ แต่วันนี้เราต้องหันหน้าเข้าหากัน ตอนนี้พรรคชาติพัฒนาตั้งเป้าว่าอยากเห็นบทบาทของพรรค ชพน. ให้กลับมาเหมือนอดีต เป็นพรรคการเมืองใหญ่ ที่ลดความขัดแย้ง สร้างเสถียรภาพทางการเมืองให้ได้ เพราะฉะนั้น ใครที่เข้ามาแก้ปัญหาให้ประเทศได้ พรรคชพน.เราก็ยินดีต้อนรับหมด
เมื่อถามว่า นายกรณ์จะอยู่ตำแหน่งไหนของพรรค นายสุวัจน์ กล่าวว่า ขณะนี้กำลังเข้าสู่โหมดเลือกตั้ง และ ชพน.ต้องปรับปรุงตัวบุคคล เนื่องจากมีผู้ใหญ่ในพรรคลาออกไปสมัครการเมืองท้องถิ่น 7 คน ทำให้เราต้องมีการประชุมใหญ่ และที่ผ่านมาได้มีการแก้ไขบังคับพรรค โครงสร้างพรรค ซึ่งเรายังไม่ได้แต่งตั้งประธานยุทธศาสตร์ 4 ด้าน ได้แก่ ด้านเศรษฐกิจ การเมือง ความมั่นคง และเทคโนโลยี ฉะนั้น หัวหน้าพรรค ชพน.คงใช้โอกาสนี้ในการนัดประชุมคณะกรรมการบริหาร(กก.บห.)พรรค เพื่อปรับโครงสร้างและจัดสรรบุคลากรตามความเหมาะสม เพื่อให้สมาชิกพรรคให้ความเห็นชอบต่อไป ดังนั้น ท่านใดจะอยู่ในตำแหน่งใดยังตอบไม่ได้ เป็นเรื่องของที่ประชุมใหญ่ ส่วนนายกรณ์จะดำรงตำแหน่งอะไรยังตอบไม่ได้ แต่ต้องมีบทบาทหน้าที่ที่ทำให้เกิดความมั่นใจทางเศรษฐกิจ
นอกจากนี้ นายสุวัจน์ ได้กล่าวขอบคุณ นายกรณ์ ที่ได้ให้เกียรติและเสียสละมาร่วมงานกัน ถือเป็นนิมิตหมายที่ดีกับการสร้างสรรค์การเมืองไทย ใช้ประสบการณ์ทางการเมืองกับประสบการณ์ทางเศรษฐกิจจากมืออาชีพ เพื่อช่วยกันกอบกู้วิกฤติของบ้านเมือง มั่นใจว่าการที่เรามาร่วมกันครั้งนี้จะทำให้การขับเคลื่อนทางการเมืองเข้มแข็งขึ้นไปอีก.


ภาพ : ชุติมน เมืองสุวรรณ