การเมืองไทยขณะนี้ กำลังเข้าสู่ฤดูกาลหาเสียงเลือกตั้ง ทั้งฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาล ทั้งพรรคเก่าและพรรคใหม่ ต่างเดินสายเปิดตัวผู้สมัคร ส.ส. และประกาศ นโยบาย พรรคสร้างอนาคตไทย ประกาศ “ยุทธศาสตร์เราพร้อมเปลี่ยนอนาคตประเทศไทย” นายอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรค เปิดพันธกิจ 5 แก้ไข 5 สร้าง

5 แก้ไขได้แก่ แก้ไขการฉ้อราษฎร์ บังหลวง ที่สะสมมานานจนกลายเป็นปัญหารุนแรง การปราบปรามยาเสพติด การสร้างความเท่าเทียม ลดการผูกขาด เพิ่มการแข่งขัน ลดขนาดราชการ ยกระดับเกษตรกรให้ทันสมัย ส่วน “5 สร้าง” ได้แก่สร้างเศรษฐกิจฐานราก สร้างเศรษฐกิจใหม่ สร้างสังคมเกื้อกูล สร้างคน และการเมืองสร้างสรรค์

เป็นนโยบายที่น่าเลื่อมใส จุดประกายให้สังคมไทยมีความหวัง ถ้าทำสำเร็จ ประเทศไทยจะก้าวออกจากกลุ่ม ที่มีรายได้ขนาดกลาง เข้าสู่สังคมที่มั่งคั่ง แต่ปัญหาก็คือจะทำได้หรือไม่ ต้องไม่ลืมว่า “2 กุมาร” ที่ก่อตั้งพรรค เคยร่วมก่อตั้งพรรคพลังประชารัฐ สนับสนุนการสืบทอดอำนาจรัฐประหาร

นั่นก็คือสนับสนุนกลุ่ม “3 ป.” สามผู้นำคณะรัฐประหาร คสช.ที่ก่อรัฐ ประหาร ยึดอำนาจรัฐบาลเลือกตั้ง รัฐบาลพรรค พปชร.เคยสัญญาจะขจัดความยากจนให้สิ้นซาก ภายในปี 2560 หรือ 2561 แต่กลับกลายเป็นว่าสังคมไทยมีคนจนเพิ่มขึ้น ส่วนการเมืองล้าหลัง และในที่สุดกลุ่ม 4 กุมารต้องถอนตัวจาก พปชร.

นโยบายของพรรคสร้างอนาคตไทย ทั้งด้านการ “แก้ไข” และ “การสร้าง” เน้นปัญหาเศรษฐกิจและสังคม แต่พูดถึงการเมืองนิดเดียวว่า “สร้างการเมืองสร้างสรรค์” ไม่ทราบว่าหมายถึงอะไร นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาธิการพรรค เปิดเผยว่า คณะทูตานุทูตสนใจกันมาก เรื่องศาลสั่งให้นายกรัฐมนตรีหยุดปฏิบัติหน้าที่

...

นายสนธิรัตน์เป็นห่วงเรื่องวาระ 8 ปี จะเป็นจุดเริ่มต้นของความขัดแย้งในสังคมที่แบ่งเป็น 2 ฝ่าย น่าจะหมายถึงฝ่ายประชาธิปไตย กับฝ่ายอำนาจนิยมพรรค พปชร.ที่กลุ่ม 4 กุมารเคยร่วมก่อตั้ง ถูกมองว่าอยู่ในกลุ่มอำนาจนิยม เพราะสนับสนุนการสืบทอดอำนาจ ของคณะรัฐประหาร คสช. จนสามารถครองอำนาจมากว่า 8 ปี

เหตุที่อาจเกิดความขัดแย้งในสังคม เนื่องจากนายกรัฐมนตรีที่อยู่ในตำแหน่งครบ 8 ปี แต่ไม่ยอมลงจากตำแหน่ง อ้างว่าเป็นอำนาจของศาลรัฐธรรมนูญทั้งๆที่รัฐธรรมนูญมาตรา 170 ระบุว่านายกฯพ้นตำแหน่งทันที เมื่อครบกำหนด 8 ปี โดยไม่ต้องให้ศาลวินิจฉัยก็ได้ พรรคสร้างสังคมไทยอยู่ฝ่ายประชาธิปไตย หรืออำนาจนิยม.