1 รัฐบาล 2 นายกฯ... สภาพความเป็นไปของผู้บริหารประเทศในยุคสมัยนี้ ดังที่ปรากฏคือมีนายกรัฐมนตรี 2 คน คนหนึ่งตัวจริง แต่ปฏิบัติหน้าที่ไม่ได้ อีกคนหนึ่งแค่รักษาการ แต่ปฏิบัติหน้าที่ได้

คงต้องรอศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยจึงจะจบเรื่องได้ ล่าสุดศาลจะเรียกประธานร่างรัฐธรรมนูญคือ นายมีชัย ฤชุพันธุ์ มาให้ปากคำ

ฝ่ายค้านจึงเสนอว่าควรจะให้ผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายเข้ามาร่วมด้วย

เพื่อให้ศาลได้รับฟังความเห็นรอบด้านอันจะทำให้การวินิจฉัยมีข้อมูลและความเห็นที่กว้างขวางเป็นผลดีแก่ทุกฝ่าย

ก็ว่ากันไป...

ข้อสำคัญควรดำเนินการให้เร็ว เพราะทุกอย่างจะได้จบลงเข้าสู่ความปกติทั่วไปผลจะออกมาอย่างไรเป็นอีกเรื่องหนึ่ง

ว่ากันถึง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ในฐานะรักษาการแทนนายกรัฐมนตรีสามารถปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างราบรื่น

ด้วยยึดสูตร “ไม่ทับรอย” กัน

ประชุม ครม.นัดแรกผ่านไปด้วยดีโดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯตัวจริงสามารถเข้าร่วมประชุมได้ในฐานะตำแหน่งรัฐมนตรีกลาโหม

แต่ไม่ได้เข้าประชุมก็ดีแล้ว...

ที่น่าสนใจคือการประชุม ก.ต.ช.-ก.ตร.ที่ผ่านมา เพื่อแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการตำรวจโดย พล.อ.ประวิตรเป็นประธาน ผ่านไปด้วยความเรียบร้อยไร้ปัญหา

พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร.ก้าวขึ้นไปเป็น ผบ.ตร.แทนคนเก่า ด้วยมติเอกฉันท์ทำหน้าที่ 1 ปีก่อนเกษียณอายุราชการ

พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์นั้นเป็น ตท.22 และนักเรียนนายร้อยตำรวจรุ่น 38 รุ่นเดียวกับ ผบ.ทบ.คนปัจจุบันเพียงแต่แยกเหล่ากันเท่านั้น

คนหนึ่งไปเป็นทหารอีกคนหนึ่งไปเป็นตำรวจ

ว่ากันว่า ตท.22 มีโอกาสที่จะขึ้นคุมกองทัพทั้งแผงคือ ผบ.ทบ. ผบ.ทร. ผบ.ทอ. และ ผบ.ตร. คงจะมีการประชุมเพื่อพิจารณาแต่งตั้งอีกไม่นานนี้

...

ในส่วนของทหารนั้น พล.อ.ประยุทธ์ในฐานะรัฐมนตรีกลาโหมจะเป็นประธานเพื่อพิจารณาตัดสินว่าใครจะไปอยู่ตรงไหนอย่างไร

ที่แน่ๆก็คือ หาก ตท.22 ขึ้นมาคุมเหล่าทัพทั้งแผงก็จะทำให้รัฐบาลชุดนี้มีความมั่นคงไม่ต่างกับสมัยที่ จปร.5 รุ่น พล.อ.สุจินดา คราประยูร คุมกำลังไว้ทั้งหมด

และเปิดปฏิบัติการยึดอำนาจ พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ นายกรัฐมนตรีสมัยนั้นจนนำมาซึ่งเหตุการณ์ “พฤษภาทมิฬ”

การจัดแถว 3 เหล่าทัพและตำรวจย่อมเป็นฐานสำคัญทางการเมืองของ “3 ป.” อย่างไม่ต้องสงสัย

อยู่ที่ว่า “บิ๊กตู่” จะได้ไปต่อหรือไม่...นี่คือปัญหา

แต่อย่างน้อยก็สามารถให้ความคุ้มครองเมื่อถึงวาระที่จะต้องลงจากหลังเสือ พูดง่ายๆว่าไม่โดดเดี่ยวแม้จะหมดอำนาจแล้วก็ตาม

ตรงกันข้ามหากได้ไปต่อก็จะมีฐานกำลังที่หนาแน่นและเป็นเอกภาพที่ได้เปรียบนักการเมือง หรือพรรคการเมืองอื่นๆอย่างชัดเจน

เพียงแต่จะต้องอยู่ในกติกาประชาธิปไตย

เพราะถ้าเล่นนอกเกมในสถานการณ์ปัจจุบันที่ทุกอย่างเปลี่ยนไปหมดแล้วจะต้องเจอแรงต่อต้านจากประชาชน

ไม่มีที่ยืนในสังคมแน่!

“สายล่อฟ้า”