“จุรินทร์ ออนทัวร์” เมืองพิจิตร เผย ปชป. เตรียมผู้สมัครภาคเหนือไว้เกือบ 100% แล้ว มั่นใจพรรคจะกลับมายิ่งใหญ่ได้อีกครั้ง ส่วนภาคใต้คนแห่แย่งกันลง เพราะคะแนนนิยมพรรคยังดี
วันที่ 21 ส.ค. 2565 นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ให้สัมภาษณ์ภายหลังเปิดคาราวาน ลองกอง และพิธีลงนามสัญญาข้อตกลงมาตรฐานของกรมการค้าภายใน สำหรับซื้อขายลองกอง ในจังหวัดภาคเหนือตอนล่าง ที่ศูนย์ส่งออกส้มโอโพธิ์ประทับช้าง อ.โพธิ์ประทับช้าง จ.พิจิตร
ผู้สื่อข่าวถามถึงนโยบายช่วยเหลือเกษตรกรว่า จะเป็น 1 ในนโยบายที่พรรคประชาธิปัตย์ใช้หาเสียงในการเลือกตั้งครั้งต่อไปหรือไม่ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กล่าวว่า สำหรับประกันรายได้ ต้องถือว่าเป็นนโยบายสำคัญอันหนึ่ง ซึ่งเป็นนโยบายที่พรรคประชาธิปัตย์ใช้เป็นเงื่อนไขในการตัดสินใจก่อนเข้าร่วมรัฐบาล ว่าถ้าจะให้ประชาธิปัตย์เข้าร่วมรัฐบาล ก็จะต้องนำนโยบายประกันรายได้ของประชาธิปัตย์ ไปเป็นนโยบายของรัฐบาล ซึ่งท่านนายกฯ ก็กรุณารับเป็นนโยบายรัฐบาล เราจึงมาขับเคลื่อนตลอด 3 ปีที่ผ่านมา และปีนี้เข้าปีที่ 4 ซึ่งได้พิสูจน์ว่านโยบายประกันรายได้ นโยบายนี้ก็สามารถทำได้ไว ทำได้จริง ตามที่ได้ประกาศไว้

...
ผู้สื่อข่าวถามอีกว่า ขณะนี้ทุกพรรคการเมืองเข้าสู่การเตรียมความพร้อมเลือกตั้ง และพูดถึงการมีวาระการดำรงตำแหน่งครบ 8 ปีของนายกรัฐมนตรี ในส่วนของพรรคประชาธิปัตย์จะมีการเตรียมการอย่างไรหากเกิดอุบัติเหตุทางการเมือง หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ไม่ได้เตรียมอะไร ทุกอย่างเป็นไปตามภาวะปกติ วันนี้ประชาธิปัตย์อยู่ในฐานะพรรคร่วมรัฐบาล เราก็ทำหน้าที่พรรคร่วมรัฐบาล ท่านนายกฯ ยังเป็นนายกฯ ท่านก็ทำหน้าที่นายกรัฐมนตรี เราก็ทำงานร่วมกับพรรคร่วมรัฐบาลอื่นๆ ไปได้ด้วยดี ไม่ได้มีความกังวลอะไร ส่วนคำตัดสินจะออกมาอย่างไรนั้น ก็ขึ้นอยู่กับศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งก็ต้องรอคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญที่จะเป็นที่สุด เพราะผูกพันทุกองค์กร
ผู้สื่อข่าวถามว่า ตอนนี้บรรดาพรรคการเมือง มีการพูดกันว่า หากเกิดอุบัติเหตุทางการเมือง อาจมีการเสนอชื่อ พล.อ.ประวิตร เป็นนายกฯ สำรอง มองว่าจะมีโอกาสเป็นไปได้หรือไม่ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ตนไม่ขอตอบอะไรไปล่วงหน้า เพราะวันนี้ พล.อ.ประยุทธ์ ยังเป็นนายกฯ อยู่ ทุกอย่างก็ต้องเป็นไปตามนั้น และพรรคประชาธิปัตย์ก็มาร่วมรัฐบาลในเงื่อนไขที่สนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกรัฐมนตรี เพราะฉะนั้นถ้าเป็นเงื่อนไขอยู่ มันก็เป็นเรื่องที่ยังไม่เกิดขึ้น ก็ยังไม่อยากพูดอะไรไปล่วงหน้า
เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงความคืบหน้าภาพรวมในการเตรียมความพร้อมเลือกตั้งทั่วประเทศ โดยเฉพาะล่าสุดที่มีการเปิดตัวผู้สมัครในภาคใต้ แต่มียังบางเขตที่มีผู้สมัครมากกว่า 1 คน จะสามารถเปิดตัวพร้อมกันทั่วประเทศได้หรือไม่ อย่างไร หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า สำหรับภาคใต้ไม่มีปัญหาเลย ส่วนที่มีผู้สมัครเกิน อันนี้ไม่น่าจะเรียกว่าปัญหา แต่มันเป็นภาพดีกับประชาธิปัตย์ ภาคใต้ เพราะมีคนแย่งกันลง แสดงให้เห็นว่าความนิยมประชาธิปัตย์ในภาคใต้ยังดี และกระเตื้องขึ้นไปเยอะมากเมื่อเทียบกับหลังการเลือกตั้งเมื่อคราวที่แล้ว คนถึงมาแย่งกันลง ถ้าสมมติว่าเสียงไม่ดี คนไม่สนับสนุน คงไม่มีคนมาแย่งกันลง อันนี้เป็นคำตอบที่ชัดที่สุด แต่กระบวนการของพรรคยังมีอยู่ ถ้าเกิน 2 คน ไป 3 คน พรรคจะตัดสินใจอย่างไร ก็มีข้อบังคับพรรค และมีกฎหมายใหม่ที่จะเป็นตัวกำหนดว่าจะคัดตัวผู้สมัครอย่างไร อีกทั้งยังมีกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ที่เราไปใช้ในบางเขตเท่าที่จำเป็น เช่น กระบวนการทำโพล ผลการสำรวจเบื้องต้น

สำหรับการเตรียมพร้อมผู้สมัครในภาคเหนือ ทำไปได้กี่เปอร์เซ็นต์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ทำไปได้เยอะแล้ว 1. อดีตผู้สมัคร ส.ส. ของเราคราวที่แล้ว ยังอยู่กับเราเกือบจะเรียกว่าครบเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์ ยังยืนหยัดกับพรรคประชาธิปัตย์ และเรามีผู้สมัครรุ่นใหม่เข้ามาเยอะในหลายพื้นที่ หลายจังหวัด เมื่อถึงเวลาอันเหมาะสมจะได้ประกาศเปิดตัวต่อไป แม้แต่ที่เชียงใหม่ก็มีคนรุ่นใหม่เข้ามา และยังมีหลายจังหวัด
ในส่วนภาคเหนือ ได้ตั้งความหวังไว้มากน้อยเท่าไร เพราะที่ผ่านมาพรรคได้ ส.ส.เขต เพียงคนเดียว หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ขอให้เป็นหน้าที่ของรองหัวหน้าพรรคภาคเหนือ ที่จะเป็นผู้ไปประเมิน ตนนั้นมีประเมินไว้ในใจ แต่ยังไม่อยากพูด คือทั้งหมดประเมินเบื้องต้นเดี๋ยวนี้ไม่ได้ เพราะตัวผู้สมัครยังไม่นิ่ง เมื่อนิ่งแล้วเราจะพอประเมินได้ว่าเราจะได้กี่ที่นั่งในภาคเหนือ แต่อย่างน้อยก็ต้องมากกว่าคราวที่แล้ว เพราะคราวที่แล้วได้คนเดียวเองทั้งภาคเหนือเพราะมันเป็นอุบัติเหตุทางการเมืองอย่างที่ทราบ
ผู้สื่อข่าวถามต่อไปว่า หากเป็นเช่นนั้น หมายความว่าในภาพรวมทั้งประเทศพรรคประชาธิปัตย์จะได้มากกว่าเดิมใช่หรือไม่ เพราะเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ได้ประกาศวางมือทางการเมืองหากได้ ส.ส. น้อยกว่าเดิม และแบบนี้จะทำให้รู้สึกกดดันหรือไม่ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กล่าวว่า ท่านเลขาพรรคได้พูดไปแล้ว ตนไม่ขอพูดซ้ำ ซึ่งท่านเองก็ต้องมีความมั่นใจ ผู้ใหญ่ระดับเบอร์ 2 ของพรรคพูด แสดงว่าก็ต้องมั่นใจ สำหรับท่านก็ชัดเจนแล้ว ตนก็ไม่จำเป็นต้องไปพูดซ้ำ
ด้านนายนราพัฒน์ แก้วทอง รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ที่ดูแลภาคเหนือ ให้สัมภาษณ์เพิ่มเติมถึงความมั่นใจในการนำทัพการเลือกตั้งประชาธิปัตย์ในภาคเหนือว่า แม้ในอดีตประชาธิปัตย์ในภาคเหนือจะมี ส.ส. เกือบ 20 ที่นั่ง เราก็เคยทำได้มาแล้ว เพราะฉะนั้นเที่ยวนี้เราเหลือ 1 ที่นั่ง ตนก็มั่นใจอย่างยิ่งว่า เราได้มากกว่าเดิมแน่นอน ขณะนี้ได้กำหนดตัวผู้สมัครไว้ประมาณ 80-90% รอความชัดเจนในเรื่องเขตเพิ่มเติมอีกสักนิด เนื่องจากมีการแบ่งเขตเพิ่มเติม จาก 62 เขต เป็น 71 เขต เมื่อ กกต. เคาะเรียบร้อย เราก็น่าจะได้ครบตามเป้าหมาย ซึ่งมีทั้งที่เป็นอดีต ส.ส. และคนรุ่นใหม่ ก็เชื่อว่านโยบายที่ผ่านมา รวมถึงการทำงานของรัฐมนตรีของพรรคทุกคนจะสามารถกอบกู้วิกฤติ และสามารถนำพาประชาธิปัตย์ภาคเหนือกลับมายิ่งใหญ่ได้อีกครั้ง