“พล.อ.ประยุทธ์” ชื่นชมนักวิจัยไทย หลังช่วยกันคิดค้นเครื่องตรวจโควิด-19 จากลมหายใจ ไม่ต้องเจ็บตัวและมีความแม่นยำ แถมค่าใช้จ่ายไม่เกิน 10 บาทต่อคน
วันที่ 21 สิงหาคม 2565 นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ชื่นชมความสำเร็จของนักวิจัยคนไทยที่คิดค้น “การพัฒนาระบบต้นแบบเครื่องตรวจคัดกรองผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) แบบไม่เจ็บตัว” โดยการวิเคราะห์โปรไฟล์จากลมหายใจ ซึ่งเป็นผลงานที่เกิดขึ้นจากการบูรณาการความเชี่ยวชาญจากหลายหน่วยงาน ประกอบด้วย สมาคมกีฬาเครื่องบินจำลองและวิทยุบังคับ โรงพยาบาลราชวิถี มหาวิทยาลัยมหิดล และภาคเอกชน สนับสนุนทุนวิจัยจากสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
นางสาวรัชดา ระบุต่อไปว่า ปัญหาการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 เป็นหนึ่งในปัญหาที่มีความสำคัญ และยังคงมีการแพร่ระบาดอย่างต่อเนื่องในปัจจุบัน หากไม่มีมาตรการหรือยุทธศาสตร์เชิงรุกในการควบคุมเชื้อโรคได้ดีอาจจะทวีความรุนแรงขึ้นได้อีกในอนาคต รัฐบาลให้ความสำคัญในการส่งเสริม สนับสนุนวิจัยนวัตกรรมอุปกรณ์ทางการแพทย์รูปแบบใหม่เพื่อเป็นทางเลือกในการคัดกรองผู้ป่วยที่ติดเชื้อโควิด-19 ซึ่งการคิดค้นต้นแบบเครื่องตรวจคัดกรองผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสโควิด-19 แบบไม่เจ็บตัว โดยการวิเคราะห์โปรไฟล์จากลมหายใจ เป็นนวัตกรรมรูปแบบใหม่ในการตรวจคัดกรองผู้ป่วยที่ไม่ต้องเจ็บตัว ไม่ต้องแยงจมูก ไม่ต้องเจาะเลือด และไม่ต้องใช้น้ำลาย โดยเป็นวิธีที่มีความไว (Sensitivity) และความจำเพาะ (Specificity) สูง รู้ผลตรวจได้ใน 5 นาที ทำให้คัดแยกผู้มีความเสี่ยงติดเชื้อออกมาได้อย่างรวดเร็ว เข้าสู่กระบวนการรักษาได้ทันท่วงที ลดโอกาสระบาดของเชื้อโควิด-19 ในวงกว้างได้ โดยมีค่าใช้จ่ายในการตรวจไม่เกิน 10 บาทต่อคน
...
สำหรับเทคโนโลยีที่ใช้ในการพัฒนาครั้งนี้ เป็นการนำเทคโนโลยีที่เรียกว่าจมูกอิเล็กทรอนิกส์ หรือก๊าซเซนเซอร์ (Gas Sensor) มาตรวจวัดสารระเหยอินทรีย์ หรือกลิ่นที่เป็นสารไบโอมาร์กเกอร์จากลมหายใจ ซึ่งทีมวิจัยมีฐานข้อมูลที่สามารถจดจำและจำแนกกลิ่นที่แตกต่าง ระหว่างคนที่ติดเชื้อหรือไม่ติดเชื้อได้ นอกจากนี้ ยังมีการนำระบบแมชชีนเลิร์นนิ่ง และปัญญาประดิษฐ์ (AI) เข้ามาใช้ในการประมวลผล ทำให้สามารถวิเคราะห์และตรวจคัดกรองได้อย่างแม่นยำมากขึ้น ปัจจุบันมีความแม่นยำประมาณ 97% จากฐานข้อมูลของทีมวิจัยที่มีอยู่ประมาณ 3,000 ตัวอย่าง
รองโฆษกรัฐบาล เผยในช่วงท้ายด้วยว่า “ถือเป็นความสำเร็จที่พัฒนาไปอีกขั้นหนึ่งของระบบสาธารณสุขของประเทศไทย และเป็นผลจากความสามารถของนักวิจัยคนไทยและคณะที่ร่วมมือกันคิดค้นพัฒนาจนผลงานวิจัยประสบความสำเร็จ ช่วยประหยัดงบประมาณด้านสาธารณสุขให้กับประเทศได้เป็นจำนวนมาก ที่สำคัญสามารถต่อยอดในเชิงพาณิชย์ต่อไปได้ และผลงานนี้จะนำมาจัดแสดงภายในงานประชุม APEC Health Week ระหว่างวันที่ 22-26 ส.ค. 2565 ที่โรงแรมมิลเลนเนียม ฮิลตัน กทม. เพื่อให้เห็นถึงศักยภาพของประเทศไทย และให้เกิดการแลกเปลี่ยนเรียนรู้กับสมาชิกเขตเศรษฐกิจเอเปคด้วย”
(ภาพจาก กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม)