ชมรมแพทย์ชนบทออกโรงกระทุ้ง “บิ๊กตู่” 8 ปีแล้วพอเถอะนะ ปลุกทุกภาคส่วนในสังคมจุดกระแสกันให้กระหึ่ม ด้านผู้ตรวจฯตีตกคำร้อง “ศรีสุวรรณ” อ้างไม่มีอำนาจส่งศาล รธน. เพื่อไทยวอนเร่งวินิจฉัยสังคมจับตาอยู่ “พชร” ห่วงลากอำนาจยิ่งฉุดพัฒนาชาติ หวั่นนักลงทุนรายใหม่เบือนหน้าหนี “เชาว์” ชี้ถ้า “ประยุทธ์” รอด อดีตนายกฯคนอื่นได้นับหนึ่งใหม่ “เสี่ยแฮงค์” เชื่อไม่มีอุบัติเหตุการเมือง “หนู” ชี้เตรียมตัว 6-7 เดือนกำลังดี ตั้งแล้ว “อนุชา บูรพชัยศรี” โฆษกรัฐบาลใหม่ งบฯทหาร 8.8 หมื่น ล.ผ่านฉลุย พท.ถล่มคลังขู่เผาบัตรคนจน “จตุพร” ขยับนัดรวมพลไล่ “ลุงตู่” 4 วันรวด
กระแสต้านการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเกิน 8 ปี ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เริ่มขยายวงกว้าง เมื่อชมรมแพทย์ชนบทออกแถลงการณ์ผ่านเฟซบุ๊กชมรมฯ จุดกระแส “8 ปีแล้ว พอเถอะนะ” ให้ทุกภาคส่วนในสังคมร่วมกันออกมาต้านการลากยาวอำนาจของ พล.อ.ประยุทธ์ เปิดทางให้เมืองไทยเดินไปข้างหน้า
หมอชนบทกระทุ้ง “ตู่” 8 ปีพอเหอะ
เมื่อวันที่ 18 ส.ค. ชมรมแพทย์ชนบทได้ออกแถลงการณ์ผ่านเฟซบุ๊กชมรมแพทย์ชนบท ระบุว่า “8 ปีแล้ว พอเถอะนะ” กติกาสังคมเรื่องการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีรวมกันต้องไม่เกิน 8 ปี เป็นเจตนารมณ์ที่ก้าวหน้าของรัฐธรรมนูญฉบับปี 2550 และปี 2560 วันที่ 23 ส.ค.2565 นับว่าครบ 8 ปีการดำรงตำแหน่งนายกฯของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ชัดเจน รับเงินเดือนนายกฯมา 8 ปีแล้ว ใช้อำนาจนายกฯมาแล้ว 8 ปี รับสวัสดิการจากภาษีประชาชนในฐานะนายกฯมา 8 ปีแล้ว นี่คือข้อเท็จจริงที่ตรงไปตรงมาว่าเป็นนายกฯมา 8 ปีแล้ว จึงถึงเวลาที่นายกฯจะก้าวลงจากตำแหน่งอย่างมีศักดิ์ศรีตามเจตนารมณ์แห่งรัฐธรรมนูญ 2560 ในช่วงเวลาหนึ่งสัปดาห์ที่ยังเหลืออยู่นี้ ชมรมแพทย์ชนบทขอเชิญชวนให้ทุกองค์กรในสังคมไทยร่วมกันแสดงออกสร้างกระแส “8 ปี พอแล้ว” กันให้กระหึ่ม ประเทศไทยยังมีคนดีคนเก่งที่สามารถทำหน้าที่นายกฯได้จำนวนไม่น้อย ขอให้ พล.อ.ประยุทธ์มีสำนึกประชาธิปไตย ก้าวลงจากตำแหน่งตามกติกาอย่างคนรู้จักพอ เปิดทางให้เมืองไทยเดินไปข้างหน้า เปิดโอกาสให้ประชาธิปไตยได้เติบโต 8 ปีแล้ว พอเถอะนะ นายกฯประยุทธ์ จันทร์โอชา
...
ผู้ตรวจฯตีตกคำร้อง “ศรีสุวรรณ”
พ.ต.ท.กีรป กฤตธีรานนท์ เลขาธิการสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน กล่าวว่า ที่ประชุมผู้ตรวจการแผ่นดินมีมติให้ยุติเรื่องที่นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ยื่นคำร้องให้พิจารณาและมีความเห็นส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยปัญหาวาระการดำรงตำแหน่ง 8 ปีของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ เนื่องจากไม่ใช่การขอให้พิจารณาว่าบทบัญญัติของกฎหมายใด มีปัญหาเกี่ยวกับความชอบด้วยรัฐธรรมนูญ ตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยผู้ตรวจการแผ่นดินมาตรา 23 (1) แต่เป็นเรื่องคุณสมบัติการดำรงตำแหน่งทางการเมือง ที่รัฐธรรมนูญมาตรา 170 วรรคสาม ให้ กกต.หรือ ส.ส.จำนวน 1 ใน 10 ของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่เข้าชื่อยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญเพื่อวินิจฉัยได้ จึงเป็นเรื่องที่อยู่ในอำนาจหน้าที่ขององค์กรอิสระอื่น ที่ พ.ร.ป.ว่าด้วยผู้ตรวจการแผ่นดินมาตรา 37 (4) กำหนดห้ามไม่ให้ผู้ตรวจการแผ่นดินรับไว้พิจารณา เตรียมจัดทำคำวินิจฉัยและมีหนังสือแจ้งผู้ร้อง

“พวงเพ็ชร” วอนเร่งวินิจฉัย
นางพวงเพ็ชร ชุนละเอียด ประธานคณะกรรมการประสานงานการเมืองพื้นที่ กทม. และรองประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์และทิศทางการเมืองพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวว่า เวลา 8 ปีที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ บริหารมาทำให้ประเทศประสบปัญหาทุกด้าน ประชาชนได้รับผลกระทบจากการบริหารงานที่ผิดพลาดล้มเหลว วันนี้ภายใต้รัฐธรรมนูญที่พวกท่านเป็นคนยกร่าง กำหนดวาระการตำแหน่งของนายกฯเกิน 8 ปีไม่ได้ แต่กลับกลายเป็นข้อถกเถียงว่าจะเริ่มนับเมื่อไร จนกลายเป็นข้อถกเถียงในสังคมอย่างกว้างขวาง พรรคร่วมฝ่ายค้านจึงเข้าชื่อยื่นคำร้องไปยังศาลรัฐธรรมนูญให้วินิจฉัย เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความขัดแย้งรุนแรงในสังคม รวมถึงความเสียหายจากการบริหารราชการแผ่นดินในตำแหน่งนายกฯ ขอวอนให้ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยในประเด็นนี้โดยเร็ว ก่อนวันที่ 24 ส.ค. วันนี้ภาคส่วนต่างๆในสังคมรอคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญอยู่
“พชร” ห่วงฉุดการพัฒนาชาติ
นายพชร นริพทะพันธุ์ กรรมการบริหาร และคณะทำงานเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ตามที่พรรคร่วมฝ่ายค้านยื่นเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยประเด็น 8 ปี ความจริง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา น่าจะรู้ดีว่าการออกแบบจำกัดเวลาผู้มีอำนาจไว้ที่ 8 ปี ก็เพื่อเสถียรภาพและดุลยภาพของประเทศ เกินจากนี้ระบบราชการจะถดถอยเพราะยึดติดตัวบุคคล ไม่มีการพัฒนา ลดทอนขีดความสามารถการแข่งขัน และปรากฏให้เห็นแล้วจากผลการจัดลำดับความสามารถแข่งขันของ IMD สวิตเซอร์แลนด์ ในระบบราชการก็มีระเบียบวาระการดำรงตำแหน่งของปลัดกระทรวงและอธิบดีเช่นกัน ตัวอย่างของการบิดกฎเพื่อสนองความต้องการตัวบุคคล คือกรณี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกฯสมัยนั้น ต่อวาระให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา สมัยเป็น ผบ.ทบ. สุดท้ายก็ได้เห็นการปฏิวัติรัฐประหาร ทั้งที่สามารถโยกย้ายและควรจะโยกย้าย ถ้าทำตอนนั้นก็จะไม่เกิดการปฏิวัติรัฐประหาร
หวั่นนักลงทุนรายใหม่เบือนหน้า
นายพชรกล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ต้องสำนึกได้แล้วว่าที่ผ่านมาบริหารประเทศล้มเหลว ประชาชนลำบากกันมาก ประเทศไม่พัฒนาแม้ใช้งบประมาณไปจำนวนมาก ยิ่งอยู่ต่อประเทศยิ่งเสื่อมถอย ทำลายความน่าเชื่อถือ ไม่มีคนใดที่ประเทศใดประเทศหนึ่งขาดไม่ได้ ควรเลิกยึดติดและหลงตัวเองได้แล้ว ความพยายามกดดันให้ศาลตัดสินตามความต้องการของตน ยิ่งส่งผลต่อความน่าเชื่อถือของประเทศ โดยเฉพาะการดึงดูดการลงทุนรายใหม่ เพราะกระบวนการยุติธรรมคือรากฐานของความน่าเชื่อถือ เป็น rule of law ต่างชาติต้องเชื่อได้ว่าทุกธุรกรรม และทุกการลงทุน ต้องได้รับความยุติธรรมจากระบบยุติธรรม
“เชาว์” ยกวาระอดีตนายกฯเทียบ
นายเชาว์ มีขวด อดีตรองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า “8 ปีของประยุทธ์ กับ 8 ปีของอดีตนายกฯคนอื่น ความจริงที่ไม่ต่างกัน” ประเด็นถกเถียงเรื่องการนับเวลาดำรงตำแหน่งนายกฯของ พล.อ.ประยุทธ์ว่าเริ่มตั้งแต่เมื่อใด ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 158 วรรคสี่ ที่บัญญัติห้ามมิให้นายกฯดำรงตำแหน่งรวมกันเกินกว่า 8 ปี เจตนารมณ์ก็เพื่อควบคุมฝ่ายบริหารมิให้อยู่ในอำนาจเป็นเวลานานเกินไป จึงแทบไม่ต้องตีความให้เสียเวลา ภาษากฎหมายเรียกพยานหลักฐานเช่นนี้ว่า “ข้อเท็จจริงที่รู้กันทั่วไป” เป็นสิ่งที่ไม่ต้องสืบพยาน เพราะศาลรู้เองได้ เป็นเรื่องท้าทายตุลาการศาลรัฐธรรมนูญทั้ง 9 ท่าน ประเด็นนี้ไม่ใช่เฉพาะแค่พล.อ.ประยุทธ์ แต่รวมถึงอดีตนายกฯที่เคยดำรงตำแหน่งนี้มาแล้ว และยังมีโอกาสกลับมาเป็นนายกฯอีกครั้ง อาทิ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายชวน หลีกภัย นายอานันท์ ปันยารชุน นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร หรือแม้กระทั่งนายทักษิณ ชินวัตร
ถ้า “ตู่” รอดคนอื่นก็นับหนึ่งใหม่
นายเชาว์ระบุอีกว่า อย่างนายอภิสิทธิ์เคยดำรงตำแหน่งนายกฯมาแล้ว 2 ปีกับ 231 วัน ยังเหลือระยะเวลาอีก 5 ปี กับ 134 วันใช่หรือไม่ ถ้าใช่ก็ไม่ต่างอะไรกับ พล.อ.ประยุทธ์ ที่เป็นนายกฯมาแล้ว 7 ปีกับ 359 วัน จะครบ 8 ปีในวันที่ 24 ส.ค.นี้ ไม่จำเป็นต้องตีความกฎหมายให้เสียเวลาว่าเริ่มนับตั้งแต่วันไหน หากมีการตีความบิดเบี้ยวไป ก็ต้องถามหามาตรฐานว่าแล้วอดีตนายกฯท่านอื่นจะถูกรีเซ็ตการนับวาระใหม่ด้วยใช่หรือไม่ หากมีโอกาสได้กลับมาบริหารประเทศเท่ากับจะอยู่ได้ 8 ปี เนื่องจากยังไม่เคยเป็นนายกฯตามรัฐธรรมนูญมาตรา 159 ตามที่กล่าวอ้างกัน

“อนุชา” เชื่อไม่มีอุบัติเหตุการเมือง
ที่รัฐสภา นายอนุชา นาคาศัย รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวว่า ประเด็นวาระ 8 ปีของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ มีหลากหลายความเห็นที่มองแตกต่างกัน แต่สุดท้ายต้องจบที่คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ส่วนตัวขอมองความตามรัฐธรรมนูญที่ระบุไว้ด้วยลายลักษณ์อักษรชัดเจน หากจะตีความนอกเหนือจากนี้คงเป็นไปได้ยาก ทำให้สังคมสับสน และต่อไปคงทำให้กฎหมายมีปัญหาทั้งหมด เมื่อถามว่าพรรค พปชร.มีการหารือเพื่อเตรียมความพร้อมหากเกิดอุบัติทางการเมืองหรือไม่ นายอนุชาตอบว่า ยังไม่มีการพูดถึง เพราะคิดแบบตรงไปตรงมา ศาลรัฐธรรมนูญตัดสินอย่างไรก็ว่าไปตามนั้น และเชื่อมั่นว่าจะไม่เกิดอุบัติเหตุทางการเมือง หรือทำให้ พล.อ.ประยุทธ์พ้นจากตำแหน่ง
“หนู” ชี้เตรียมตัว 6-7 ด. กำลังดี
นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.สาธารณสุข หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ให้สัมภาษณ์กรณีคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) แพร่ระเบียบว่าด้วยการใช้ทรัพยากรของรัฐหรือบุคลากรของรัฐเพื่อกระทำการใดซึ่งจะมีผลต่อการเลือกตั้ง พ.ศ.2563 ทำให้หลายฝ่ายมองว่าเป็นการเข้าโหมดเลือกตั้งเต็มตัวว่า ประกาศที่ออกมาเป็นสิ่งย้ำเตือนให้พวกเราตระหนักว่าจะเข้าสู่ฤดูเลือกตั้งแล้ว มีข้อกำหนดออกมาว่าอะไรทำได้ไม่ได้ เป็นสิ่งที่ดีออกมาตอกย้ำให้ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ของพรรคระมัดระวัง เวลา 6-7 เดือนที่เหลือในการเตรียมตัวเลือกตั้งถือว่ากำลังดี
โอ่มีแววได้ ส.ส.อีสานมากขึ้น
เมื่อถามว่า พรรคเพื่อไทยเพิ่งประกาศ 93 ว่าที่ผู้สมัครในภาคอีสาน พรรคภูมิใจไทยจะสู้ได้หรือไม่ นายอนุทินตอบว่า อย่าไปพูดถึงคำว่าต่อสู้เลย เรานำเสนอนโยบายของเรา ยิ่งถ้าใช้วิธีคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อด้วยสูตรหาร 100 แต่ละพรรคก็ส่งผู้สมัครให้มากที่สุด ถ้าเราส่งผู้สมัคร ส.ส.เขตที่คุ้นเคยกับพื้นที่ โอกาสได้ ส.ส.บัญชีรายชื่อก็เพิ่มขึ้น เมื่อถามว่าพรรคเพื่อไทยเปิดตัวผู้สมัครมีแต่หน้าเก่า กังวลหรือไม่ นายอนุทินตอบว่า นักการเมืองเก่าที่ไม่ได้กลับมาเยอะแยะ อยู่ที่นโยบายความตั้งใจและความใกล้ชิดประชาชน เมื่อถามย้ำว่าภูมิใจไทยมั่นใจจะได้ ส.ส.ภาคอีสานมากขึ้นหรือไม่ นายอนุทินตอบว่า “น่าจะ ดูหั่งเช้ง (แนวโน้ม) ก็น่าจะดี” เมื่อถามถึงกระแสข่าวนายปารเมศ โพธารากุล อดีต ส.ส.กาญจนบุรี ลาออกจากพรรคประชาธิปัตย์ มาร่วมงานกับพรรคภูมิใจไทย นายอนุทินตอบว่า ยังไม่ได้พูดคุยกับนายปารเมศ แต่ถ้าใครเห็นว่านโยบายกับความตั้งใจสอดคล้องกัน เราเปิดกว้างกับทุกคน ก็ดี นับเป็นข่าวดี เป็นโชคและเป็นบุญของพรรคภูมิใจไทย ที่มีคนอยากมาร่วมงาน
ตั้ง “อนุชา บูรพชัยศรี” โฆษกฯใหม่
ที่ทำเนียบรัฐบาล นายธนกร วังบุญคงชนะ อดีตโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ยื่นหนังสือลาออกจากตำแหน่งโฆษกฯแล้ว วันนี้เข้ามาอำลานายกฯ เพื่อไปปฏิบัติหน้าที่ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ลงนามคำสั่งแต่งตั้งนายอนุชา บูรพชัยศรี ข้าราชการการเมือง ตำแหน่งรองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีอีกหน้าที่หนึ่ง ตั้งแต่วันที่ 18 ส.ค.เป็นต้นไป
งบทหาร 8.8 หมื่น ล.ผ่านฉลุย
เมื่อเวลา 10.00 น. ที่รัฐสภา มีการประชุมสภาผู้แทนราษฎรเพื่อพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายปี 2566 วงเงิน 3.18 ล้านล้านบาท วาระ 2 ต่อเนื่องเป็นวันที่ 2 โดยนายศุภชัยแจ้งที่ประชุมว่า ขอลงมติมาตรา 8 งบกระทรวงกลาโหม 88,166 ล้านบาท ที่อภิปรายเสร็จแล้วเมื่อคืนวันที่ 17 ส.ค. แต่นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย (พท.) ทักท้วงควรเปิดโอกาสให้ซักถามเพิ่มเติมเชิงกฎหมาย เพราะโครงการจัดซื้อเครื่องบินรบ F-35 A ที่กองทัพอากาศ (ทอ.) ของบคืน 5% ต่ำกว่าที่มติ ครม.กำหนดที่ต้องไม่ต่ำกว่า 10% ถ้าสภาฯเห็นชอบปรับลด 5% เกิดผิดพลาดมีคนยื่นฟ้องผิดรัฐธรรมนูญมาตรา 148 กฎหมายจะตกทั้งฉบับ ขณะที่นายวราเทพ รัตนากร รองประธาน กมธ.งบฯปี 66 ชี้แจงว่า การปรับลดงบต่ำกว่ามติ ครม.ไม่ใช่ข้อบังคับผูกพันการทำงบของ กมธ. ตามหลักการแบ่งแยกอำนาจ หน่วยราชการเป็นผู้จัดงบการอนุมัติเป็นหน้าที่ฝ่ายนิติบัญญัติ กมธ.สอบถามสำนักงบประมาณแล้วว่า สามารถขอมติ ครม.เพื่อยกเว้นได้ จากนั้นที่ประชุมลงมติเห็นชอบมาตรา 8 ด้วยคะแนน 216 ต่อ 83 เสียง งดออกเสียง 1 เสียง ไม่ลงคะแนน 2
พท.ถล่มคลังขู่เผาบัตรคนจน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การอภิปรายในช่วงเช้าเป็นไปอย่างล่าช้า ผ่านไป 3 ชั่วโมงกว่าเพิ่งอภิปรายได้เพียงมาตรา 9 งบกระทรวงการคลัง 10,497 ล้านบาท และมาตรา 10 งบกระทรวงการต่างประเทศ 3,763 ล้านบาท นายอุบลศักดิ์ บัวหลวงงาม ส.ส.ลพบุรี พรรค พท.อภิปรายทักท้วงงบบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ เพราะการช่วยเหลือไม่มีประสิทธิภาพ มีคนจนเพิ่มมากขึ้น หากปีหน้าพรรค พท.เป็นรัฐบาลจะเผาบัตรคนจนทิ้งทั้งหมด คนจนจะรวยแบบเสมอภาคส่วนรัฐบาลเอาแต่กู้อย่างเดียว หย่อนสมรรถภาพทางสมอง ก่อนหน้านี้คนมีรถป้ายแดง มีบ้าน ปัจจุบันบ้าน รถโดนยึดสร้างคนจน 15 ล้านคน ขอไว้อาลัยให้รัฐบาลเผด็จการ
ขณะที่งบกระทรวงการต่างประเทศ ส.ส.หลายคนตั้งข้อสังเกตว่า ทำงานแบบอภิสิทธิชน ใช้จ่ายงบไม่มีประสิทธิภาพ อาทิ นายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล (ก.ก.) อภิปรายปรับลดในชั้นอนุ กมธ.ฝึกอบรมสัมมนา กระทรวงการต่างประเทศยอมให้ตัดงบเงินอุดหนุนค่าสมาชิกองค์กรระหว่างประเทศ 150 ล้านบาท แต่ต่อมาขออุทธรณ์ ในที่สุดต้องคืนงบ ให้เป็นการดูถูกสภาฯรู้อยู่แล้วตัดงบนี้ไม่ได้แล้วอุทธรณ์มาใหม่ ตนมองค่าสมาชิกองค์กรระหว่างประเทศสำคัญน้อยที่สุด ไม่ได้งบอื่นๆแม้แต่บาทเดียว

อดีต ปธ.ศาล รธน.ว่าคดีให้ “นิพนธ์”
ที่ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้ากรณีที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ยื่นฟ้องคดีอาญา นายนิพนธ์ บุญญามณี รมช.มหาดไทย เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสงขลา ละเว้นไม่เบิกจ่ายเงินค่ารถซ่อมบำรุงทางอเนกประสงค์ให้แก่บริษัท พลวิศว์ เทคพลัส จำกัด โดยให้มารายงานตัวเพื่อยื่นฟ้องคดีว่า นายนิพนธ์ไม่ได้เดินทางมารายงานตัว มอบหมายให้คณะกฎหมาย ที่มีนายวสันต์ สร้อยพิสุทธิ์ อดีตประธานศาลรัฐ ธรรมนูญ เป็นหัวหน้าทีมทนายความ มายื่นเรื่องขอเลื่อนการฟังการพิจารณาของศาล เนื่องจากติดราชการที่ต่างจังหวัด เจ้าหน้าที่ ป.ป.ช.พูดคุยกับทีมทนายฯของนายนิพนธ์ เข้าใจภารกิจของนายนิพนธ์ ก่อนเดินทางกลับ โดยรอศาลนัดพร้อมอีกครั้ง
จำคุกปีครึ่งมือแฮ็กเว็บศาล รธน.
ที่ศาลอาญา ศาลมีคำพิพากษา อ.3324/2564 คดีที่พนักงานอัยการเป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายวชิระ สุภเถียร อายุ 34 ปี จำเลยจบปริญญาตรีด้านวิทยา ศาสตร์ เคยชนะเลิศการประกวดเขียนเว็บไซต์ของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ฐานเข้าถึงมิชอบซึ่งระบบคอมพิวเตอร์และข้อมูลคอมพิวเตอร์ กรณีแฮ็กเว็บไซต์ศาลรัฐธรรมนูญแล้วเปลี่ยนชื่อเป็น Kangaroo Court อัยการโจทก์ฟ้องจำเลยให้ใช้ค่าสินไหม 10,288,972 บาท จำเลยให้การรับสารภาพ ศาลอาญาพิเคราะห์แล้วเห็นว่า จำเลยกระทำผิดตามฟ้องจริง พิพากษาจำคุก 1 ปี 6 เดือน ไม่รอการลงโทษและใช้ค่าสินไหมทดแทน 87,227 บาท ขณะที่นายนรเศรษฐ์ นาหนองตูม ทนายความศูนย์ทนายเพื่อสิทธิมนุษยชน ทนายจำเลยเปิดเผยว่า ศาลอาญายกคำร้องค่าเสียหายเกี่ยวกับชื่อเสียง 10 ล้านบาท ศาลรัฐธรรมนูญไม่สามารถเรียกร้องค่าเสียหายเกี่ยวกับชื่อเสียงตาม ป.อาญามาตรา 44/1 ได้ เพราะค่าเสียหายเกี่ยวกับชื่อเสียงต้องเกี่ยวเนื่องกับคำฟ้องในคดีอาญา คดีนี้อัยการโจทก์ฟ้องจำเลยข้อหาทำให้เสียหาย แก้ไขเปลี่ยนแปลงข้อมูลคอมพิวเตอร์ตาม พ.ร.บ.คอมฯ ไม่ได้ฟ้องความผิดเกี่ยวกับชื่อเสียง

“จตุพร” นัดรวมพลไล่ “ลุงตู่”
อีกเรื่องที่สถานีโทรทัศน์ออนไลน์พีซทีวี รามอินทรา 40 คณะหลอมรวมประชาชน นำโดยนายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธาน นปช. นายนิติธร ล้ำเหลือ อดีตทนายความพันธมิตร ร่วมแถลงนัดชุมนุมขับไล่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กรณีดำรงตำแหน่งนายกฯเกิน 8 ปี ขัดรัฐธรรมนูญว่า เดิมนัดหมายที่อนุสรณ์สถาน 14 ตุลา แต่ห่วงว่า ถ้าคนมามากจะทำให้ดูแลลำบาก จึงขอย้ายไปลานคนเมืองหน้าศาลาว่าการ กทม. วันที่ 21-24 ส.ค. 4 วันรวด กิจกรรมจะมีการแสดงดนตรี ปราศรัย และเปิดซุ้มอาหาร โดยเฉพาะวันที่ 23 ส.ค.จะจัดเคาต์ดาวน์ตอนเที่ยงคืนนับถอยหลังให้ พล.อ.ประยุทธ์พ้นจากตำแหน่ง “แต่ถ้ายังไม่ออกก็ช่างหัวประยุทธ์ เพราะถือว่าเป็นนายกฯเถื่อนตามรัฐธรรมนูญแล้ว” ส่วนจะเคลื่อนขบวนไปที่ทำเนียบหรือไม่ อยู่ที่สถานการณ์ และมติประชาชนที่มาร่วม ถ้าคนไทยทนได้ก็ไม่ต้องมา ทนไม่ได้ก็มา ใครมีแนวทางแบบไหนก็ออกมารวมกัน เหมือนสมัยชุมนุมเดือน พ.ค.2535