เครือข่ายภาคประชาชนขอสถานทูตนอร์เวย์เป็นตัวกลางยับยั้งกิจการควบรวม ทรู-ดีแทค หวั่น หากดีลนี้สำเร็จ คนไทยเสียเปรียบไม่มีทางเลือก แบกภาระค่าบริการที่อาจสูงกว่าเดิม 200%


วันที่ 10 ส.ค. 65 ที่รัฐสภา กลุ่มพลเมืองเพื่อเลรีภาพในการสื่อสารพร้อมด้วยสภาองค์กรผู้บริโภค ตัวแทนกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาผลกระทบการควบรวมกิจการระหว่างทรูกับดีแทค สภาผู้แทนราษฎร ยื่นหนังสือต่อ นางชาร์ชติ เริดสมูเอิน เอกอัครราชทูตนอร์เวย์ประจำประเทศไทย เพื่อเป็นสื่อกลางนำเสียงขอผู้บริโภคชาวไทยที่คัดค้านไม่เห็นด้วยกับการควบรวมกิจการระหว่างทรูและดีแทค วันนี้คณะกรรมการ กสทช.นัดประชุมพิจารณาการควบรวม

นางสาวปวริศา อินทรีย์ ตัวแทนสภาองค์กรผู้บริโภค ระบุว่า การควบกิจการของทั้งสองบริษัทนั้นจะส่งผลให้บริการค่าบริการสามารถเพิ่มขึ้นถึง 200% หากดีลครั้งนี้สำเร็จ ผู้บริโภคต้องแบกรับค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น ในขณะที่ประสิทธิภาพของสัญญาณและการบริการเท่าเดิม ถือเป็นการตัดช่องทางเลือกช่องทางเลือกบริโภคของคนไทยจากเดิมที่มี 3 บริษัท เหลือแค่สอง จะนำไปสู่การผูกขาดราคาและบริการ เกิดการแข่งขันขันน้อย หน้าเดียวกันยังไม่มีประเทศไหนที่กระทำลักษณะนี้ มีเพียงประเทศไทยประเทศเดียวที่ควบรวมธุรกิจสื่อสารเพียง 2 ค่าย

ทั้งนี้ การควบรวมบริษัททรูและดีแทคจะทำให้เหลือการแข่งขันแค่ 2 ค่ายใหญ่ เพราะจะเกิดการแทรกแซง คุกคาม ปิดกั้นข้อมูลข่าวสาร ซึ่งขัดต่อหลักธรรมาภิบาลและหลักการชี้แนะของสหประชาชาติว่าด้วยธุรกิจกับสิทธิมนุษยชน จึงขอเรียกร้องไปยังบอร์ด กสทช.ให้แสดงบทบาทการทำหน้าที่ ต้องยึดประชาชนเป็นหลัก เพราะตาม พ.ร.บ.องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่ และกำกับการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม มาตรา 27 กำหนดให้ กสทช.มีอำนาจกำหนดมาตรการเพื่อป้องกันมิให้มีการกระทำอันเป็นการผูกขาดหรือก่อให้เกิดความไม่เป็นธรรมในการแข่งขันในกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม ซึ่งเป็นอำนาจหน้าที่ของ กสทช.ที่จะอนุญาต หรือไม่อนุญาตให้ควบรวมกิจการ และจะขัดต่อ พ.ร.บ.โทรคมนาคม มาตรา 21 ที่กำหนดเรื่องการแข่งขันทางการค้ากิจการโทรคมนาคมต้องอยู่ภายใต้การบังคับของคณะกรรมการกำหนดมาตรการและลักษณะการประกอบกิจการฯห้ามไม่ให้มีการผูกขาดหรือจำกัด ลดการแข่งขัน

...

ขณะที่ ศรัณย์ ทีมสุวรรณ์ ส.ส.พรรคเพื่อไทย บอกว่า วันนี้สังเกตการณ์เพราะเรื่อง เรื่องนี้คณะกรรมาธิการได้ติดตามรู้และเห็นตรงกันว่า การควบรวมเป็นการผูกขาดจำกัดสิทธิการบริโภคของประชาชน ผ่านมาเคยเรียกตัวแทนของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง กสทช.ไปชี้แจง ก็ไม่ได้คำตอบชัดว่าจะมีมาตรการคุ้มครองสิทธิผู้บริโภคอย่างไรหากเกิดการควบรวม ซึ่งกรรมาธิการตั้งข้อสังเกตถึงการแก้ไขระเบียบ กลทช.ที่เดิมกำหนดไว้ว่า การควบรวมโทรคมนาคมจพต้องได้รับการอนุญาตจาก กสทช. แต่ต่อมาปี 2561 ได้แก้ไขเป็นเพียงแค่ “ให้บริษัทมาแจ้งให้ กสทช.ทราบเท่านั้น”

หลังจากตัวแทนภาคประชาชนได้ขึ้นยื่นหนังสือ นางชาร์ชติ เริดสมูเอิน ได้บอกว่า รับรู้ถึงความเดือดร้อน และสิ่งที่เกิดขึ้นรวมถึงจะนำเอาแถลงการณ์ของภาคประชาชนในครั้งนี้ส่งต่อไปยังรัฐบาลนอร์เวย์ และบริษัทเทเลนอร์ เพื่อให้พิจารณาทบทวนต่อไป.