คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ นำคณะ พรรคไทยสร้างไทย ยื่น ร่าง พ.ร.บ.บำนาญแห่งชาติและสวัสดิการผู้สูงอายุให้ “ชวน” หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร พร้อมชวน ประชาชน ลงชื่อ ร่วมสนับสนุน
เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 4 ส.ค. 2565 ที่รัฐสภา คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานพรรคไทยสร้างไทย (ทสท.) นายโภคิน พลกุล ประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์ขับเคลื่อนประเทศ พรรคไทยสร้างไทย และนายต่อพงษ์ ไชยสาส์น ประธานคณะกรรมการความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ พร้อมคณะ เข้ายื่นร่างพระราชบัญญัติบํานาญแห่งชาติและสวัสดิการผู้สูงอายุ พ.ศ. .... ของพรรค ต่อ นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร เพื่อให้สภาผู้แทนราษฎรพิจารณาตามรัฐธรรมนูญ ที่ห้องรับรองประธานสภาผู้แทนราษฎร ชั้น 10 รัฐสภา
![](https://static.thairath.co.th/media/BUCz3kW7pmsIQUeyCamOeTY8xmkMtYQO2dF2hLqxBZnVQdjGl0oUw4xeh.jpg)
โดยคุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวว่า ประชาชนชาวไทยทุกคน ต้องได้รับการดูแลอย่างมีศักดิ์ศรี อย่างดีตั้งแต่เกิดจนแก่ จึงเชิญชวนประชาชนร่วมลงชื่อ ในร่างพระราชบัญญัติบำนาญแห่งชาติ และสวัสดิการผู้สูงอายุ พ.ศ….ที่เสนอโดยพรรคไทยสร้างไทย เพื่อดูแลผู้สูงอายุที่มีรายได้น้อยในการยังชีพ และประเทศไทยเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุเต็มตัว หากผู้สูงอายุมีรายได้น้อย ยากจน และสุขภาพไม่ดี จะมีปัญหาต่างๆ อาทิ จะเป็นภาระต่อการรักษาพยาบาลของรัฐ ไม่เกิดการสร้างงานและสร้างรายได้ต่อประเทศ จึงจำเป็นต้องดูแลผู้สูงอายุโดยมุ่งเน้นส่งเสริมสร้างสุขภาพ ซึ่งร่างกฎหมายนี้ จะทำให้ผู้สูงอายุมีรายได้เพียงพอต่อการยังชีพ ส่งเสริมให้ผู้สูงอายุมีสุขภาพที่ดี ทั้งลดค่าใช้จ่ายต่อการรักษาพยาบาลของประเทศและครอบครัว ลดภาระต่อลูกหลาน และจะก่อเกิดผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจอย่างมหาศาลโดยเฉพาะเศรษฐกิจฐานราก ลดความเหลื่อมล้ำได้
...
จึงเป็นที่มาของการเดินหน้าขับเคลื่อนนโยบายบำนาญประชาชน 3,000 บาท และเงินดังกล่าว จะทำให้เกิดประโยชน์ถึง 4 ด้าน
1.ทำให้ผู้สูงวัยมีรายได้เพียงพอต่อการยังชีพ ที่จะสามารถพัฒนาคุณภาพชีวิตของตนเองได้ อยู่ได้อย่างมีศักดิ์ศรี
2.นโยบายดังกล่าวจะมีโครงการในการส่งเสริมสุขภาพซึ่งจะช่วยลดค่ารักษาพยาบาลและประหยัดงบประมาณแผ่นดิน และผู้สูงวัยจะสามารถกลับไปทำงานได้
รวมทั้งจะมีโปรแกรมในการส่งเสริมศักยภาพในการทำงานให้กับผู้สูงวัย (Re skill / Up skill)
3.เป็นการลดภาระลูกหลาน โดยเฉพาะคนในวัยทำงาน ทำให้ลูกหลานสามารถตั้งตัวได้
4. เป็นการเพิ่มกำลังซื้ออย่างมโหฬาร ทำให้เกิดการฟื้นฟูเศรษฐกิจฐานราก พร้อมสร้างความมั่นคงแข็งแรงให้กับเศรษฐกิจไทย จากเงินบำนาญประชาชนเดือนละ 3000 บาทที่ผู้สูงอายุจะใช้ในการจับจ่ายใช้สอย เศรษฐกิจเกิดการหมุนเวียนอย่างมหาศาล เงินจากโครงการบำนาญประชาชนจะมาช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจประเทศ รวมถึงสามารถลดความเหลื่อมล้ำได้
![](https://static.thairath.co.th/media/Dtbezn3nNUxytg04anBwFoeCQZLmjJ4y1RVMM3lJd45GqD.jpg)
ด้าน ดร.โภคิน กล่าวถึงหลักการและเหตุผล โดยระบุว่า นโยบายบำนาญประชาชน 3,000 บาท เป็นไปตามหลักการของรัฐธรรมนูญ ที่รัฐต้องดูแลผู้สูงวัย ให้มีรายได้เพียงพอต่อการยังชีพ ซึ่ง 3,000 บาทต่อเดือน มาจากฐานของการที่รัฐต้องดูแลพี่น้องประชาชน ให้อยู่เหนือเส้นแบ่งความยากจนที่ประมาณ เดือนละ 2,700-2,800 บาท ดังนั้นหลังจากสภาตรวจสอบความชอบของร่างกฎหมาย ซึ่งใช้เวลาประมาณ 30 วันแล้ว ขอเชิญชวนพี่น้องประชาชนทุกคนร่วมกันเข้าชื่อ โดยสามารถลงชื่อผ่านเว็บไซต์ของทางรัฐสภา ซึ่งมั่นใจว่า จากการเดินสายพบปะพี่น้องประชาชนพี่น้องประชาชนต้องการเห็นสิ่งเหล่านี้เกิดขึ้น และมั่นใจว่าจะใช้เวลาไม่นาน