“ธณิกานต์” ส.ส.พลังประชารัฐ น้อมรับคำพิพากษาศาลฎีกา คดีเสียบบัตรแทนกัน ชี้ ถือเป็นคราวเคราะห์ที่ประมาทเลินเล่อ พร้อมพิสูจน์ตัวเอง ขอต่อสู้ตามสิทธิ์ในชั้นอุทธรณ์

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าภายหลัง น.ส.ธณิกานต์ พรพงษาโรจน์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) กรุงเทพมหานคร เขตบางซื่อ-ดุสิต เดินทางไปยังศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เพื่อเข้ารับฟังคำพิพากษาคดีหมายเลขดำที่ อม.19/2564 โดยศาลฎีกาฯ มีคำพิพากษาจำคุก 1 ปี และปรับ 200,000 บาท แต่รอลงอาญา 2 ปี เมื่อวานที่ผ่านมา (3 ส.ค. 2565)

น.ส.ธณิกานต์ กล่าวยอมรับว่า วันนั้นระบบเครื่องลงมติใช้งานจริงวันแรก มีปัญหาเครื่องขัดข้อง ด้วยความเป็น ส.ส.ใหม่ จึงไม่กล้าดึงบัตรออก เพราะยังถกเถียงเรื่องระบบมีปัญหา และรีบไปภารกิจงานเสวนาเทิดพระเกียรติวันแม่แห่งชาติ ยืนยันไม่มีเจตนา ไม่เคยใช้ให้ใครกดบัตรแทน แต่ก็ต้องเคารพการตัดสินของศาล เคสมาเกิดขึ้นที่เรา คำตัดสินอาจจะเป็นบรรทัดฐานให้เคสของพรรคอื่นที่กำลังตามมา แม้รายละเอียดจะต่างกรรมต่างวาระกันอย่างสิ้นเชิง ก็ถือว่าเป็นคราวเคราะห์ที่ประมาทเลินเล่อ ขั้นต่อไปก็ต้องต่อสู้ตามสิทธิและขอความเมตตาในชั้นอุทธรณ์

ทั้งนี้ ในฐานะจำเลยที่ถูกกล่าวหาในคดีอาญายังต้องได้รับความคุ้มครองตามกฎหมายที่โจทก์มีหน้าที่ต้องพิสูจน์ว่าจำเลยมีการกระทำและเจตนากระทำความผิดจนปราศจากความสงสัย เรื่องนี้การที่ศาลพิพากษาจำคุก 1 ปี แม้ดูไม่ร้ายแรงแต่จะมีผลทำให้ถูกตัดสิทธิ์ในการลงสมัครรับเลือกตั้งตลอดชีวิตเพราะขาดคุณสมบัติ ซึ่งตนเองมีข้อมูลพร้อมพิสูจน์ตัวเองและใช้สิทธิ์ตามกระบวนการในชั้นอุทธรณ์ต่อที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกา ขอให้ศาลเมตตาให้ความเป็นธรรมโดยดูที่เจตนาและพิจารณาครบทุกองค์ประกอบรอบด้าน

“ทุกอย่างเกิดขึ้นย่อมมีเหตุปัจจัย มีหลายเรื่องที่อยู่เหนือการควบคุมและยากจะเข้าใจ บททดสอบสำหรับ ส.ส.สมัยแรกไม่ง่ายเลย ขอบคุณทุกๆ กำลังใจและทุกๆ คำแนะนำจากพี่ๆ เพื่อนๆ ทุกคนที่ส่งเข้ามา พี่ๆ นักกฎหมายหลายคนที่ได้ดูเคสให้ก็ตกใจ เพราะไม่ปรากฏหลักฐานใดว่ามีการกระทำเช่นนั้น ก็ให้เคารพคำพิพากษาศาล จะนำมาปรับปรุงและวางแนวทางการทำงานให้ละเอียดรอบคอบขึ้น เชื่อว่าอุปสรรคคดีทางการเมืองที่เจอจะทำให้แข็งแกร่ง อดทน และเปิดมุมมองกว้างขึ้น”.

...