สมาชิกรัฐสภาเล่นกลหายอื้อ ป่วนองค์ประชุมไม่ครบ ใช้แท็กติกยื้อเวลาไม่ให้กฎหมายลูกเลือกตั้งเสร็จทันกรอบ 180 วัน ปูทางพลิกตลบกลับไปใช้สูตรหาร 100 “วันชัย” แฉเกมฮั้ว ส.ส.รัฐบาลกับฝ่ายค้านยอมถูกด่าเขี่ยตกร่าง พ.ร.บ.สูตรหาร 500 พิจารณาไม่ทันเส้นตาย 15 ส.ค. “พีระพันธุ์” นั่ง หน.พรรค รทสช.ตามโผ ทำยักท่าหนุน “บิ๊กตู่” เป็นนายกฯ โวกวาดเรียบ ส.ส.ปักษ์ใต้ยกภาค ลุ้น “กบ ปภัสรา” ลงชิง ส.ส. “พิธา” ลุยแคมเปญ“ก้าวไกล NEXT” ชวนแฟนคลับร่วมเขียนอนาคตปฏิรูปพรรค “โรม” ตีปี๊บ สู่สนามเลือกตั้งเฟสแรก เดินเครื่องใหญ่เดือน ก.ย. “ทักษิณ” ฟุ้งฝั่งประชาธิปไตยได้เกิน 300 ที่นั่ง ลูกแม่โดมนัด 10 ส.ค.ชุมนุมใหญ่ลานพญานาค ทวงคืนประชาธิปไตยให้สังคม ศาลฎีกาฯสั่งจำคุก 1 ปี ปรับ 2 แสน “ธณิกานต์” ฝากกดบัตร รอลงอาญา 2 ปี
หลายฝ่ายจับตาร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.มีความเป็นไปได้ที่จะพลิกกลับอีกครั้ง ไปใช้สูตรคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อโดยหารด้วย 100 โดยมีความพยายามใช้กลไกลทางสภาฯ เพื่อให้การพิจารณาไม่แล้วเสร็จภายในกรอบเวลา 180 วัน
...
“สุทิน” ชี้ 2 ทาง ก.ม.ลูกผ่าน หรือตีตก
เมื่อเวลา 08.55 น. วันที่ 3 ส.ค. ที่รัฐสภา นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย (พท.) ในฐานะประธานวิปฝ่ายค้าน กล่าวถึงการประชุมร่วมรัฐสภาว่า การพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.เชื่อว่าถ้าพิจารณาไม่จบ จะไปพิจารณาต่อวันที่ 9 ส.ค. จะเสร็จสิ้นก่อนวันที่ 15 ส.ค. แนวโน้มการลงมติวาระ 3 จะเกิดขึ้นหลังพิจารณาวาระ 2 ครบทุกมาตรา วาระ 3 อาจเกิด 2 แนวทางที่คาดเดาไม่ได้ คือทางแรก หากร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้ผ่านการเห็นชอบจะถูกส่งไปที่ กกต. จะมีความเห็นกลับมาที่รัฐสภา อีกทางหนึ่ง หากตกวาระ 3 ร่างนี้ตกไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น หากอยากได้กฎหมายลูกต้องกลับไปเริ่มนับหนึ่งใหม่ หากเสร็จไม่ทันวันที่ 15 ส.ค.ต้องกลับไปใช้ร่างเดิม ของ กกต. คือการหาร 100
ดักคอไม่ควรใช้ พ.ร.ก.จัดเลือกตั้ง
“ส่วนที่มองว่าหากเกิดการคว่ำวาระ 3 จะมี ผลต่อการเลือกตั้งครั้งหน้าหรือไม่ แน่นอนว่าต้องนับหนึ่ง แต่จะทันเลือกตั้งหรือไม่ ยังไม่รู้ว่าจะมีการเลือกตั้งเมื่อไหร่ ถ้าเป็นเดือน เม.ย.66 คงทัน แต่ต้องเปิดประชุมวิสามัญและพร้อมใจกันทำ แต่ที่ผ่านมารัฐบาลระบุว่ามีทางออกด้วยการออก พ.ร.ก.เพื่อให้อำนาจ กกต.ใช้ในการเลือกตั้ง ถือเป็นเรื่องไม่ดีไม่ควรเกิดขึ้น เพราะกติกาควรมีคนกลางเขียน หากออก พ.ร.ก.วิตกกังวลว่าจะเข้าทางรัฐบาล กฎหมายที่ใช้เลือกตั้งเปิดช่องให้คนเข้าสู่อำนาจ ต้องเป็นกฎหมายที่ทุกคนยอมรับ พ.ร.ก.ไม่ควรนำมาใช้ ด้วยกฎหมายเลือกตั้ง ทุกคนควรหาทางออก กฎหมายในสภาจะดีที่สุด” นายสุทินกล่าว
“ระวี” รอศาล รธน.เชื่อมีร้องหาร 100
นพ.ระวี มาศฉมาดล ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคพลังธรรมใหม่ ในฐานะ กมธ.วิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. กล่าวว่า ปัญหาองค์ประชุมเมื่อวันที่ 2 ส.ค.ลงมติพิจารณา พ.ร.บ. 7-8 มาตราต้องรอกว่า 30 นาที หากมีการทำให้องค์ประชุมไม่ครบ จนที่ประชุมต้องปิดไปก่อน วาระพิจารณากฎหมายลูกยังเป็นเรื่องค้างเรื่องแรก การประชุมร่วมรัฐสภา วันที่ 9 ส.ค. น่าจะพิจารณาเรื่องนี้จบได้ ยังมั่นใจว่าทันกรอบเวลา 180 วันแน่นอน ยังมั่นใจว่าคงไม่มีใครต้องการคว่ำร่างนี้ในวาระที่ 3 ทำให้ต้องไปเริ่มต้นกันใหม่ ถ้าผ่านวาระ 3 ไป สภาต้องยื่นให้ กกต.และศาลฎีกาหรือศาลรัฐธรรมนูญ อยู่ที่ประธานรัฐสภาจะส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญด้วยหรือไม่ ยังไม่ได้ให้คำตอบ คาดไว้หลายรูปแบบคือหากวินิจฉัยว่าหาร 500 ขัดรัฐธรรมนูญ แต่หาร 100 ต้องถูกตีกลับมาที่สภา เพื่อคิดในกรอบหาร 100 แต่ถ้าศาลรัฐธรรมนูญตีกลับมาว่าหาร 100 ก็ผิด รัฐสภาต้องกลับมาแก้ไขตามศาลรัฐธรรมนูญเมื่อสภายื่นร่างกฎหมายไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จะใช้เวลา 10 วัน เพื่อตอบว่า เห็นชอบหรือขัดต่อรัฐธรรมนูญหรือไม่ หากมีองค์กรใดชี้ว่าขัดต่อรัฐธรรมนูญต้องส่งกลับมายังรัฐสภาแก้ไขให้ใน 30 วัน แต่ถ้าไม่ขัดจะส่งให้รัฐสภาส่งให้รัฐบาล และนายกฯมีเวลา 5 วันก่อนนำขึ้นทูลเกล้าฯช่วง 5 วันนี้เป็นช่วงฝ่ายหาร 100 มีสิทธิยื่นศาลรัฐธรรมนูญได้
ถกรัฐสภาอลเวงสมาชิกโหรงเหรง
เมื่อเวลา 10.00 น. ที่รัฐสภามีการประชุมร่วมรัฐสภา มีนายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา ทำหน้าที่ประธานการประชุม เพื่อพิจารณาร่าง พ.ร.บ.กำหนดระยะเวลาดำเนินงานในกระบวนการยุติธรรม ตามที่กรรมาธิการวิสามัญฯพิจารณาแล้วเสร็จ มีสาระสำคัญคือการให้มีกำหนดระยะเวลาการดำเนินการในทุกขั้นตอนในกระบวนการยุติธรรมที่ชัดเจน เพื่อให้ประชาชนได้รับความยุติธรรมโดยไม่ล่าช้า แต่การประชุมพิจารณาร่างกฎหมายดังกล่าวเป็นไปอย่างล่าช้า เนื่องจากมีสมาชิกรัฐสภา และ กมธ.ต่างสงวนความเห็นเพื่ออภิปรายในทุกมาตรา จำนวน 12 มาตราในร่างกฎหมายดังกล่าว ขณะเดียวกันยังติดปัญหาเรื่ององค์ประชุมโหรงเหรง การจะลงมติแต่ละมาตราต้องเสียเวลานานมากในการรอสมาชิกมาแสดงตนจนครบองค์ประชุม นานร่วม 25-30 นาที
“ชวน” ต้องขอร้องช่วยเข้าประชุม
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นอกจากนี้แต่ละมาตรามีองค์ประชุมผ่านแบบใจหายใจคว่ำ เกินกึ่งหนึ่งขององค์ประชุม 364 คน ไปเพียง 2-3 เสียง เวลาผ่านไป 3 ชั่วโมง เพิ่งพิจารณาได้เพียง 5 มาตราเท่านั้น จนนายชวนต้องกระตุ้นตลอดเวลา ขอความร่วมมือให้สมาชิกรัฐสภาช่วยเข้าห้องประชุม และคนที่อยู่ในห้องประชุมขอให้ช่วยกดบัตรแสดงตน ส่วนผู้ไม่เข้าประชุมให้ระวังตอนหาเสียงจะถูกคู่แข่งนำชื่อไปประจานความไม่รับผิดชอบ ขอให้ระวัง วันนี้ไม่เกิด วันหน้าเกิด ประชาธิปไตยที่ทุกคนมีสิทธิเปิดเผยข้อมูล ทั้งคำพูดและการลงมติในสภาไม่เป็นความลับ
พปชร.-พท.เล่นเกมหายตัวอื้อ
อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ในห้องประชุมยังไม่ดีขึ้น สมาชิกยังอยู่บางตา โดยเฉพาะมาตรา 8 ที่รอสมาชิกมาแสดงตนถึง 30 นาที ยังไม่ครบองค์ประชุม ขาดสมาชิกกว่า 30 คน โดยเฉพาะโซนที่นั่ง ส.ส.พลังประชารัฐ และพรรคเพื่อไทย นั่งกันอยู่แค่พรรคละ 3-4 คนเท่านั้น จนนายเฉลิมชัย เฟื่องคอน ส.ว. บอกถ้าเป็นแบบนี้ให้ยุบสภาไปเลย ทำให้นางอมรัตน์ โชคปมิตต์กุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล สวนว่า ก่อนจะยุบสภาให้ยุบ ส.ว.ก่อน สมาชิกที่ขาดอยู่ตอนนี้ให้ไปเรียกผู้นำเหล่าทัพมาประชุมด้วย นายชวนตอบกลับว่า “ให้ไปเรียกเอง” ขณะที่นายสมชาย แสวงการ ส.ว.สอบถามอยากทราบร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.จะเข้าที่ประชุมได้เมื่อไร ถ้าเข้าวันที่ 3 ส.ค. ไม่ทัน จะเข้าในวันที่ 9-10 ส.ค. ได้หรือไม่ นายชวนชี้แจงว่า ตั้งใจให้เข้าวันที่ 3 ส.ค. เพราะการประชุมร่วมรัฐสภาวันที่ 9-10 ส.ค. เป็นแค่การคาดการณ์ยังไม่ตกลงในวิป 3 ฝ่าย เพราะวันที่ 9 ส.ค. มีประชุม ส.ว. แต่วันที่ 4 ส.ค. จะนัดประชุมวิป 3 ฝ่ายตกลงวันประชุมร่วมรัฐสภาอีกครั้ง ไม่อยากให้สภาฯเสื่อม ถ้าไปทำอะไรที่ไม่รับใช้สภาฯ ไปรับใช้อะไรก็ไม่รู้ ทำให้สภาฯเสียหายและเสื่อมเสียไม่ต้องการ จึงขอให้ทุกคนอดทน ระหว่างนั้นยังขาดสมาชิกอยู่อีกกว่า 10 คน นายชวนจึงขอให้รอ จนถึงเวลา 17.00 น. ถ้าองค์ประชุมไม่ครบจะปิดประชุม
จ่อล่ม ก.ม. ลูกพลิกกลับหาร 100
กระทั่งเวลา 17.00 น.องค์ประชุมยังไม่ครบ นายชวนจึงกล่าวว่ามีคนบอกให้ทดเวลาเจ็บ แต่เมื่อตกลงกันไว้ที่ 17.00 น. ต้องเกรงใจ ขณะนี้มีสมาชิกในห้องประชุม 357 คนยังขาดอยู่ 7 คน ถ้าจะใช้เวลาทั้งหมดรอให้ครบองค์ประชุมตามมาตรานี้ ที่รอมาตั้งแต่เวลา 16.07 น.ผ่านมา 53 นาที ขอบคุณทุกคนที่อดทนให้เวลา เมื่อองค์ประชุมไม่ครบก็หยุดเท่านี้ ขอปิดประชุมผู้สื่อข่าวรายงานว่า สาเหตุที่ ส.ส.พลังประชารัฐ และ ส.ส.เพื่อไทยอยู่ในห้องประชุมกันน้อย เนื่องจากไม่ต้องการให้องค์ประชุมครบ เพราะทั้งสองพรรคไม่ต้องการให้ใช้สูตรคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ หารด้วย 500 จึงเล่นเกมไม่ให้องค์ประชุมครบ เพื่อให้ร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.พิจารณาเสร็จไม่ทันกรอบ 180 วัน ภายในวันที่ 15 ส.ค. ทำให้ร่างกฎหมายตกไป ต้องกลับไปใช้ร่างกฎหมายฉบับเดิมที่ ครม. เป็นผู้เสนอ โดยใช้วิธีคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อแบบหาร 100 ตามที่ ส.ส.พรรคพลังประชารัฐและพรรคเพื่อไทยต้องการ
“วันชัย” แฉ รบ.-ฝ่ายค้านฮั้วให้ ก.ม.ตก
นายวันชัย สอนศิริ ส.ว.กล่าวว่า ดูแนวโน้มแล้วร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. ไม่น่าจะพิจารณาได้เสร็จทัน 180 วัน เพื่อต้องการให้กลับไปใช้ร่างกฎหมายฉบับเดิมที่ ครม.เสนอใช้สูตรหาร 100 ทราบว่าเป็นข้อตกลงที่เห็นพ้องต้องกันของฝ่ายรัฐบาลกับฝ่ายค้านจะใช้วิธีนี้ เพราะสูตรคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ แบบหาร 500 คงเดินต่อไปไม่ไหว เดินต่อก็มีแต่ตัน ตก ไปไม่รอด เมื่อไปถึง กกต.และศาลรัฐธรรมนูญแล้วมั่นใจไม่ได้ว่าผลจะออกมาอย่างไร จึงต้องกลับมาใช้วิธีหาร 100 ทางที่ง่ายที่สุดคือให้กฎหมายตกไป เพราะพิจารณาไม่ทันใน 180 วัน ถือเป็นกลไกสภาแม้เสี่ยงถูกด่า เพราะผ่านกฎหมายสำคัญไม่ได้ภายในเวลาที่กำหนด ต้องยอมเพราะถือว่าเดินเกมผิดมาแต่แรก การประชุมร่วมรัฐสภาผ่านมา 2 วัน เห็นได้ชัดเจนมีความพยายามจะทำให้ร่างกฎหมายอื่นๆ ที่พิจารณาก่อนร่างกฎหมายลูกผ่านไปให้ช้าที่สุด อภิปรายกันยาวนานต้องลุ้นอยู่ตลอดเวลาจะมีองค์ประชุมครบหรือไม่ เชื่อว่าการประชุมร่วมรัฐสภาสัปดาห์หน้าวันที่ 9-10 ส.ค. จะเกิดเหตุการณ์ลักษณะนี้อีก เห็นสัญญาณว่าต้องการให้กฎหมายลูกเสร็จไม่ทันวันที่ 15 ส.ค. เป็นการใช้กลไกองค์ประชุม เป็นเกมเพื่อหาทางกลับไปใช้สูตรหาร 100
“พีระพันธุ์” คุม รทสช.ตามโผ
เมื่อเวลา 08.00 น. ที่ห้องประชุมชั้น 2 สโมสรราชพฤกษ์ พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) จัดประชุมใหญ่สมัยวิสามัญ เพื่อเลือกคณะกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ มีนักการเมือง สมาชิกพรรค เข้าร่วมคับคั่งแน่นห้องประชุม นำโดยนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี นายปองพล อดิเรกสาร นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ น.ส.รัดเกล้า สุวรรณคีรี บุตรสาวนายไตรรงค์ สุวรรณคีรี อดีตรองนายกฯ และนายโกวิทย์ ธารณา อดีต ส.ส.กทม.พรรค ปชป. ขณะเดียวมีนักการเมืองมาแสดงความยินดี อาทิ นายถาวร เสนเนียม นายชุมพล จุลใส อดีตแกนนำ กปปส. นายเสกสกล อัตถาวงศ์ อดีตผู้ร่วมก่อตั้งพรรค รทสช. นายพงศ์ศักดิ์ จ่าแก้ว นายกอบจ.สุราษฎร์ธานี นายนพพร อุสิทธิ์ นายก อบจ.ชุมพร นายพรเทพ เตชะไพบูลย์ และ “กบ” ปภัสรา เตชะไพบูลย์ ภรรยา จากนั้นที่ประชุมมีมติเอกฉันท์เลือกนายพีระพันธุ์เป็นหัวหน้าพรรค นายเอกนัฏ เป็นเลขาธิการพรรค นายปรากรมศักดิ์ ชุณหะวัณ เหรัญญิกพรรค นายเกรียงยศ สุดลาภา นายทะเบียนพรรค นายวิทยา แก้วภราดัย นายดวงฤทธิ์ เบญจาธิกุล ชัยรุ่งเรือง นายชื่นชอบ คงอุดม นายวิสุทธิ์ ธรรมเพชร และนายเกชา ศักดิ์สมบูรณ์ กรรมการบริหารพรรค
ชูเท่าเทียมเสมอภาคไม่เล่นเกม
จากนั้นนายพีระพันธุ์เปิดวิสัยทัศน์ว่า จะใช้ประสบการณ์ทางการเมืองรับใช้ชาติและประชาชน ไม่เล่นเกมการเมือง ไม่แสวงหาสถานะอำนาจบารมีสร้างความยิ่งใหญ่ ไม่ทะเลาะแย่งตำแหน่ง จะทะเลาะกับความเหลื่อมล้ำ ทำให้ประชาชนทำมาหากินได้อย่างเท่าเทียมเสมอภาค มีโอกาสเข้าถึงเงินทุนไม่ต่างกับกิจการใหญ่โต ผลักดันโอกาสทางการศึกษาของเด็กและเยาวชนให้ได้ ตั้งใจเป็นพรรคการเมืองหลักของประเทศ เข้าสู่สนามเลือกตั้งด้วยความมั่นใจ มั่นคง เด็ดเดี่ยว ที่ประชาชนต้องหันกลับมามองเป็นพรรคที่จะเลือกตลอดไป เราต้องค้ำจุนปกป้องเสาหลัก 3 ประการของประเทศ
ยักท่าหนุน “บิ๊กตู่” เป็นนายกฯ
นายพีระพันธุ์ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีเข้าพบ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และ รมว. กลาโหม ว่า ไปรายงานผลการทำงานรอบเดือนและบอกนายกฯว่าวันที่ 3 ส.ค. จะมาทำหน้าที่ทางการเมืองเป็นเรื่องส่วนตัว ยังไม่ลาออกจากที่ปรึกษานายกฯ ภารกิจกับ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นภารกิจชาติ เมื่อถามถึงการสนับสนุน พล.อ. ประยุทธ์เป็นแคนดิเดตนายกฯ นายพีระพันธุ์ตอบว่า นโยบายพรรคไม่ได้สนับสนุนตัวบุคคล เราสนับสนุนแนวทางการทำงานที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชน ชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ถ้าแนวทางตรงกันยินดีสนับสนุน เมื่อถามว่าหากมีมติพรรคให้สนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกฯจะปฏิบัติตามหรือไม่ นายพีระพันธุ์ตอบว่า ข้อบังคับทุกพรรคต้องปฏิบัติตามอยู่แล้ว แม้แต่พรรคเพื่อไทยถ้ามีมติสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ ทุกคนต้องปฏิบัติตาม เราไม่ได้บริหารตามอำเภอใจ
โวกวาด ส.ส.ปักษ์ใต้ยกภาค
เมื่อถามว่าขณะนี้มี ส.ส.ที่ตกปากรับคำมาอยู่กับพรรคแล้วกี่คน นายพีระพันธุ์ตอบว่า เยอะแล้วกัน เมื่อถามว่านายก อบจ.พัทลุง สุราษฎร์ธานี ชุมพร มาร่วมแสดงความยินดี ถือเป็นพื้นที่เป้าหมายการเลือกตั้งหรือไม่ นายพีระพันธุ์ตอบว่า มั่นใจสามารถกวาด ส.ส.ได้ทั้งภาคใต้จะชนะหมดทุกเขต และพยายามส่ง ส.ส.ให้ครบทุกเขต จะมีคนทยอยเข้ามาเป็นสมาชิกเพิ่มเรื่อยๆ เมื่อถามว่าพร้อมรับตำแหน่งนายกฯหรือไม่ นายพีระพันธุ์ตอบว่า หัวหน้าทุกพรรคต้องมีความพร้อม เมื่อถามว่าถูกมองเป็นพรรคอะไหล่ของพรรค พปชร. นายพีระพันธุ์ตอบว่า ทำการเมืองไม่ได้ขึ้นตรงกับพรรคอื่น ต่างพรรคต่างทำงาน แต่อาจมีเป้าหมายเดียวกันเพื่อชาติบ้านเมือง ที่ผ่านมาก็ไม่ได้พูดคุยกับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และหัวหน้าพรรค พปชร.
“พรเทพ” พร้อมช่วยลุ้น “กบ” ชิง ส.ส.
นายพรเทพ เตชะไพบูลย์ อดีตแกนนำพรรคปชป. ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีจะมาช่วยทำงานการเมืองในพรรค รทสช. ว่า อนาคตเป็นสิ่งที่ไม่แน่นอน แต่ตอนนี้เอาใจช่วย ถ้าเขาเรียกใช้เมื่อไหร่ต้องมาอยู่แล้ว เมื่อถามถึงความเป็นไปได้ที่นางปภัสราจะลงสมัคร ส.ส.พรรครวมไทยสร้างชาติ นางปภัสราตอบว่า เดี๋ยวขอดูนิดหนึ่งก่อน ทำให้นายพรเทพ สามี กล่าวติดตลกว่า แค่กระดิกนิ้วก็มาแล้ว
“แรมโบ้” โอดถูกกีดกันจ่อตั้ง “เทิดไท”
นายเสกสกล อัตถาวงศ์ อดีตผู้ร่วมก่อตั้งพรรค รทสช. กล่าวว่า หลังจากพยายามไปช่วยงานพรรค พปชร. แต่ถูกกีดกันตลอดเวลา บางคนไปยุยงหัวหน้าพรรค พปชร.ให้เกลียดตน ดังนั้น ตนกับน้องๆกลุ่มเทิดไท้องค์ราชันปรึกษากันว่าในอนาคตจะไปยื่นจดทะเบียนตั้งพรรคใหม่ชื่อพรรคเทิดไท ขณะนี้รอคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) อนุมัติ มีตนเป็นหัวหน้าพรรค เพราะคิดว่าเป็นหัวหมาดีกว่าเป็นหางราชสีห์ โดยยึด 2 ข้อหลักคือ ปกป้องสถาบันกับสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกฯอีกสมัย
“พิธา” ลุยแคมเปญ “ก้าวไกล NEXT”
วันเดียวกัน นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล โพสต์เฟซบุ๊กตอนหนึ่งเพื่อเปิดแคมเปญ ก้าวไกล NEXT เชิญชวนประชาชนและผู้สนับสนุนร่วมออกแบบพรรคร่วมกัน โดยระบุว่าหลายปีที่ผ่านมาเราเผชิญทั้งการทุบทำลายจากผู้มีอำนาจ และแรงกดดันเสียงวิจารณ์จากประชาชนที่สั่นคลอนความเชื่อมั่นที่มีต่อพรรค พรรคก้าวมาถึงวันนี้ได้เพราะประชาชนร่วมกันวางอิฐคนละก้อน ก่อร่างและกำหนดทิศทางเดินของพรรคร่วมกัน ผ่านร้อน ผ่านหนาว ผ่านสุข และทุกข์ ชัยชนะและความพ่ายแพ้มาด้วยกัน ถ้าพรรคก้าวไกลจะก้าวต่อไปสู่อนาคตอย่างมั่นคง ได้เวลาที่ผู้คนที่มีความหวังและความฝันแบบเดียวกันจะร่วมกันกำหนดทางเดิน กำหนดอนาคตใหม่ให้กับพรรคก้าวไกล ลบสิ่งที่ไม่ดีทิ้งไป เขียนอนาคตใหม่ที่พวกเราอยากเห็นร่วมกันอีกครั้ง
ร่วมเขียนอนาคตใหม่ปฏิรูป กก.
“จึงอยากชวนทุกท่านมาออกแบบพรรคก้าวไกลในแคมเปญ ก้าวไกล NEXT ที่พวกเราจะออกไปรับฟังความคิดเห็นและข้อเสนอแนะจากประชาชนให้มากที่สุดผ่านกิจกรรมทั่วประเทศ และผ่านออนไลน์เพื่อออกแบบพรรคของเราให้เป็นพรรคที่สร้างขึ้นจากเสียงของประชาชน ให้พรรคก้าวไกลเป็นพรรคมวลชนอย่างแท้จริงเพื่อให้ก้าวต่อไป ก้าวไกลกว่าเดิม เขียนอนาคตใหม่ของพรรคก้าวไกล” นายพิธาระบุ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เเคมเปญ “ก้าวไกลNEXT” เริ่มวันที่ 3 ส.ค. เป็นวันแรกเริ่มต้นรับฟังความเห็นประชาชนเกี่ยวกับแนวทางการปฏิรูปพรรคก้าวไกลผ่านเว็บไซต์ https://next.moveforwardparty.org/
“โรม” ตีปี๊บสู่สนามเลือกตั้งเฟส 1
นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ โฆษก พรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์เปิดเผยไทม์ไลน์ลงพื้นที่จังหวัดต่างๆตามแคมเปญ “ก้าวไกล NEXT” ว่า เริ่มวันที่ 9 ส.ค. ที่ จ.เชียงใหม่ ต่อด้วยวันที่ 13-14 ส.ค. ที่ขอนแก่น จ.อุดรธานี จ.สกลนคร จากนั้นวันที่ 20-21 ส.ค. จะไปที่ภาคใต้ และวันที่ 28 ส.ค.จัดที่ กทม. ปฏิเสธไม่ได้ว่าการปรับปรุงพรรคตรงนี้เกี่ยวพันกับห้วงเวลาเตรียมความพร้อมการเลือกตั้งครั้งหน้า ตรงนี้เป็นแค่ส่วนหนึ่ง และเป็นเฟสแรกในการเดินไปสู่จุดหมายปลายทางการเลือกตั้ง จริงๆพูดได้ว่าเป็นแคมเปญเลือกตั้งเฟสที่ 1 เริ่มต้นแล้ว เพื่อยกระดับเปลี่ยนพรรคก้าวไกลให้เป็นพรรคของมวลชนอย่างแท้จริง หัวข้อรับฟังมีหลายด้านเพื่อนำไปสู่การปฏิรูปพรรคให้เป็นพรรคมวลชนอย่างแท้จริง ตั้งแต่การสื่อสาร ผู้แทนฯที่อยากเห็นอาจเกี่ยวพันกับเรื่องงูเห่า นโยบาย งานสภาฯ งานพื้นที่ การสร้างเครือข่าย จนถึงการระดมทุน การสร้างเครือข่าย หลายคนเรียกร้องอยากเห็นการทำงานกับเยาวชนที่พรรคอนาคตใหม่เคยมี ยอมรับการมีงูเห่าบั่นทอนความเชื่อมั่น ทุกครั้งที่ลงพื้นที่มีฟีดแบ็กมาตลอด พยายามนำบทเรียนมาแก้ไข ปรับปรุงแก้ไขให้ดีขึ้น ผ่านการคัดสรรเข้มข้นให้มั่นใจผู้แทนฯก้าวไกลจะเป็นคนดีที่สุด มั่นคงอุดมการณ์
ลั่นไม่สนบ้านใหญ่ตระกูลดัง
ด้านนายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล กล่าวว่า การลงพื้นที่แคมเปญ ก้าวไกล NEXT เริ่มเดือน ส.ค.ต้องการฟังว่าเขาอยากให้เราปฏิรูปพรรคอย่างไร นำไปสู่การเลือกตั้ง 1 เดือนนี้จะเน้นรับฟัง จากนั้นเดือน ก.ย.จะมีแคมเปญใหญ่เรื่องการเลือกตั้ง แนวทางคัดสรรผู้สมัครเราแตกต่างจากพรรคอื่น วัฒนธรรมของพรรคก้าวไกลคนละเวย์ คนละแนวทางชัดเจน จะไม่เริ่มต้นจากการดึงบ้านใหญ่หรือดึงตระกูลการเมืองใหญ่ เพื่อหวังให้ได้เสียงมากที่สุดจัดตั้งรัฐบาล แน่นอนว่าตั้งเป้าเป็นรัฐบาลแน่นอน การเดินหน้าควรเริ่มจากฟังประชาชนก่อน
“ทักษิณ” ชี้ 8 ปี “ตู่” ผ่าน ปชช.เดือดร้อน
ช่วงค่ำวันที่ 2 ส.ค. นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ กล่าวในเพจเฟซบุ๊ก CARE • แคร์ คิด เคลื่อน ไทย หัวข้อคุยสุดต๊าช! วาดอนาคตคน Gen Z ระหว่างไลฟ์สดมีผู้ร่วมสนทนาตั้งคำถามถึงกรณีกลุ่มเจเนอเรชัน Z หรือเจนซี อยู่ภายใต้ระบอบประยุทธ์มา 8 ปีแล้ว หากนับตั้งแต่วันที่เข้ารับตำแหน่งวันแรกจะครบ 8 ปี วันที่ 24 ส.ค. มองว่าจะเป็นระเบิดเวลาลูกสุดท้ายแล้วหรือไม่ โดยนายทักษิณกล่าวว่า “เขาเป็นนักแกะสลักระเบิด เขาเรียนวิธีแกะสลักระเบิดมาจากแถวๆกัมพูชา เพราะอยู่ จ.ปราจีนบุรีมานาน เขาอาจจะแกะสลักระเบิดได้ แต่สลักระเบิดที่แกะแล้วนี่กลับไประเบิดตรงหัวของชาวบ้านแทน ประยุทธ์ไม่ได้เหยียบกับระเบิด”
โยน “อุ๊งอิ๊ง” จะบอกกลับบ้านวันไหน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีผู้ร่วมสนทนา ตั้งคำถามว่า จะกลับไทยเมื่อไหร่เพราะมีคนท้าในสภาฯ นายทักษิณกล่าวว่า จะกลับปีไหน กลับอย่างไร จะให้ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย เป็นคนพูดว่าจะกลับเมื่อไหร่ และตนไม่ได้ให้ความสำคัญกับคนเหล่านั้น ชีวิตตนจะเป็นคนกำหนดเอง
ฟุ้งฝ่าย ปชต.มาเกิน 300 ที่นั่ง
นายทักษิณกล่าวถึงการเลือกตั้งครั้งต่อไปว่า จะเป็นการเลือกตั้งที่ไม่เหมือนเดิมแล้วประชาชนจะเลือกจากความต้องการของเขาเอง ส่วนเงินเขาก็รับ แต่รับแล้วไม่เลือก พรรคไหนที่มีเงินเยอะ หรือคิดว่าตัวเองมีเงินและจะซื้อด้วยเงิน บอกเลยว่าจะหมดตูดไปเอง ส่วนที่ออกมาตั้งพรรคเล็กพรรคน้อยกันเยอะทุกวันนี้ เพราะบางคนคิดว่าจะใช้สูตรหาร 500 บัตรใบเดียว บางคนคิดว่าจะเป็นบัตรสองใบหาร 100 ตอนนี้รัฐบาลเองยังไม่รู้ว่าจะเอายังไง ความชัดเจนไม่มี ยุทธศาสตร์ยังไม่มี แค่ยุทธศาสตร์จะเอาชนะเลือกตั้งด้วยการเอาเปรียบคนอื่นยังคิดไม่ตกและการบริหารประเทศจะคิดตกอย่างไร วันนี้เชื่อว่าฝ่ายประชาธิปไตยจะรูปแบบไหนก็เกิน 300 ที่นั่งและมีการเปลี่ยนประเทศทั้งระบบ ดังนั้นความล้าสมัยจบที่รัฐบาลชุดนี้
“ศรัณย์วุฒิ” เล็งซบ “เสรีรวมไทย”
ที่รัฐสภา นายศรัณย์วุฒิ ศรัณย์เกตุ ส.ส.อุตรดิตถ์ อดีตหัวหน้าพรรคเพื่อชาติ (พช.) กล่าวถึงกรณีคณะกรรมการบริหารพรรค พช.ลาออกว่า ที่ กก.บห.พรรคกล่าวหาว่าตนไม่ยอมไปเซ็นเอกสาร ไม่เข้าร่วมงาน รู้จริงหรือไม่ว่าเอกสารที่ไม่เซ็นคือเอกสารเกี่ยวกับการครอบงำพรรคจริง ถ้าเซ็นกลายเป็นว่าสมยอมให้พรรค พช.ถูกครอบงำผิดกฎหมายมาตรา 28 เอกสารยังสอดไส้เรื่องแก้ไข กก.บห.พรรค ที่หัวหน้าพรรคไม่เคยทราบเรื่องมาก่อน ดังนั้นไม่ยอมเซ็นเพื่อปกป้องพรรคไม่ให้เกิดปัญหา ไม่ให้ กก.บห.พรรคถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง มีทางเลือกพรรคเสรีรวมไทย (สร.) เป็นพรรคแรกที่อยากร่วมอุดมการณ์ ถ้าพูดคุยเป็นไปด้วยดีมีโอกาสสูงมากจะไปอยู่กับพรรค สร. หากหาข้อสรุปไม่ได้ มีกลุ่มสนับสนุนให้ตั้งพรรคเป็นหัวหน้าพรรคเอง
ทอ.เอาจนได้ 369 ล้าน ซื้อ F–35A
เมื่อเวลา 11.20 น. ที่รัฐสภา มีการประชุมคณะกรรมาธิการวิสามัญร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2566 มีนายวราเทพ รัตนากร รองประธาน กมธ.ทำหน้าที่ประธานการประชุมพิจารณาลงมติให้ความเห็นชอบการตัดลดงบฯ ตามที่คณะอนุกรรมาธิการ 9 ชุดเสนอมา ไฮไลต์สำคัญอยู่ที่รายการของคณะอนุกรรมาธิการครุภัณฑ์ ไอซีที รัฐวิสาหกิจและทุนหมุนเวียน ที่เสนอตัดลดงบฯจัดซื้อเครื่องบินโจมตี F-35A รวม 2 ลำ (เครื่องเปล่า ไม่มีอาวุธ)ระยะที่1 วงเงิน 738 ล้านบาท แต่กองทัพอากาศขออุทธรณ์งบฯเหลือ 369,134,500 บาท ที่ประชุมกมธ.งบฯชุดใหญ่ลงมติเห็นด้วยกับการอุทธรณ์ของ ทอ.ด้วยคะแนน 45 ต่อ 22 งดออกเสียง 1 นอกจากนี้ยังเห็นด้วยกับสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม ขออุทธรณ์งบฯ 171.6 ล้านบาทด้วยคะแนน 38 ต่อ 24 งดออกเสียง 1 นำไปก่อสร้างโรงงานผลิตวัตถุระเบิด จ.ลพบุรี ส่วนอนุกรรมาธิการอื่นอีก 8 ชุด ส่วนใหญ่ กมธ.เห็นด้วยให้ปรับลดงบฯตามที่เสนอมา
โวย “ลุงในป่า” ล็อบบี้ผ่านงบฯ ทอ.
ต่อมาเวลา 13.40 น. นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทยและ กมธ.วิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบฯ ปี 66 แถลงว่า มติที่ออกมาใช้เสียงข้างมากลากไป มีการล็อบบี้คะแนนแน่นอนโดยลุงที่อยู่ในป่า ไม่เช่นนั้นคะแนนคงไม่ออกมาเช่นนี้ พวกตนในฐานะ กมธ.เสียงข้างน้อยจะขอสงวนความเห็นไปอภิปรายต่อวาระ 2-3 คัดค้านเพราะไม่จำเป็นเร่งด่วน จะเป็นภาระงบฯไปอีก 10 ปี ต้องเสียงบประมาณอีกกว่า 40,000 กว่าล้านบาทไปจัดซื้อเครื่องบินขับไล่รุ่นให้ครบฝูงบิน แค่ขึ้นบินต้องเสียค่าใช้จ่าย 1,300,000 บาทต่อชั่วโมง เทียบกับสภาวะเศรษฐกิจที่ประชาชนไม่มีกิน จะมีเหตุผลอะไรไปซื้อเครื่องบินที่ขณะนี้ยังเป็นแค่เครื่องเปล่า ไม่มีอาวุธ แสดงว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและรมว.กลาโหม เห็นอาวุธสำคัญกว่าปากท้องประชาชน
“นิติธร” ขู่บุกทำเนียบฯหลัง 23 ส.ค.
เมื่อเวลา 11.00 น. ที่ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ของประชาชน คณะหลอมรวมประชาชน ประเทศไทยต้องมาก่อน นำโดย นายจตุพร พรหมพันธุ์ และนายนิติธร ล้ำเหลือ ยื่นหนังสือถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและ รมว.กลาโหม ขอให้มีคำสั่งยกเลิกประกาศหัวหน้าผู้รับผิดชอบในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินในส่วนที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคงเรื่องการชุมนุมฉบับที่ 15 ที่ประกาศเมื่อวันที่ 1 ส.ค. ห้ามชุมนุมมั่วสุมทั่วราชอาณาจักรเพื่อยับยั้งโควิด โดยนายนิติธร กล่าวว่า เป็นการใช้อำนาจรัฐเกินสมควร ไม่มีความจำเป็น และใช้ดุลพินิจไม่สอดคล้องข้อเท็จจริงกรณี พล.อ.ประยุทธ์จะครบวาระการดำรงตำแหน่งเป็นนายกฯ 8 ปี ในวันที่ 23 ส.ค. ขอเตือนให้รับรู้ข้อกฎหมายที่ต้องปฏิบัติและนายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯอย่าอ้างว่าไม่มีข้อสงสัย อย่าอ้างว่าจำเป็นต้องส่งไปให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความเพื่อถ่วงเวลา เพราะวิกฤติบ้านเมืองที่ผ่านมา เกิดจากการไม่เคารพยำเกรงกฎหมาย หากพ้นวันที่ 23 ส.ค.ไปแล้ว จะพาประชาชนมาที่ทำเนียบรัฐบาล หากไม่ชอบด้วยกฎหมายอย่ามาอยู่
ฟัน ส.ส.พปชร.ฝากบัตรลงมติ
ที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ศาลพิพากษาคดีที่อัยการสูงสุดฟ้อง น.ส.ธณิกานต์ พรพงษาโรจน์ ส.ส.กทม. พรรค พปชร.กรณีฝากบัตรแสดงตนให้ ส.ส.รายอื่นใช้กดปุ่มแสดงตน ออกเสียงลงคะแนนแทนกัน ระหว่างการประชุมพิจารณาร่าง พ.ร.บ.เหรียญราชรุจิรัชกาลที่ 10โดยไม่ได้ลาประชุมและไม่ได้อยู่ในที่ประชุม พิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต 2561 มาตรา 172 จำคุก 1 ปี ปรับ 2 แสนบาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้ 2 ปี มูลเหตุคดีนี้คณะกรรมการ ป.ป.ช.ยื่นคำร้องต่อศาลฎีกาให้วินิจฉัยว่า จำเลยฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง ตามคดีหมายเลขดำที่ คมจ. 2/2564โดยศาลฎีกานัดพร้อมในวันที่ 16 ส.ค.65 เพื่อรอฟังผลคดีต่อไป
ลูกแม่โดมนัดชุมนุมใหญ่ 10 ส.ค.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เฟซบุ๊กเพจทางการของสภานักศึกษา ม.ธรรมศาสตร์ (มธ.) ศูนย์รังสิตเผยแพร่ข้อความ“เตรียมพบกับม็อบ 10 สิงหาคม 65 ณ ลานพญานาค มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ คืนธรรมศาสตร์ให้กับประชาชน คืนประชาธิปไตยให้กับสังคม ตื่นเถิดเสรีชน อย่ายอมทนก้มหน้าฝืน หอกดาบกระบอกปืน หรือทนคลื่นกระแสเรา” #หอกดาบกระบอกปืนหรือจะทนคลื่นประชาชน #ม็อบ 10 สิงหา 2565#ม็อบ #ธรรมศาสตร์ #10 สิงหารับเพื่อนใหม่ประชาธิปไตยไปต่อ ผู้สื่อข่าวสอบถาม “เนย”สมาชิกสภานักศึกษา มธ.ศูนย์รังสิตระบุว่านักศึกษา มธ.ทั้ง 3 แห่งคือ มธ.ท่าพระจันทร์ มธ.ศูนย์รังสิต และ มธ.ศูนย์ลำปาง ร่วมจัดขึ้น เลือกวันที่ 10 ส.ค. ตรงกับงานรับเพื่อนใหม่มธ. และตรงกับวันจัดชุมนุมเมื่อปี 63 วันประกาศเสนอ 10 ข้อเรียกร้องปฏิรูปสถาบัน ส่วนการปราศรัยจะพูดเรื่องการเมือง รัฐบาลและการเลือกตั้ง มาตรา 112 เรียกร้องสิทธิประกันตัวให้ น.ส.ณัฐนิช ดวงมุสิทธิ์ หรือใบปอ และ น.ส.เนติพร เสน่ห์สังคม หรือบุ้งมีนายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือเพนกวิน กับ น.ส.ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล หรือรุ้ง เข้าร่วมแต่ไม่ขึ้นเวที