“สนธิรัตน์” ชี้ ค่าไฟแพง กระทบประชาชน-นิคมอุตสาหกรรม ทำการแข่งขันประเทศลดลง แนะ แก้ปัญหาที่การจัดการต้นทุนเชื้อเพลิงอันดับแรก

วันที่ 3 ส.ค. 2565 นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาธิการพรรคสร้างอนาคตไทย (สอท.) และอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน โพสต์เฟซบุ๊ก ถึงกรณีการปรับขึ้นค่าไฟและผลกระทบที่จะตามมา ว่า ขอชวนทุกคนมาคิดเรื่องค่าไฟด้วยกัน เพราะอย่างที่ได้รู้ก่อนหน้านี้คือค่าไฟในเดือน ก.ย.-ธ.ค. ที่จะถึงนี้ ราคาจะขึ้นไปเป็นหน่วยละเกือบ 5 บาท ที่เป็นอย่างนี้เพราะค่าเอฟที (Ft) เพิ่มขึ้น ซึ่งจริงๆ หลายคนยังไม่ทราบว่าค่าเอฟทีคือค่าอะไร ทำไมต้องปรับขึ้นลงเป็นช่วงๆ และขึ้นลงทีไรกระทบค่าไฟทุกที

นายสนธิรัตน์ ระบุต่อไปว่า ค่าเอฟที หรือค่าไฟฟ้าผันแปร คือค่าที่ใช้ปรับสำหรับการจัดการต้นทุนในการผลิตไฟฟ้า เช่น ราคาเชื้อเพลิง อัตราเงินเฟ้อ อัตราค่าเงิน เป็นต้น พอค่าพวกนี้ปรับตัวขึ้นหรือลง ค่าเอฟทีก็จะปรับตาม เราต้องทราบว่าก๊าซธรรมชาตินั้นถูกนำไปใช้ในการผลิตไฟฟ้าเป็นหลัก โดยมีสัดส่วนการใช้ถึง 60% และที่เหลือเป็นการใช้ในภาคอุตสาหกรรม โรงแยกก๊าซ NGV และอื่นๆ ส่วนที่ค่าเอฟทีขึ้นช่วงนี้ สาเหตุหนึ่งเกิดจากราคาต้นทุนเชื้อเพลิงที่เอามาผลิตไฟฟ้า โดยเฉพาะก๊าซธรรมชาติ โดยตั้งแต่หลังสงครามรัสเซีย-ยูเครน ราคาก็เพิ่มขึ้นมากกว่าลดลงมาตลอด ดังนั้นสิ่งที่เกิดขึ้นคือทำให้ค่าเอฟทีปรับเพิ่ม

ขณะที่อีกสาเหตุหนึ่ง คือการบริหารจัดการ การเปลี่ยนผ่านในการสำรวจขุดเจาะแหล่งก๊าซธรรมชาติในประเทศเราที่แหล่งบงกช-เอราวัณ ที่เกิดปัญหาจากการเข้าไปดำเนินการผลิตที่ล่าช้าจากแผนเดิม จนเกิดปัญหากับความสามารถในการผลิต และการส่งก๊าซ ทำให้เราต้องพึ่งพิงจากการใช้ก๊าซภายนอกประเทศที่ราคาเพิ่มขึ้นอยู่เรื่อยๆ ดังนั้น ค่าไฟฟ้าก็จะเพิ่มถ้าเรายังจัดการปัญหานี้ไม่ได้ แม้ตอนนี้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ช่วยแบกรับผลกระทบที่มีตรงนี้แล้วก็ตาม แต่การจัดการต้นทุนเชื้อเพลิงเป็นสิ่งแรกที่ต้องพิจารณา

...

ทั้งนี้ ผลกระทบจากค่าก๊าซ ค่าเอฟที ไม่ได้มีผลแค่เพียงประชาชนทั่วไปที่ต้องแบกรับภาระค่าไฟ แต่ยังส่งผลกระทบกับโรงงานอุตสาหกรรม หรือนิคมอุตสาหกรรมที่ใช้ไฟฟ้าจากโรงไฟฟ้ารายเล็ก (SPP) เช่นกัน เพราะด้วยราคาก๊าซที่แพงขึ้น ทำให้โรงงานไฟฟ้าขนาดเล็กบางแห่งต้องหยุดเดินเครื่องไปด้วย เนื่องจากต้นทุนที่เพิ่มขึ้น ผู้ประกอบการ SPP เองก็พูดถึงความต้องการในการช่วยดูเรื่องต้นทุนการผลิต เพราะต้นทุนหลายๆ อย่างเพิ่มขึ้น และค่าเอฟทีเองก็ไม่สอดคล้องกับต้นทุนก๊าซธรรมชาติที่เพิ่มขึ้นด้วย นอกจากนี้ การหยุดเดินเครื่องของโรงไฟฟ้าขนาดเล็กก็ทำให้โรงงานในนิคมอุตสาหกรรมไม่ได้มีแหล่งสำรอง ระบบไฟฟ้าที่ใช้ในโรงงานก็อาจจะไม่มั่นคง ส่งผลต่อประสิทธิภาพการผลิต และทำให้ความสามารถในการแข่งขันของประเทศลดไปในที่สุด

“วันนี้ถ้าเรามาพูดเรื่องค่าไฟ ก็ต้องพูดเรื่องต้นทุน ค่าเอฟที ค่าก๊าซ ค่าเชื้อเพลิงการผลิต ที่จะส่งต่อผู้ใช้ไฟฟ้าที่ไม่ใช่แค่ประชาชนทั่วไป แต่ต้องรวมถึงโรงงานอุตสาหกรรม นิคมอุตสาหกรรมด้วย”