“พีระพันธุ์” ลั่น เลือกตั้งครั้งหน้าพร้อมกวาดทั้งภาคใต้ มุ่งช่วยแก้ปัญหาให้ประชาชน พร้อมหนุน “บิ๊กตู่” เป็นนายกฯ หากเป็นมติพรรครวมไทยสร้างชาติ โวมี ส.ส. จ่อย้ายซบเพียบ ปัดเป็น ปชป. สาขา 2

วันที่ 3 สิงหาคม 2565 นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ให้สัมภาษณ์ที่สโมสรราชพฤกษ์ ภายหลังการประชุมใหญ่วิสามัญพรรค และได้รับเลือกเป็นหัวหน้าพรรค ว่า สำหรับยุทธศาสตร์พรรคที่สำคัญคือการช่วยเหลือดูแลประชาชน เพราะวันนี้ประชาชนต้องการที่พึ่ง ต้องการให้คนเข้ามาแก้ปัญหาในชีวิต ในการดำรงชีพ การทำมาหากิน ที่ไม่เคยมีใครดูแล โดยเฉพาะประชาชนตัวเล็กๆ ชาวบ้านชาวนา เกษตรกร พนักงานกินเงินเดือน ที่เขามีปัญหาเยอะมาก วันนี้เขาไม่ได้ต้องการทีมเศรษฐกิจ แต่เขาต้องการคนที่จะแก้ไขปรับปรุงกฎหมายให้เขาได้อย่างไร เพื่อให้เขามีเงินทุนเดินหน้าต่อไปได้ไม่ต้องถูกล้มละลาย นี่คือนโยบายหลักของพรรคที่จะใช้เข้าหาประชาชน

จากนั้นผู้สื่อข่าวถามถึงเรื่องมีการเปิดตัว ส.ส. ไปแล้วนั้น นายพีระพันธุ์ กล่าวว่า ตนเองเพิ่งมารับตำแหน่งวันนี้ ยังไม่มีโอกาสไปเปิดตัวใคร คงต้องอีกสักพักหนึ่ง แต่มั่นใจได้เลยว่าจะมีผู้สมัคร ส.ส.เขตเป็นจำนวนมาก ซึ่งในทางการเมืองเรามองทั้งประเทศ มองในภาพรวม เมื่อถามต่อไปกรณีมีคนระบุว่าการเปิดตัวพรรควันนี้เป็นสาขา 2 ของพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) หรือไม่ นายพีระพันธุ์ ตอบว่า “ไม่เหมือนหรอก ผมนึกไว้แล้วว่าต้องถามแบบนี้ มีกี่คนที่ไม่ใช่ ปชป. ที่ผ่านมาเรามีพรรคการเมืองไม่กี่พรรค ที่นักการเมืองสังกัด เราก็มากันอย่างนี้ แต่วันนี้มันไม่ใช่ ปชป.2 อย่างกรรมการบริหารพรรค ก็ไม่ได้มีแค่ ปชป. มีทั้งคนหน้าใหม่ เป็นสิ่งที่สื่อพูดกันไปเอง ในความเป็นจริงมันไม่ใช่อยู่แล้ว”

...

ส่วนที่ นายถาวร เสนเนียม อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม และอดีตแกนนำ กปปส. มาแสดงความยินดีจะมีโอกาสร่วมงานกันหรือไม่ นายพีระพันธุ์ ระบุว่า “ผมกับพี่ถาวร รู้จักกันมา 30 ปี ถ้าเป็นพี่ถาวร ผมก็ไปแสดงความยินดี มันไม่เกี่ยวกันมันเป็นเรื่องน้ำใจ เราต้องมีน้ำใจต่อกันเท่านั้นเอง” สำหรับเรื่องที่มีนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดพัทลุง สุราษฎร์ธานี และชุมพร มาร่วมแสดงความยินดีจะเป็นพื้นที่เป้าหมายในการเลือกตั้งครั้งหน้าใช่หรือไม่นั้น นายพีรพันธุ์ ให้คำตอบ โดยมั่นใจว่าจะสามารถกวาด ส.ส. ได้ทั้งภาคใต้ เราจะต้องคาดหมายว่าเราจะชนะหมดทุกเขต

ผู้สื่อข่าวถามต่อไปว่าในอนาคตหากมีการเลือกตั้งจะมี ส.ส.ปชป. เข้ามาร่วมด้วยหรือไม่ นายพีระพันธุ์ บอกว่าเป็นเรื่องของอนาคต อย่างที่ถามถึง นายถาวร จะมาบอกว่าไม่มีการพูดคุยกันคงเป็นไปไม่ได้ เพราะรู้จักกันส่วนตัว แม้ตนออกจาก ปชป. มานานแล้ว แต่ในทางส่วนตัวเราก็เป็นมิตร เป็นเพื่อนกัน เราไม่ได้คบกันที่การเป็นพรรค แต่เราคบกันที่ใจ ฉะนั้นอยู่ตรงไหนก็คุยกันได้อยู่แล้ว

เมื่อถามว่าพรรครวมไทยสร้างชาติจะยังสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีหรือไม่ นายพีระพันธุ์ กล่าวว่า นโยบายแนวทางของพรรครวมไทยสร้างชาติไม่ได้สนับสนุนบุคคล แต่สนับสนุนแนวทางและการทำงานเดียวกัน ที่สำคัญคือ ชาติ ศาสน์ กษัตริย์ เราทำงานด้วยกันได้หมด ขณะที่คำถามว่าแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีจะเสนอ 1 หรือ 3 คน นายพีระพันธุ์ ระบุว่ายังไม่ถึงเวลาพิจารณาเพราะเพิ่งมาเป็นหัวหน้าพรรคไม่ถึง 1 วัน จะไปพูดแบบนั้นยังไม่ได้

นอกจากนี้ กรณีมีคนมองว่าพรรครวมไทยสร้างชาติตั้งมาเพื่อ พล.อ.ประยุทธ์ ได้ตำตอบจาก นายพีระพันธุ์ ว่า “ใครพูดละ ผมไม่เคยพูด เมื่อกี้ก็พูดชัดแล้วว่าพรรคนี้ทำเพื่อประชาชน เราตั้งพรรคการเมือง ไม่ได้ไปตั้งพรรคเพื่อไปสนับสนุนอะไรใคร พรรคการเมืองก็ต้องทำงานการเมือง” ผู้สื่อข่าวถามต่อไปถึงภาพจำก่อนที่จะมีการเปิดตัวพรรคที่มี นายเสกสกล อัตถาวงศ์ หรือ แรมโบ้อีสาน เป็นคนก่อตั้งพรรคนั้น นายพีระพันธุ์ กล่าวว่า ไม่เป็นไร ก็คิดกันไปเอง สื่ออยากจะคิดอย่างไรก็แล้วแต่สื่อ ตนจะเดินตามแนวทางที่ยืนหยัดมา

เหตุผลการตั้งชื่อพรรคว่ารวมไทยสร้างชาติ นายพีระพันธุ์ กล่าวว่า พวกเรามีความคิดและมีแนวทางเดียวกันว่าทำไมต้องทะเลาะกัน สังคมวันนี้ไม่ต้องการความแตกแยก หลายคนอาจมีวิธีทางแตกต่างกัน แต่เป้าหมายคือทำเพื่อชาติบ้านเมือง ก็คุยกันได้ ไม่ใช่แค่ว่าต้องเป็นคนที่รู้จัก คนที่เราสนิท แต่ต้องเลือกคนที่ดี มีอุดมการณ์เดียวกันเพื่อบ้านเมือง มารวมกันเพื่อทำให้สังคมดีขึ้น ให้มีความรักความสามัคคีปรองดอง ทำงานแก้ปัญหาประชาชน ลดความเหลื่อมล้ำ แก้ปัญหาความไม่เท่าเทียม สร้างความเสมอภาค ทำให้ประชาชนทุกกลุ่มเข้าถึงโอกาสอย่างเท่าเทียม ทั้งหมดทำให้เราคิดว่าต้องมารวมใจกันเพื่อชาติบ้านเมือง นั่นคือ รวมใจสร้างชาติ

เมื่อถามถึงการเข้าพบ พล.อ.ประยุทธ์ ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา เจ้าตัวบอกว่าไม่ใช่เรื่องการเมือง แต่ไปรายงานผลการทำงานในรอบเดือนที่ผ่านมา โดยได้บอก พล.อ.ประยุทธ์ ว่า วันที่ 3 ส.ค. จะมาทำหน้าที่ทางการเมือง ส่วนภารกิจที่ทำกับ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นภารกิจชาติที่ได้รับมอบหมาย ทำพรรคการเมืองเป็นเรื่องส่วนตัว และเราเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาก็ต้องกราบเรียนให้ท่านทราบ ซึ่งขณะนี้ยังไม่ลาออกจากตำแหน่งที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี เพราะยังทำหน้าที่อยู่

ผู้สื่อข่าวถามว่า หากมติพรรครวมไทยสร้างชาติเห็นชอบให้สนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกรัฐมนตรี พร้อมที่จะดำเนินการตามมติพรรคหรือไม่ ทำให้นายพีระพันธุ์ ตอบกลับทันทีว่า “จะเป็นพรรคไหนก็แล้วแต่ แม้แต่พรรคเพื่อไทย ถ้าเสียงสนับสนุนหรือมติของพรรค บอกว่าต้องสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ ทุกคนก็ต้องทำตามมติพรรค คำถามนี้เป็นเบสิก เราเดินและบริหารพรรคการเมืองตามข้อบังคับพรรค ไม่ได้บริหารตามอำเภอใจ การสนับสนุนหรือไม่สนับสนุนใครเป็นไปตามมติพรรคอยู่แล้ว”

ขณะเดียวกัน หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ ยังได้กล่าวถึงนโยบายการแก้ปัญหาเศรษฐกิจด้วยว่า ปัญหาเศรษฐกิจวันนี้ภาพรวมไม่ใช่แค่ปัญหาของประเทศ แต่เป็นปัญหาที่มีผลกระทบจากเศรษฐกิจโลก เกิดจากความขัดแย้งของยูเครน-รัสเซีย ที่ส่งผลกระทบต่อเนื่องมาจากสถานการณ์โควิด ต่อให้มีทีมเศรษฐกิจกี่ทีมก็แก้ไม่ได้ คนรับเคราะห์กรรมคือชาวบ้านที่เดือดร้อนเรื่องทำมาหากิน ดังนั้น สิ่งที่ต้องช่วยกันคือช่วยลดภาระพวกเขา ช่วยให้ผ่านช่วงเวลานี้ไปให้ได้ ส่วนตัวมีความเชื่ออยู่ว่า ทุกวันนี้เราเดินได้ด้วยภาคเอกชน ไม่ใช่ภาครัฐ ภาครัฐมีหน้าที่สนับสนุนผ่อนคลายหลักเกณฑ์ นั่นคือสิ่งที่เราต้องเข้าไปปรับปรุงแก้ไข

“วันนี้ชาวบ้านไม่ได้สนว่าด็อกเตอร์ไหนจะมา หรือด็อกเตอร์ไหนจะไป แต่พวกเขาต้องการรู้ว่า แนวทางรัฐจะช่วยเหลือพวกเขาได้อย่างไร”

เมื่อถามต่อไปว่าจะต้องมี ส.ส. ในมือเท่าไรถึงจะสามารถขับเคลื่อนนโยบายพรรคได้ นายพีระพันธุ์ เผยว่า ถ้ามีจำนวนพอสมควรที่พอจะเข้าร่วมรัฐบาล ก็สามารถนำแนวทางไปสู่การปฏิบัติได้เป็นปกติอยู่แล้ว ดังนั้นขอให้สื่อช่วยสนับสนุนด้วย ส่วนเรื่องสูตรคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ระหว่างหาร 100 กับหาร 500 จะผลกับพรรครวมไทยสร้างชาติหรือไม่ นายพีระพันธุ์ ย้ำว่า เรื่องนี้มีผลเกี่ยวข้องกับบัญชีรายชื่อเท่านั้น แต่ไม่ว่าจะหารเท่าไรเขตก็คือเขต เราไม่ได้เน้นแต่บัญชีรายชื่อ แต่เราเน้นทั้ง 2 บัญชี ไม่ว่าจะเป็นอย่างไรก็ต้องพร้อม เรามีความพร้อมในการส่งผู้สมัคร ส.ส.เขต และเชื่อว่าจะสามารถผ่านการเลือกตั้งได้ แต่บางคนยังเปิดตัวไม่ได้เพราะยังเป็น ส.ส.อยู่

อย่างไรก็ตาม เมื่อถามย้ำว่าขณะนี้มี ส.ส. ที่ตกปากรับคำจะมาอยู่กับพรรครวมไทยสร้างชาติแล้วมากน้อยแค่ไหน หัวหน้าพรรคตอบว่า “ยังไม่อยากบอก เอาเป็นว่าเยอะแล้วกัน”