รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ยัน กฎหมายลูกเลือกตั้ง ส.ส. จะให้ถูกต้องตามรัฐธรรมนูญ มันต้องเป็นหาร 100 ชี้ หากพิจารณาไม่ทัน 180 วัน ต้องกลับไปใช้ร่างแรก ภาวนาให้ทันก่อนเลือกตั้ง

วันที่ 2 ส.ค. 2565 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสาธิต ปิตุเตชะ รมช.สาธารณสุข และรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ พิจารณากฎหมายลูก ให้สัมภาษณ์ถึงเรื่องการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.ว่า เราต้องทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุด แต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับวิปว่าจะเลื่อนวาระการพิจารณาร่างดังกล่าวขึ้นมาได้หรือไม่ เมื่อถามว่า จะพิจารณาทันก่อนครบ 180 วัน คือวันที่ 15 ส.ค.หรือไม่ นายสาธิต กล่าวว่า ตนตอบไม่ได้ว่าทันหรือไม่ แต่ขึ้นอยู่กับสมาชิก ทราบว่าเมื่อวันที่ 1 ส.ค. วิปร่วมรัฐสภายังไม่มีมติที่จะให้เลื่อนคงต้องรอ แต่เราพร้อมแล้ว ในส่วนของ กมธ.พร้อมที่จะแก้ให้สอดคล้องกับสิ่งที่ที่ประชุมใหญ่ได้เปลี่ยนจากหาร 100 มาเป็นหาร 500 แต่ กมธ.เสียงข้างน้อยยังยืนยันว่าถ้าจะให้ถูกต้องตามรัฐธรรมนูญ มันต้องเป็นหาร 100

นายสาธิต กล่าวว่า กระบวนการมีแนวทางดังนี้ คือถ้าพิจารณาไม่ทัน 180 วัน ต้องกลับไปใช้ร่างแรก กังวลว่าถ้าเป็นร่างนี้ตนเสียดายสิ่งที่ กมธ.ทำมา แต่ถ้าทำทันก่อน 180 วัน คือหาร 500 ไปสู่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องและเขาเห็นว่ามันปฏิบัติไม่ได้ต้องส่งไปที่รัฐสภา ซึ่งรัฐสภาต้องมาแก้ไขเนื้อหาให้กลับไปเป็นเหมือนที่ กมธ.ร่างปรับปรุงเสร็จเรียบร้อยแล้ว ตรงนี้จะเป็นสิ่งที่ กมธ.มีความสุขที่สุด เพราะทำให้เกิดความสมบูรณ์มากที่สุด เมื่อถามว่า ถ้าผ่านไปแล้ว กกต.เห็นด้วยกับสูตรหาร 500 และมีการร้องกันทีหลังจะทำให้เกิดความวุ่นวายไปใหญ่หรือไม่ นายสาธิต กล่าวว่า มันอาจทำให้เสียเวลาในแง่ที่จะต้องเดินไปที่ศาลรัฐธรรมนูญ และศาลรัฐธรรมนูญต้องไปวินิจฉัยว่าจำนวน 500 มันไม่ชอบ ก็ต้องกลับมาที่รัฐสภาเหมือนเดิม ซึ่งมันจะทันกับสภาหรือไม่ ตนไม่รู้ เมื่อถามว่า จะทันกับการเลือกตั้งหรือไม่ นายสาธิต กล่าวว่า ต้องดูไทม์ไลน์ว่าเป็นอย่างไร แต่ก็ภาวนาให้มันทันเพราะเหลือเวลาอยู่ 3-4 เดือน อยากให้มันทัน แต่ถ้าจะอาศัยกลไกสภาก็ต้องก่อนปิดสมัยประชุมเดือน ก.ย. เมื่อถามว่า จะมีส่วนใดที่จะกลายเป็นเดดล็อกได้บ้าง นายสาธิต กล่าวว่า สำหรับเดดล็อกทางการเมือง สมมติว่าเกิดอุบัติเหตุยุบสภาก่อน และกฎหมายยังค้างอยู่และยังไม่มีการออก พ.ร.ก. เรื่องนี้ตนคิดว่าทางฝ่ายกฎหมายของรัฐบาลจะดูอยู่แล้วว่ามีช่องทางไหน ส่วนตัวอยากให้แต่ละช่องทางนั้นเป็นช่องทางที่เกิดความมีส่วนร่วมมากที่สุด ไม่เช่นนั้นหลังการเลือกตั้งจะมีปัญหาเกิดขึ้นอีก แต่ถ้ากติกาที่ออกมาทุกฝ่ายยอมรับ ใครก็จะมาอ้างอะไรไม่ได้แล้ว เพราะเสียงของประชาชนจะเป็นผู้ตัดสิน.

...