15 ส.ค.65 ครบ 180 วันเดดไลน์...กรอบเวลากฎหมายลูก 2 ฉบับจะต้องเสร็จเรียบร้อย มิฉะนั้นก็จะตกไป จะทำให้เกิดความยุ่งยากทางการเมืองเรื่อง เลือกตั้งเพราะไม่มีกฎหมายรองรับ
ทางออกมีอยู่ 2 ประเด็น...
1.เริ่มต้นกระบวนการกันใหม่
2.รัฐบาลออก พ.ร.ก.แล้วประกาศใช้
ฉะนั้นเพื่อไม่ให้เกิดปัญหารัฐสภาจะต้องพิจารณาให้เสร็จเรียบร้อยในเงื่อนไขเวลาที่กำหนด ซึ่งเหลืออีกเพียงไม่กี่มาตราเท่านั้น 2-3 ส.ค.65 จะมีการพิจารณาเรื่องนี้
ประเด็นที่เป็นปัญหาก็คือ สาระของกฎหมายนี้ที่ยังไม่สะเด็ดนํ้า เนื่องจากเกิดความเห็นที่ต่างกันทั้งหารด้วย 100 หารด้วย 500 และบัตรเลือกตั้งใบเดียวหรือ 2 ใบ
ที่ค้างอยู่ในสภาก็คือที่มาของปาร์ตี้ลิสต์หารด้วย 500 ที่จะ ต้องมีมติว่าจะเอาหรือไม่เอา ถ้าเอาแล้วจะเกิดอะไรขึ้น
ต้องฟังเสียงจาก กกต.และศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยชี้ขาด
ที่มาแรงทำท่าจะแซงโค้งก็คือจะมีการแก้ไขจากบัตร 2 ใบ หันกลับไปใช้บัตรใบเดียว ซึ่งยังไม่มีใคร พรรคไหนออกตัวว่า จะต้องการแบบนี้
แต่ฟังเสียงจาก ส.ส.หลายพรรคยังยืนยันว่ายังต้องการใช้บัตร 2 ใบที่มีมติไปแล้วที่ยังไม่ออกความเห็นต้องการบัตรใบเดียว ยังไม่มีใครแสดงตัว
มีก็แต่บอกว่าอะไรก็ได้พร้อมไม่ว่ากติกาจะออกมาอย่างไร
เอาให้ถึงที่สุดแนวทางและความเป็นไปต่างๆในเรื่องนี้คงขึ้นอยู่กับฝ่ายรัฐบาลที่กุมอำนาจอยู่ว่าต้องการจะให้เป็นไปอย่างไร
ประเด็นที่เกิดความสับสนวุ่นวายเปลี่ยนไปเปลี่ยนมานั้นก็มีเพียงเหตุผลเดียวคือความได้เปรียบเสียเปรียบในการเลือกตั้ง
ยิ่ง “เพื่อไทย” วางเข็มมุ่งเพื่อไปสู่การแลนด์สไลด์อย่างตํ่า 250 เสียง หากกฎกติกาเอื้ออำนวยก็มีความเป็นไปได้
เพื่อสกัดก็ต้องหาวิธีป้องกันด้วยการอาศัยกติกา
...
ผลจะออกมาอย่างไร แนวคิดจะไปทางไหน การประชุมรัฐสภาจะเป็นตัวเปิดสำคัญทำให้รู้ว่าใครต้องการแบบไหน
และเสียงสมาชิกรัฐสภาจะเป็นตัวชี้ขาด
ทั้งหลายทั้งปวงผลประชุมของรัฐสภาที่จะออกมานั้นก็ต้องส่งให้ กกต.และศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าขัดรัฐธรรมนูญหรือไม่ นำไปปฏิบัติได้หรือไม่
ไม่ว่าผลจะออกมาอย่างไรแนวปฏิบัติก็ต้องผ่านขั้นตอนจาก 2 องค์กรนี้จึงจะเดินหน้าต่อไปได้อย่างการหารด้วย 500 นั้น มองตรงกันว่าน่าจะขัดรัฐธรรมนูญ
รัฐสภาก็จะต้องนำไปแก้ไขและจะขยายประเด็นว่าด้วยเรื่องบัตรใบเดียวก็ต้องว่ากันตรงนี้ ซึ่งจะทำให้การดำเนินการยุ่งยากและใช้เวลาอีกพอสมควร
เว้นแต่จะแก้เป็นหารด้วย 100 เพียงอย่างเดียวก็จะเร็วขึ้น
ว่ากันโดยสรุปแล้วผลสุดท้ายจะออกมาอย่างไรคงขึ้นอยู่กับฝ่ายรัฐบาลเป็นด้านหลักเพราะมีอำนาจและมีเสียงสนับสนุนมากกว่า
แต่อย่าไปคาดหวังว่าจะได้กฎกติกาที่เป็นสากลและเป็นธรรมต่อทุกฝ่าย เพราะการเมืองไม่ต่างกับเกมที่วัดด้วย “แพ้-ชนะ”
ไม่ใช่เพื่อประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชน!
“สายล่อฟ้า”