กติกายังไม่นิ่ง ร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.จนถึงป่านนี้ยังไม่เสร็จเรียบร้อย ต้นปีหน้าก็จะเลือกตั้งอยู่แล้ว รัฐบาลนอกจากจะขยับแก้รัฐธรรมนูญช้า แถมกระบวนการยังเดินหน้าอืดอาด เหมือนรอดูสถานการณ์ไปเรื่อยๆ เพราะมองว่าเรื่องนี้สำคัญต่ออนาคต มีผลทั้งการต่อสู้ในสนามเลือกตั้ง และโอกาสกลับมาเป็นรัฐบาลอีกครั้ง

ถ้าการแก้รัฐธรรมนูญมีธงอยู่ที่ประชาธิปไตย จะไม่มีอะไรยุ่งยากซับซ้อน และ พ.ร.บ.เลือกตั้ง ส.ส.คงจะเสร็จไปนานแล้ว เพราะรัฐธรรมนูญฉบับปี 60 เคยผ่านการใช้เลือกตั้งเมื่อ ปี 2562 ทุกคนในประเทศนี้ ได้เห็น ได้สัมผัสกันหมดแล้ว ดีร้ายยังไง มีข้อบกพร่องตรงไหน นักการเมืองเองรู้ดีที่สุด จำเป็นต้องปรับปรุงแก้ไขจุดใดบ้าง ไม่ใช่เรื่องยากที่จะประเมิน

แต่สิ่งที่เห็นและเป็นอยู่แนวทางการแก้ไขรัฐธรรมนูญของรัฐบาล โดยเฉพาะผู้มีอำนาจเบอร์ใหญ่ๆ ไม่ได้มีความคิดอ่านเพื่อนำพาประชาธิปไตยกลับคืนมา หรือพัฒนา ก้าวหน้าต่อไป สิ่งที่ควรจะแก้ก็เหมือนไม่อยากแก้ ทำเฉยไม่สนใจ แต่กลับพุ่งเป้าไปที่ประเด็นผลลัพธ์เชิงการเมืองและอำนาจ แล้วก็เดินเกมแก้ไขไปตามหลักคิดที่ว่าตัวเอง จะได้เปรียบ

รัฐธรรมนูญฉบับที่แก้ไขกันไปแล้ว แม้จะใช้ได้ก็คงไม่นาน รอเวลาแก้ซ้ำ เพราะเขียนเพื่อเอาเปรียบ ไม่ได้ยึดหลักประชาธิปไตย แต่ก็เข้าใจได้ระดับหนึ่งที่มาที่ไป ของรัฐบาลชุดนี้เป็นอย่างไร การคาดหวังให้เติมเต็มประชาธิปไตยจึงเป็นเรื่องยาก แต่กระนั้นก็ไม่ควรปู้ยี่ปู้ยำกฎหมายของประเทศ เปลี่ยนไปเปลี่ยนมา ด้อยค่าจนไร้ความศักดิ์สิทธิ์

เข้าใจว่าแกนนำรัฐบาลยังคงสับสนสถานะตัวเองว่าเป็นเผด็จการหรือประชาธิปไตยกันแน่ บริบทชั่วโมงนี้ก็อยากมีความเป็นประชาธิปไตย เพื่อความสง่างามในสังคมไทยและสังคมโลก แต่เผอิญว่าการจัดการยังติดอยู่กับรูปแบบอำนาจนิยม โดยสะท้อนให้เห็นชัดผ่านวิธีการแก้รัฐธรรมนูญ และการร่างกฎหมายเลือกตั้ง ส.ส.ที่ยังอลเวง ตามใจฉัน

...

การจะเปลี่ยนกติกากลับไปกลับมา ไม่ง่ายเหมือนอดีต ที่มีมาตรา 44 ทุกอย่างต้องมีขั้นตอนกระบวนการ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้นักการเมืองทั้งฝ่ายค้าน ฝ่ายรัฐบาล หรือแม้แต่ ส.ส.พรรคพลังประชารัฐเอง ก็แสดงความไม่เห็นด้วยแทบทั้งสิ้น เพราะคนเคยยึดอำนาจ เคยมีอำนาจพิเศษ วิธีคิดย่อมแตกต่างจากวิถีนักการเมืองในระบอบประชาธิปไตย

สถานการณ์มันจึงเป็นอย่างที่เห็น ประชาธิปไตยไทยยังมีเพียงครึ่งใบ หรืออาจจะไม่ถึงด้วยซ้ำ กติกาผิดทิศผิดทาง บางครั้งก็วกวนกลับหัวกลับหาง เพื่อชิงความได้เปรียบทางการเมือง แต่ก็ต้องเดินหน้า กันแบบนี้ต่อไปก่อน เพราะไม่มีทางเลือก ดังนั้น ถ้ามีโอกาสตัดสินใจเลือกทางเดิน ให้ประเทศผ่านการเลือกตั้ง ต้องทบทวนอดีต เพื่ออนาคตที่ดีกว่าเดิม.