ระหว่างสูตร คำนวณ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ หาร 500 กับหาร 100 ที่จะมีการนำเข้าสู่การพิจารณาของสภาในวันที่ 2-3 ส.ค.นี้ พลิกสูตรของกรรมาธิการวิสามัญพิจารณากฎหมายลูกว่าด้วยการเลือกตั้ง ที่เดิมที่จะให้เอา 100 หาร เพราะลงตัวที่สุดเมื่อ ส.ส.บัญชีรายชื่อมี 100 คนก็เอา 100 หาร ปรากฏว่าในการพิจารณาวาระ 2-3 ที่ประชุมกลับไม่เห็นด้วยกับร่างของกรรมาธิการฯเสียงส่วนใหญ่ ทั้งๆที่เป็นร่างของรัฐบาลด้วยซ้ำ หันไปโหวตให้ 500 หาร มี ส.ส.นักกฎหมาย และกรรมาธิการฯหลายคน ยืนยันว่า เป็นการขัดกับรัฐธรรมนูญ จะต้องส่งให้ ศาลรัฐธรรมนูญ ตีความ สุดท้ายกลับตาลปัตร นอกจากยังเงียบกริบ มีการกลับมา เรียกประชุมกรรมาธิการฯกันใหม่ ทั้งที่จบภารกิจไปแล้ว และให้มีการ แก้มาตราอื่นที่ขัดกับหาร 500 ให้สอดคล้องไม่ขัดกับรัฐธรรมนูญ แก้โจทย์การขัดกับรัฐธรรมนูญเอาไว้ล่วงหน้า


เท่านั้นยังไม่พอ คิดไปคิดมาจะเสนอให้แก้เป็นแบบเดิมคือ บัตรเลือกตั้งใบเดียว พยายามดึงๆให้เกินวันที่ 15 ส.ค.ตามกรอบของกฎหมาย การแก้รัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. ตกไปก็ไปเริ่มต้นร่างกันใหม่ หรือกลับไปใช้อันเก่า คิดไปคิดมาอีกที ใช้บัตรเลือกตั้งแบบใบเดียวก็จะแพ้พรรคคู่แข่งกราวรูดกว่าเดิม เลยให้ไปจบที่ บัตรเลือกตั้งสองใบ แต่ใช้ 500 หาร ไปแก้มาตราอื่นให้สอดคล้องกับการใช้ 500 หาร ถือว่าเป็นการแก้รัฐธรรมนูญแบบฉ้อฉลมีลับลมคมในและหนีไม่พ้นการตีความเช่นกัน

สาเหตุมาจากถ้าใช้ 100 หาร กลัวพรรคใหญ่จะใหญ่กว่า ได้ ส.ส.มากกว่า และพรรคเล็กจะสูญพันธุ์ เนื่องจากจะทำให้ สัดส่วน ส.ส.บัญชีรายชื่อ 1 คน จะต้องมีคะแนนพรรคถึง 3 แสนคะแนนขึ้นไป

แต่ถ้าใช้ 500 หาร พรรคขนาดกลางยังได้ประโยชน์ สัดส่วนคะแนนพรรคการเมืองที่จะได้ ส.ส.บัญชีรายชื่อก็จะลดลงมาเยอะ อยู่ที่ประมาณ 7-8หมื่นคะแนนเท่านั้น และจะทำให้พรรคขนาดใหญ่ได้ ส.ส.น้อยลงไปด้วย

...

แต่บัตรเลือกตั้ง สองใบ คือให้ประชาชนเลือกพรรค 1 ใบ และเลือก ส.ส.เขตอีก 1 ใบ ถึงจะให้วิธีคำนวณปัดส่วน อย่างไรก็ตาม ทางแก้ของพรรคการเมืองขนาดใหญ่ ยังสามารถ แตกแบงก์พัน ออกมา เพื่อเอา ส.ส.แบบสัดส่วน โดยเฉพาะ ยิ่งจะทำให้พรรคใหญ่และพันธมิตรมีจำนวน ส.ส.เพิ่มมากขึ้นกว่าเดิมด้วยซ้ำ

เมื่อดูจากฐานคะแนนเดิมแล้ว เพื่อไทย ก้าวไกล จับมือกันร่วมกับพรรคขนาดกลางๆ ก็ยังมีจำนวน ส.ส.มากกว่า 251 เสียงวันยังค่ำ เพราะฉะนั้น พลังประชารัฐ ภูมิใจไทย ประชาธิปัตย์ และ ชาติไทยพัฒนา ก็ต้องแตกแบงก์พันเช่นกันเพื่อแย่งคะแนนลำดับที่สองในแต่ละเขต

ดังนั้น การแพ้ชนะในการเลือกตั้งเที่ยวนี้ จะขึ้นอยู่กับ จำนวน ส.ส. แบบบัญชีรายชื่อเป็นหลัก คะแนนพรรคการเมือง จึงเป็นตัวแปรมากกว่า คะแนน ส.ส.เขต

แต่อย่าลืมว่า เดิมพันการเลือกตั้งครั้งต่อไปอยู่ที่ระบอบประยุทธ์ กับฝ่ายประชาธิปไตย การเทคะแนนในการเลือกตั้งซ่อมหรือการเลือกตั้งท้องถิ่น ผู้ว่าฯ กทม.ยังเป็นภาพที่ติดตา นักเลือกตั้ง ยิ่งดูถูกประชาชนมากเท่าไหร่

ก็ยิ่งแลนด์สไลด์เท่านั้น.

หมัดเหล็ก
mudlek@thairath.co.th