ไม่ต้องขอก็พึ่งได้...ทีเซอร์พรรครวมไทยสร้างชาติ ซึ่งจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการในวันที่ 3 ส.ค.65 ด้วยการเลือกตั้งกรรมการบริหารพรรค การเปลี่ยนแปลงข้อบังคับพรรค ตราสัญลักษณ์ และกรรมการสรรหา ผู้สมัครเลือกตั้ง

พรรคการเมืองใหม่พรรคเคยเป็นข่าวมาก่อนนานพอสมควรในช่วงที่ “3 ป.” เกิดปัญหายุ่งๆในพรรคพลังประชารัฐ

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ตอนนั้นทำท่าจะเคว้ง เพราะอาจจะมีปัญหาไม่มีพรรคการเมืองไหนซัพพอร์ตที่จะเสนอชื่อเป็นนายกฯ

จึงมีการเตรียมการที่จะต้องหาพรรคการเมืองมารองรับในนั้น คือรวมไทยสร้างชาติที่มีแรมโบ้อีสานถือครองพรรคอยู่

แต่พอสถานการณ์เปลี่ยนไปเมื่อ “บิ๊กป้อม” สามารถกุมสภาพพลังประชารัฐได้เต็มไม้เต็มมือ การเปิดตัวอย่างเป็นเรื่องเป็นราวก็เลยหยุดชะงักไป

“3 ป.” กลับมาลุยพร้อมหน้าพร้อมตาอีกครั้ง โดย พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ประกาศชัดเจนว่ายังสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ต่อไป

เสนอชื่อ “บิ๊กตู่” ให้เป็นนายกฯ

นั่นเท่ากับว่า พล.อ.ประยุทธ์ไม่ต้องไปโหยหาพรรคการเมืองไหนสังกัด ซึ่งจริงๆแล้วมันก็ต้องเป็นไปอย่างนี้ เพียงแต่มีปัญหา บังตานิดหน่อยเท่านั้น

“รวมไทยสร้างชาติ” นั้นได้มีการวางตัวนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ที่ปรึกษานายกฯ อดีตแกนนำคนสำคัญของประชาธิปัตย์แต่ได้ลาออกมา เนื่องจากปัญหาความขัดแย้งภายใน

พล.อ.ประยุทธ์จึงตั้งให้เป็นที่ปรึกษานายกฯและทำงานร่วมกับพลังประชารัฐ ซึ่งเป้าหมายจริงๆคือจะให้มาเป็นหัวหน้าพรรคการเมือง ซึ่งก็คือรวมไทยสร้างชาตินี่แหละ...

อย่าลืมว่ามีนักการเมืองหลายคนที่เคยเป็นแกนนำ กปปส.ได้เข้ามาร่วมงานการเมืองในพลังประชารัฐ (ส่วนใหญ่แล้วเคยอยู่ ปชป.มาก่อน)

...

แต่หลายคนมีปัญหาเพราะมีคดีในศาล จึงต้องออกจากพลังประชารัฐแต่ยังเกาะกลุ่มกันอยู่รวมถึง กปปส.คนอื่นๆด้วย

ต้องไม่ลืมว่าพวกนี้เป็นนักการเมืองประเภทนํ้าดีได้รับการยอมรับ แต่ไม่สามารถกลมกลืนไปกับพลังประชารัฐได้

การมาตั้งพรรคการเมืองใหม่จึงเหมาะสมด้วยประการทั้งปวง

สนับสนุนให้ “บิ๊กตู่” เป็นนายกฯไม่ต่างกับแนวคิดของ “สุเทพ เทือกสุบรรณ” จ่าฝูงของ กปปส.ที่มีพรรคการเมืองในสังกัด

ทิศทางของพรรคการเมืองนี้นอกจากเป็นพรรคพี่พรรคน้องของพลังประชารัฐแล้ว การเลือกตั้งจะมุ่งไปทางไหนก็ขึ้นอยู่กับกฎกติกาว่าจะออกมาแบบไหน

แต่ชื่อชั้นทางการเมืองแล้วน่าจะได้ ส.ส.เข้ามาพอสมควร

เป็นอีกกลไกหนึ่งที่จะทำให้ “3 ป.” มีโอกาสที่จะต่ออายุด้วยการตั้งรัฐบาลใหม่หลังการเลือกตั้งทำให้เสียงสนับสนุนเหนือกว่าอีกขั้วหนึ่ง

แต่ปัญหาที่ยังจบไม่ลงคือเรื่องกฎกติกาว่าจะออกหัวออกก้อย อย่างไรแน่ เพราะหากดิ้นรนมากเกินพอดีอาจจะนำไปสู่ความขัดแย้งได้

พรรคร่วมรัฐบาลก็เริ่มจะขัดแย้งกันแล้ว

ฝ่ายค้านก็ตั้งป้อมไม่เห็นด้วย โดยเฉพาะการจะเปลี่ยนจากบัตร 2 ใบหันกลับไปใช้บัตรใบเดียวแทน

เกรงว่าปัญหาจะบานปลายสร้างความไม่พอใจให้กับประชาชนได้!

“สายล่อฟ้า”