พรรคการเมืองมักจะยึดคติมือใครยาวสาวได้สาวเอา พรรคการเมืองชอบพรรคใหญ่ๆ เงินหนา พรรคการเมืองส่วนใหญ่ชอบระบบ 100 เสียง กล่าวคือ ตามหลักการที่ว่าพรรคที่ได้คะแนนเสียง 100 เสียงถือว่าเป็นผู้ชนะตามหลักการเลือกตั้ง

แต่ยังมีผู้มีอำนาจพยายามบิดเบือนความจริงด้วยการอ้างว่าระบบหารด้วย 500 เป็นระบบที่ถูกต้อง ทั้งๆที่การคำนวณหา ส.ส. ทั้งแบบบัญชีรายชื่อและระบบแบ่งเขตจะต้องยึดหลักการที่ว่า ส.ส.แบบแบ่งเขตมี 400 คน และ ส.ส.บัญชีรายชื่อมี 100 คน

การเลือกตั้ง ส.ส. ทั้ง 2 ประเภท ได้แบ่งแยกกันชัดเจน ส.ส.เขต/เลือกตั้งจากผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งในเขตเลือกตั้ง ส่วน ส.ส.บัญชีรายชื่อ 100 คน มาจากสัดส่วนคะแนนที่ได้รับจากการเลือกตั้ง

เป็นไปตามหลักการเลือกตั้งที่ว่า “พรรคเลือกคน ประชาชนเลือกพรรค” ประชาชนมีสิทธิ์ที่จะเลือกทั้ง ส.ส.แบบแบ่งเขตและ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ เป็นระบบที่ยึดถือกันมาช้านาน ตามรัฐธรรมนูญ 2540

ระบบ “พรรคเลือกคน ประชาชนเลือกพรรค” เป็นระบบการเลือกตั้งที่ถูกต้อง เพราะประชาชนมีสิทธิ์เลือกทั้ง ส.ส.เขต และ ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ แม้แต่ ส.ส.วีระกร คำประกอบ แห่งพรรคพลังประชารัฐ แกนนำรัฐบาล ก็คัดค้านสูตรหาร 500 และ ส.ส.พรรครัฐบาลส่วนใหญ่ เช่น พรรคประชาธิปัตย์ เป็นต้น ก็คัดค้านการหารด้วย 500 เช่นกัน

พรรคประชาธิปัตย์เป็นตัวตั้ง ตัวตีในการผลักดันการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพื่อให้เป็นประชาธิปไตยยิ่งขึ้น และสามารถผลักดันให้การแก้ไขรัฐธรรมนูญได้สำเร็จ และผลักดันให้เป็นนโยบายสำคัญของรัฐ แต่ก็สามารถแก้ไขได้แค่ประเด็นบัตรเลือกตั้ง 2 ใบ ซํ้ายังมีพรรครัฐบาลพยายามจะแก้ไขให้กลับไปใช้บัตรเลือกตั้งใบเดียว

ทั้งๆที่นโยบายการแก้ไขรัฐธรรมนูญของพรรคประชาธิปัตย์เป็นนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาลที่จะต้องทำให้เสร็จสิ้นภายใน 1 ปี น่าเสียดายที่การแก้ไขรัฐธรรมนูญแค่นี้ก็ทำไม่สำเร็จ แล้วจะมาอ้างว่า “ทำทุกอย่างเพื่อประชาชน”.

...