ปชป.-ชทพ.เมินสูตรเด็ดบิ๊กรัฐบาล กลับหลังหันใช้บัตรเลือกตั้งใบเดียว “ชัยชนะ” แฉแกนนำรัฐบาลกับ ส.ส.บางรายกลัวไม่ได้เข้าสภาฯ ดิ้นพลิกแพลงหาวิธีพิสดารให้ได้กลับมา เฉ่งยับมัดมือชกประชาชน ป่วนรัฐสภาเละเป็นสภาโจ๊ก “วราวุธ” ชูธงเตี่ยบรรหารลุยบัตรสองใบ เตือนเหลือ 8 เดือนเร่งทำงานโกยคะแนนดีกว่า แก้ รธน.ยังไม่ถึงปีมากลับลำ “นิโรธ” ปัดวุ่นใบสั่ง “บิ๊กป้อม” โบ้ยป้ายสีหัวหน้าพรรคด้อยค่า พปชร. ชี้วนไปใช้บัตรใบเดียวมันไกลมาก รื้อ รธน.ยุ่งยาก พท.กระแทกซ้ำ “สุทิน” บอกแรงต้านดังกระหึ่มเชื่อไปต่อไม่ได้ สวดรัฐบาลตัวการยื้อกฎหมายลูก “นพดล” จวกล้าหลังกลับไป กลับมาไร้เหตุผล “ก้าวไกล” ราวีต่อจ่อยื่น ป.ป.ช.ฟัน “ศักดิ์สยาม” ยื่นทรัพย์สินเป็นเท็จ
กระแสต่อต้านแนวคิดของแกนนำรัฐบาลที่แจ้งต่อแกนนำพรรคร่วมรัฐบาลว่าต้องการจะให้แก้รัฐธรรมนูญ เพื่อไปแก้กติกาย้อนกลับไปใช้บัตรเลือกตั้งใบเดียวมีออกมาอย่างต่อเนื่องโดยพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กับพรรคชาติไทยพัฒนา(ชทพ.)ยืนยันท่าทีชัดเจนต้องการให้ใช้บัตรเลือกตั้ง 2 ใบต่อไป
ปชป.ฉะแกนนำ รบ.-ส.ส.ต้นตอป่วน
เมื่อวันที่ 29 ก.ค.นายชัยชนะ เดชเดโช ส.ส.นครศรีธรรมราช รองเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กล่าวถึงกรณีมีแนวคิดเปลี่ยนกติกาการเลือกตั้ง ส.ส.ช่วงชิงความได้เปรียบทางการเมืองว่า การเลือกตั้งครั้งต่อไปที่คาดว่าจะมีขึ้นในปี 2566 จะมี ส.ส. 2 ประเภท คือ ส.ส.เขต 400 คน และ ส.ส.บัญชีรายชื่อ 100 คน ใช้บัตรเลือกตั้ง 2 ใบ เบอร์ผู้สมัคร ส.ส.เขตและบัญชีรายชื่อจะไม่ใช้เบอร์เดียวกัน วิธีการได้มาซึ่ง ส.ส.บัญชีรายชื่อ สมาชิกรัฐสภาได้คล้อยตามที่ นพ.ระวี มาศฉมาดล ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคพลังธรรมใหม่ อภิปรายแสดงเหตุผลคือใช้จำนวน ส.ส.ทั้งหมด 500 คน นำไปหารคะแนนเสียงทั้งหมดในการเลือกตั้ง จะได้ค่าเฉลี่ย ส.ส.บัญชีรายชื่อ 1 คน เหลือเพียงรายละเอียดที่ต้องแก้ไขให้สอดคล้องกับวิธีการดังกล่าวเท่านั้น คาดว่าจะสามารถครบกำหนดตามที่วางไว้คือวันที่ 15 ส.ค. แต่มีความเคลื่อนไหวของแกนนำรัฐบาลและ ส.ส.บางรายที่เห็นว่าถ้าเดินตามสูตรที่กำลังพิจารณากัน อาจทำให้ตัวเองหมดโอกาสกลับเข้าไปทำหน้าที่ ส.ส.สมัยหน้า จึงเสนอกลับไปใช้วิธีการเดิมที่ใช้กันมาในการเลือกตั้งเมื่อปี 2562 ใช้บัตรใบเดียวมัดมือชกประชาชนให้เลือกทั้ง ส.ส.เขตและบัญชีรายชื่อ และวิธีคิดคำนวณที่พิสดาร ไม่มีมาตรฐานแน่นอน
...
เฉ่งมัดมือชก ปชช. สร้างสภาโจ๊ก
นายชัยชนะกล่าวต่อว่า แกนนำรัฐบาลและ ส.ส.ที่กลัวว่าจะสอบตก ไม่ควรพลิกแพลงหาวิธีการพิสดารพันลึกใดให้ได้รับชัยชนะ หรือเพื่อให้ตัวเองกลับมาเท่านั้น เพราะที่สุดประชาชนจะเป็นผู้ตัดสินใจในการเลือกตั้งการเคลื่อนไหวในลักษณะที่ถึงขั้นจะกลับไปแก้ไขรัฐธรรมนูญใหม่ เพื่อใช้บัตรใบเดียว กระทบต่อภาพลักษณ์ของรัฐสภาชุดนี้จะกลายเป็นสภาโจ๊กในสายตาประชาชน เพื่อสนองความ ต้องการตัวเอง ความเคลื่อนไหวจะปัดฝุ่นนำวิธีการนี้มาสร้างความได้เปรียบให้ตัวเอง สร้างความสับสนและสงสัยจากประชาชน มองว่าสภาฯชุดนี้กำลังจะกลายเป็นสภาโจ๊กกลับไปกลับมาเอาแน่นอนไม่ได้ เมื่อขณะนี้การแก้ไขพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.ใกล้มาถึงขั้นพิจารณาวาระสามแล้ว ควรให้ลงมติให้เสร็จสิ้นเสียก่อน ยังมีขั้นตอนให้ส่งร่างกฎหมายที่เห็นชอบแล้วไปยังศาลฎีกา ศาลรัฐธรรมนูญหรือองค์กรอิสระที่เกี่ยวข้องให้ความเห็นภายใน 10 วันนับตั้งแต่รับเรื่อง หากไม่ทักท้วงให้รัฐสภาดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป และยังมีช่องทางการยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความอีก ถ้าศาลรัฐธรรมนูญเห็นว่าขัดรัฐธรรมนูญ รัฐสภาต้องปฏิบัติตามคำวินิจฉัย เร่งรีบพิจารณาให้เรียบร้อย ก่อนจะเลือกตั้งที่ต้องไม่เกินเดือน พ.ค.2566 จึงไม่ควรสร้างความสับสนให้ประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้ง เพียงเพื่อเอาชนะทางการเมือง
“ท็อป” ชูธงเตี่ยเชียร์ลุยบัตรสองใบ
นายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) ในฐานะประธานคณะกรรมการนโยบายและยุทธศาสตร์พรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.) ให้สัมภาษณ์ถึงกระแสข่าวว่าพรรคแกนนำรัฐบาลต้องการให้แก้ไขรัฐธรรมนูญ เพื่อกลับไปใช้บัตรใบเดียวว่าเราเพิ่งแก้ไขรัฐธรรมนูญไปไม่นาน ยังไม่ถึงปี แก้จากบัตรใบเดียวมาเป็นบัตรสองใบ พรรคชาติไทยพัฒนาสนับสนุนแนวทางบัตรสองใบ เพราะเป็นแนวทางที่นายบรรหาร ศิลปอาชา อดีตนายก รัฐมนตรี ได้ริเริ่มเอาไว้ตั้งแต่รัฐธรรมนูญปี 2540 เป็นที่มาของบัตรสองใบ และหาร 100 ดังนั้น พรรคชทพ.เห็นด้วยกับการเดินตามแนวทางนี้มาตลอด หากจะแก้กลับไปใช้ใบเดียว ต้องถามเหตุผลกันก่อนว่าด้วยเหตุใด ชทพ.ไม่เห็นด้วยที่จะย้อนกลับไปเป็นบัตรใบเดียว เพราะหากย้อนกลับไป ความพยายามในการทำงาน และประชุมหลายเดือนที่ผ่านมาจะเท่ากับศูนย์ ส่วนกรณีจะหาร 500 หรือหาร 100 คงไปถกกันในสภาว่าขัดรัฐธรรมนูญหรือไม่ขัด
เหลือ 8 เดือนเร่งงานโกยแต้มดีกว่า
นายวราวุธกล่าวว่า เหลือเวลาถึง 24 มี.ค.66 ประมาณ 8 เดือน สภาฯนี้จะหมดวาระลง พรรค ชทพ.คิดว่าควรเร่งทำงานเพื่อให้เกิดประโยชน์ได้มากที่สุดในเวลาที่เหลืออยู่ ผู้สื่อข่าวถามว่ามีบางเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่าอาจเกิดอุบัติเหตุทางการเมืองขึ้นก่อนจะมีการเลือกตั้ง นายวราวุธกล่าวว่า ขอไม่พูดถึงประเด็นนั้น ขอโฟกัสกับงานในเวลาที่เหลืออยู่ว่าจะทำอย่างไรให้เกิดประโยชน์กับประชาชนมากที่สุด และงบประมาณที่กำลังจะผ่านสภาฯเมื่อผ่านแล้ว เข้างบประมาณปี 66 เราต้องเร่งทำงานเวลาเหลือไม่มากจะได้เป็นผลงานของรัฐบาล ของแต่ละกระทรวง ของแต่ละพรรค แทนที่จะทำให้คะแนนเสียไป คิดว่าเป็นเวลาควรที่จะทำให้คะแนนเพิ่มขึ้นมากกว่า
“นิโรธ” ปัดใบสั่ง “ป้อม” ป้ายสี พปชร.
นายนิโรธ สุนทรเลขา ส.ส.นครสวรรค์ พรรคพลังประชารัฐในฐานะประธานคณะกรรมการประ สานงานสภาผู้แทนราษฎร (วิปรัฐบาล) ให้สัมภาษณ์กรณีร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.ที่จะนำกลับเข้ารัฐสภาในวันที่ 2-3 ส.ค.ว่า ตอนนี้กฎหมายว่าด้วยโทษปรับเป็นพินัยยังคาอยู่ในสภาต้องให้จบก่อน แต่จะพยายามให้จบภายในวันที่ 15 ส.ค. เพราะถ้าทำไม่จบจะเสียหาย เมื่อสภา ซึ่งทำหน้าที่ฝ่ายนิติบัญญัติเห็นชอบแก้เป็นใช้สูตรคำนวน ส.ส.บัญชีรายชื่อหารด้วย 500 แล้ว ก็ต้องทำกฎหมายมาตราที่เกี่ยวข้องให้จบ เพื่อให้กฎหมายสมบูรณ์พอจบก็ส่งให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) แล้ว ครม.ส่งต่อ กกต.พิจารณา แล้วค่อยส่งกลับมาใหม่ เพราะกฎหมายฉบับนี้ กกต.เป็นผู้เสนอ เมื่อถามว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ในฐานะหัวหน้าพรรค พปชร.มีสัญญาณจะให้โหวตกฎหมายลูกไปทิศทางใด นายนิโรธตอบว่าไม่มีเราต้องทำตามที่สภากำหนดมา ส่วนสภาจะเห็นด้วยหรือไม่กับ กมธ.อย่างไร กมธ.ต้องยอมรับเสียงสภา ถือว่า กมธ.หมดหน้าที่ เป็นหน้าที่สมาชิกรัฐสภา ไม่ได้เป็นหน้าที่ของพรรคการเมืองที่จะมาพูดนู่นพูดนี่หรือออกคำสั่งมันไม่มี เป็นเพียงกล่าวร้ายป้ายสีหัวหน้าพรรค พปชร.เเละด้อยค่าพรรค พปชร. เพื่อผลประโยชน์ของพรรคตัวเอง คนพวกนี้ไม่มีจริยธรรมและคุณธรรม ทำให้ประชาชนสับสนบ้านเมืองวุ่นวาย
กลับไปใช้บัตรใบเดียวมันไกลมาก
เมื่อถามย้ำถึงกระแสข่าวที่พรรค พปชร.อยากจะย้อนกลับไปใช้บัตรเลือกตั้งแบบใบเดียว นายนิโรธกล่าวว่าไม่มีเป็นเพียงการพูดคุยกัน เมื่อรัฐธรรมนูญแก้เป็นบัตรสองใบและสูตรคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อหารด้วย 500 พวก ส.ส.มาพูดคุยกันว่าแบบ 500 และ 100 รวมทั้งคุยถึงบัตรเลือกตั้งแบบใบเดียวและสองใบว่าแบบไหนดีกว่ากัน เป็นเพียงการคุยกันในวงว่าใครชอบแบบไหนไม่ใช่ว่าพรรค พปชร.จะทำอะไร เพราะหากจะย้อนกลับไปใช้บัตรใบเดียวมันไกลมากจะต้องแก้รัฐธรรมนูญใหม่ กระบวนการยุ่งยาก ไม่ใช่มาพูดคุยกันและจะทำได้เลย
“สัณหพจน์” ชี้แก้ รธน.อย่าอ้าง ปชช.
นายสัณหพจน์ สุขศรีเมือง ส.ส. นครศรีธรรมราช พรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงกรณีหลายพรรคการเมืองแสดงความคิดเห็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ทั้งการให้สูตรหาร 100 หรือ 500 และบัตรเลือกตั้ง 2 ใบ หรือใบเดียวว่า หลายพรรคการเมืองได้ออกมาแสดงความคิดเห็น โดยอ้างว่าเป็นความต้องการของประชาชน มองว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นเพียงความต้องการของบางพรรคการเมืองเท่านั้น และจากแนวทางร่วมของพรรคพลังประชารัฐ แรกเริ่มเดิมทีไม่ได้สนับสนุนให้แก้ไขรัฐธรรมนูญเคารพให้ความสำคัญต่อรัฐธรรมนูญปัจจุบัน เนื่องจากเป็นฉบับที่ประชาชนและภาคประชาสังคมมีส่วนร่วม นำไปสู่การเลือกตั้งในระบอบประชาธิปไตย การแก้ไขรัฐธรรมนูญดังกล่าวไม่ได้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อประชาชนทั้งประเทศเป็นเพียงประโยชน์เพื่อบางพรรคที่เรียกร้องให้แก้ไขตลอดมา รวมทั้งยังเตะถ่วงการบริหารงานในการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ สถานการณ์โควิด-19 คนที่ออกมาเรียกร้องไม่ได้ตั้งใจทำเพื่อผลประโยชน์ของชาติและประชาชน เรื่องที่รัฐบาลควรให้ความสำคัญขณะนี้คือการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจค่าครองชีพที่เพิ่มสูงขึ้น ราคาสินค้าอุปโภค-บริโภค ราคาพลังงานที่มีราคาแพง และราคาสินค้าการเกษตรตกต่ำ
“นพดล” อัดล้าหลังกลับลำบัตรเดียว
นายนพดล ปัทมะ อดีต รมว.ต่างประเทศ พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกระแสข่าวว่าอาจมีการเสนอแก้รัฐธรรมนูญกลับไปใช้บัตรใบเดียวว่า น่าจะเป็นการโยนหินถามทางหรือความคิดที่โยนในวงสนทนา แต่ถ้าผลักดันจริง คงสำเร็จยาก ยิ่งกว่าเข็นครกขึ้นภูเขา ฟังเสียงนักการเมืองหลายพรรคไม่เห็นด้วย และส่วนตนไม่เห็นด้วยเนื่องจากเป็นการกลับไปกลับมา เพราะเพิ่งจะแก้ รธน.มาใช้บัตร 2 ใบ ยังไม่ได้ใช้ แต่จะแก้กลับไปใช้บัตรใบเดียวได้อย่างไร ไร้เหตุผล เสียงส่วนใหญ่ในสังคมทราบแล้วว่าการเลือกตั้งบัตรใบเดียวมีปัญหา ทำให้ระบบพรรคการเมืองอ่อนแอ และเกิดการต่อรองทางการเมืองอย่างที่เห็น บัตรใบเดียวบีบให้ประชาชนเลือก ทั้งคนและพรรค การคำนวณผลการเลือกตั้งยุ่งยาก และทำให้ไม่มีรัฐบาลที่เข้มแข็ง ประชาชนเสียประโยชน์ แนวคิดการกลับไปใช้บัตรใบเดียว แม้คิดได้แต่ทำยาก เป็นความคิดล้าหลัง ไม่ตอบโจทย์ประเทศ ละเลยความต้องการของประชาชน ละเลงปัญหาการเมืองเพิ่ม ควรลด ละ เลิกแนวคิดเอาเปรียบทางการเมืองได้แล้ว ประเทศนี้มีเรื่องที่เป็นสาระต้องทำอีกมาก
“สุทิน” ชี้แรงต้านดังไม่หยุดไปต่อไม่ได้
นายสุทิน คลังแสง ประธานวิปฝ่ายค้าน ให้สัมภาษณ์ถึงกระแสข่าวแกนนำรัฐบาลมีแนวคิดกลับไปใช้บัตรเลือกตั้งใบเดียวว่า มันเป็นความคิดที่เห็นแก่ตัว เห็นแค่ประโยชน์เลือกตั้งเฉพาะหน้า ไม่คิดถึงระบบที่ดีไม่คิดถึงอนาคตลูกหลานและประเทศชาติ รวมทั้งไม่คิดถึงความขัดแย้งที่จะตามมา แต่เชื่อว่ากระแสคัดค้านจากสมาชิกสภาและสังคมจะดังขึ้นเรื่อยๆจนเรื่องนี้ไม่สามารถเกิดขึ้นได้ แต่ถ้าเขาจะเดินหน้าจริงเราก็จะอารยขัดขืนด้วยการไม่ร่วมประชุมด้วย
ฉะ รบ.ตัวการยื้อ ก.ม.ลูกไม่ใช่ฝ่ายค้าน
เมื่อถามถึงกรณีมีบางฝ่ายตั้งข้อสังเกตว่าพรรคร่วมฝ่ายค้านจะยื้อเวลาการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. ออกไปไม่ให้แล้วเสร็จทัน 180 วันนับตั้งแต่บรรจุวาระในระเบียบประชุม จะตรงกับวันที่ 15 ส.ค. เพื่อให้กลับไปใช่ร่างกฎหมายลูกของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ที่ใช้สูตรคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อหาร 100 นายสุทินกล่าวว่า เราไม่มีความคิดเรื่องนี้ วันนี้เราคิดแต่ว่ากฎหมายเลือกตั้งจะต้องเสร็จโดยเร็ว และเสร็จโดยเป็นกฎหมายที่เป็นธรรมกับทุกฝ่าย ยืนยันคนที่จะยื้อเรื่องนี้ไม่ใช่ฝ่ายค้านแน่นอน ถ้ามีอาจเป็นฝ่ายรัฐบาลเองที่มีกระแสข่าวอยากกลับลำอยู่ในขณะนี้
แก้ปัญหาชาวสวนอย่ามัวรื้อสูตร ลต.
นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ ส.ส.พะเยา พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ส.ส.ภาคเหนือพรรคเพื่อไทยในหลายจังหวัด เรียกร้องให้รัฐบาลใส่ใจความทุกข์ร้อนชาวสวนลำไยภาคเหนือเพราะขณะนี้ราคาลำไยดิ่งเหว ต่ำสุดในรอบ 30 ปี สวนทางราคาสินค้าเกษตรโลกพุ่งสูง แต่สินค้าเกษตรไทยราคาตกต่ำ ชาวสวนลำไยเผชิญอยู่ตอนนี้มี 3 เรื่อง คือราคาลำไยตกต่ำ ราคาปุ๋ยแพงขึ้นเท่าตัว และถูกรัฐบาลโกหก ไม่จ่ายค่าชดเชยไร่ละ 2,000 บาท ทั้งที่ผ่านมาแล้ว 1 ปีชาวสวนลำไยยังไม่ได้รับเงินชดเชยแบบที่รัฐบาลสัญญาไว้ รัฐบาลคิดแต่จะแก้บัตรสองใบเป็นหนึ่งใบ เดี๋ยวหารด้วย 500 เดี๋ยว 100 เวลานี้ขอให้คิดเรื่องปากท้องประชาชน ใส่ใจปัญหาชาวสวนลำไยดีกว่าหรือไม่ หากหวังจะเข้าสภาฯต้องสู้กันด้วยการแก้ปัญหาประชาชน โลกกำลังเผชิญปัญหาวิกฤติอาหารและเศรษฐกิจ สินค้าเกษตรขายได้ราคาสูงอย่างน้อย 20% แต่ทำไมสินค้าเกษตรไทยกลับตกต่ำ ปุ๋ยแพงอ้างแพงทั้งโลก แต่สินค้าเกษตรราคาสูง ทำไมเราราคาไม่สูงด้วย นี่คือความเหลื่อมล้ำจากกลไกการจัดการของรัฐบาลเลือกที่จะไม่ใส่ใจ กดให้จนแล้วบดขยี้ บีบให้เกษตรทั้งประเทศ ให้ชาวสวนลำไยภาคเหนือสิ้นอาชีพเช่นนั้นใช่หรือไม่
สอท.โวยคนจ้องแก้ รธน.ทำวุ่นวาย
นายนริศ เชยกลิ่น โฆษกพรรคสร้างอนาคตไทย (สอท.) กล่าวถึงกรณีกระแสความพยายามจะให้มีการเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพื่อกลับไปใช้ระบบเลือกตั้งแบบบัตรใบเดียวว่า เรื่องนี้ไม่มีคุณประโยชน์อะไรเลย เป็นการถอยหลังวุ่นวายไปกันหมด เราเดินเลยมาจนถึงจุดนี้จะกลับไปตรงนั้น มันไม่มีเหตุผลเพียงพอ ทั้งนี้ ที่มีการมองว่าผู้เสนอเรื่องนี้ต้องการให้มีประโยชน์กับพวกตัวเอง คนเขาอาจจะคิดตรงนั้นจริงๆ เพราะถ้าทำอย่างนั้นจะเหมือนทำอะไรก็ได้ ขอให้ได้เปรียบทางการเมือง อย่าไปมองเรื่องผลได้ผลเสียทางการเมือง ใครได้เปรียบเสียเปรียบ แต่มันเหมือนโกงกติกา เอาแต่กติกาที่เป็นประโยชน์ต่อตัวเอง เราพร้อมสู้ทุกกติกา ขอให้กติกามีความชัดเจน เราสู้หมด
“วิเชียร” อัดเกมรักษาอำนาจไม่ถูกต้อง
นายวิเชียร ชวลิต รองหัวหน้าพรรค และผอ.พรรคสร้างอนาคตไทย กล่าวถึงกรณีกระแสข่าวแกนนำรัฐบาลบางคนส่งสัญญาณอยากให้กลับไปใช้บัตรเลือกตั้งใบเดียวว่า การที่จะแก้เป็นกลยุทธ์ทางการเมืองมันไม่ได้ ในเมื่อสร้างความเข้าใจไปแล้วว่าให้สิทธิประชาชนตัดสินใจเลือกใช้บัตร 2 ใบ บ้านเมืองไม่มีหลักเดินไปทางโน้นทีทางนี้ที คิดเกมการเลือกตั้งเพื่อตัวเองจะอยู่ในอำนาจมันไม่ถูกหรอก เชื่อว่ามีการส่งสัญญาณจริง ไม่อย่างนั้นอยู่ดีๆผู้คนพากันออกมาไม่เห็นด้วยทำไม แล้วใครจะเห็นด้วย เพิ่งแก้เมื่อวานวันนี้ยังไม่ทันเลือกตั้งจะเอากติกาใหม่แล้ว มันเชื่อถือไม่ได้อย่างนี้ ที่จริงต้องเห็นใจสภาฯเพราะทั้ง ส.ส.และ ส.ว.ให้ความเห็นแล้ว แต่จะมาสั่งให้สภาฯเปลี่ยนใหม่ แล้วสภาฯจะอยู่ตรงไหน จะไปเป็นสภาฯของผู้มีอำนาจมันไม่ถูกต้อง ใครต้องออกมาไม่เห็นด้วย เพราะจะกลายเป็นตัวตลก ทุกคนต้องมีจุดยืน ต้องยืนอยู่บนหลักการ ไม่ใช่จะไปไหลตามกระแสเพื่อรักษาอำนาจ ต้องฟังเสียงคัดค้านด้วย เชื่อว่าสุดท้ายไปต่อไม่ได้แน่นอน กระแสต่อต้านขนาดนี้เพราะไม่มีเหตุผล
“กล้า” ซัดยื้อ ก.ม.ลต.กระทบหักดาบส.ว.
นายแสนยากรณ์ สิงห์วีรธรรม โฆษกพรรคกล้ากล่าวถึงความพยายามเปลี่ยนแปลงระบบเลือกตั้งจากระบบหาร 500 กลับไปใช้ระบบหาร 100 ว่า เสียงส่วนใหญ่ของที่ประชุมรัฐสภาเห็นชอบให้ใช้การคำนวณแบบหาร 500 ไปแล้วเหลือเพียงขั้นตอนแก้ไขมาตราที่เกี่ยวข้อง แล้วลงมติวาระ 3 แต่บางฝ่ายที่อยากได้ระบบหาร 100 ส่งสัญญาณใช้แท็กติกทางการเมืองยื้อเวลาให้การแก้ไข พ.ร.บ.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.พิจารณาไม่ทันกรอบ 180 วันคือวันที่ 15 ส.ค. นอกจากจะทำให้รัฐสภาผ่านกฎหมายไม่ได้แล้ว ยังส่งผลกระทบทำให้ญัตติสำคัญหลายญัตติ โดยเฉพาะญัตติการแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 272 อาจไม่ทันพิจารณาสมัยประชุมนี้ “หากพวกท่านในสภาฯเดินเกมยื้อเวลาเพื่อให้ได้ระบบเลือกตั้งที่ต้องการ แต่จะเป็นต้นเหตุทำให้ญัตติสำคัญ เช่น การแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 272 ที่ยกเลิกอำนาจ ส.ว.เลือกนายกฯ อาจพิจารณาไม่ทันสมัยประชุมที่จะหมดสมัยกลางเดือน ก.ย.ไปด้วย เสียดายเวลาสภาฯ หากนิยมประชาธิปไตยจริง ควรรีบแก้รัฐธรรมนูญ มาตรา 272 ห้าม ส.ว.เลือกนายกฯ แต่ที่นักการเมืองทำกันอยู่วนเวียนกับการแก้กฎหมายระบบเลือกตั้ง เพื่อให้กลับมาเป็น ส.ส.ใหม่ได้เท่านั้น”
ก.ก.ปักหมุดขยี้แผล “ศักดิ์สยาม”
นายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล (ก.ก.) ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าปฏิบัติการโรยเกลือหลังการอภิปรายไม่ไว้วางใจ นำประเด็นอภิปรายยื่นให้องค์กรอิสระตรวจสอบว่า พรรค ก.ก.ได้คุยกันเบื้องต้นอาจไม่ยื่น ป.ป.ช.ทุกคน เนื่องจากแต่ละเรื่องมีเนื้อหาแตกต่างกัน ต้องให้ฝ่ายกฎหมายและทีมงานศึกษาว่า ยื่นต่อหน่วยงานไหนถึงจะมีประสิทธิภาพสูงสุด โดยเรื่องที่จะยื่นต่อป.ป.ช.แน่นอน คือเรื่องยื่นทรัพย์สินเท็จของนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม รวมถึงเรื่องทุจริตโครงการก่อสร้างอนุสาวรีย์รัชกาลที่ 9 ของ ทบ.ที่นางอมรัตน์ โชคปมิตต์กุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรค ก.ก. ได้อภิปรายเอาไว้
“ชวน” เข้าเฝ้าขอพรพระสังฆราช
เมื่อเวลา 13.30 น. ที่ตำหนักอรุณ วัดราชบพิธสถิตมหาสีมารามราชวรวิหาร เจ้าพระคุณสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ประทานพระวโรกาสให้นายชวน หลีกภัย ประธานสภาฯ เฝ้าทูลถวายสักการะเพื่อขอประทานพร เนื่องในโอกาสครบรอบวันคล้ายวันเกิด 28 ก.ค.65 อายุครบ 84 ปี ในการนี้นายชวนได้น้อมถวายหนังสือ พระคติธรรมจำนวน 50 เล่ม และแก้วน้ำสกรีนภาพต้นโกศล ต้นไม้มงคลที่นายชวนวาดไว้เมื่อ 10 ปีที่แล้ว 1 ลัง แด่สมเด็จสังฆราชฯ