"อนุทิน" ยัน ตรวจสอบ กลุ่มเสี่ยง สัมผัสชายไนจีเรีย ติด "ฝีดาษลิง" ที่ภูเก็ต ยัน ไม่พบใครติดโรค สั่ง ยกระดับด่านกักโรคทั่วประเทศประสาน สตม.เข้มคนที่เดินทางมาจากประเทศกลุ่มเสี่ยง ขออย่าตื่นตระหนกเกินไป ใช้ Universal Prevention ช่วยป้องกันได้
วันที่ 24 ก.ค. ที่กระทรวงสาธารณสุข ในการแถลงข่าวกรณีโรคฝีดาษวานร ภายหลัง นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข สั่งด่วน การประชุมคณะผู้บริหาร เพื่อเตรียมแนวทางรองรับโรคฝีดาษวานร ภายหลัง WHO ประกาศให้เป็นภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุขระหว่างประเทศ (Public Health Emergency of International Concern)"
โดยนายอนุทิน กล่าวว่า การประชุมในวันนี้ เป็นการประชุมร่วมของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข เพื่อตอบสนองการยกระดับ โรคฝีดาษวานร กล่าวโดยสรุปก็คือว่า เราได้ติดตามไทม์ไลน์ของผู้ติดเชื้อชาวไนจีเรีย ที่หลบหนีออกไป และได้ควบคุมตัวที่กัมพูชา เรียบร้อยแล้ว
ไทม์ไลน์ ที่เขาใช้ชีวิตอยู่ใน จ.ภูเก็ต เราได้ติดต่อ เราได้ติดตามตรวจสอบกับผู้สัมผัสใกล้ชิดกับเขาในช่วง 1 เดือน ที่ผ่านมา เราก็ไม่พบว่า มีผู้ใดติดเชื้อจากเขา ก็น่าจะถือว่าอยู่ในเกณฑ์ปลอดภัยอยู่ ตอนนี้ได้กำชับให้ด่านควบคุมโรคทั่วประเทศประสานกับ ตำรวจงานตำรวจตรวจคนเข้าเมือง (สตม.) ให้ระมัดระวังเป็นพิเศษ สำหรับบุคคลที่เดินทางเข้ามาจากประเทศกลุ่มเสี่ยง ซึ่งเรามีมาตรฐานที่ทำมาตั้งแต่โควิด-19 มาแล้ว ก็ไม่มีปัญหาอะไร เรื่องความพร้อมวัคซีนโรคฝีดาษ ที่เราเก็บไว้ แม้เก็บมานานแล้ว ทางกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ยืนยัน ถ้ามีความจำเป็นต้องใช้ ก็สามารถเอาออกมาใช้ได้
นายอนุทิน กล่าวอีกว่า ส่วนเรื่องของการรักษาพยาบาล โรคนี้โดยทั่วไป มีทั้งยาที่ให้การรักษาตามอาการ ทั้งรักษาเฉพาะโรค ถ้ามีความจำเป็นสถานพยาบาลพร้อมรักษาผู้ป่วย และทางกระทรวงสาธารณสุขจะมีการยกระดับเฝ้าระวัง EOC ควบคุมโรค มาเป็น EOC ปลัดกระทรวงจะเป็นคนดูแล
...
รองนายกฯและรมว.สธ.กล่าวต่อว่า ส่วนเรื่องการตื่นตระหนก พี่น้องประชาชน ก็ไม่ต้องตื่นตระหนกเกินไปนัก เพราะมันยังไม่ถึงขึ้นโควิด-19 มาตรการที่ใช้อยู่เพียงพอ ใช้มาตรการ social distancing ล้างมือตลอด ใส่หน้ากากอนามัย ที่ใช้กับการป้องกันโควิด-19 ก็ยังสามารถใช้ป้องกัน"ฝีดาษวานร"ได้ เป็น "ทูอินวัน" ป้องกันทั้ง 2 โรค เรื่องนี้ มอบหมายแพทย์หญิงนฤมล ซึ่งท่านมีความเชี่ยวชาญอยู่แล้ว จะเป็นตัวกลางในการให้ความเข้าใจ พี่น้องประชาชน ความพร้อมมีอยู่ อย่าตื่นเกินไปใช้ชีวิตปกติ ใช้มาตรการ Universal Prevention
ส่วนถามว่า จะเป็นต้องยกระดับมีการจำกัดการเดินทางหรือไม่ รมว.สาธารณสุข กล่าวว่า ยังห่างเยอะเรื่องยกระดับ จำกัดการเดินทางอย่างไรก็ตาม พรุ่งนี้จะมีการประชุมคณะกรรมการวิชาการ ซึ่งประกอบด้วยผู้ทรงคุณวุฒิทั้งหลายทางการแพทย์ ประชุมว่า จะมีมาตรการอย่างไร เป็นไปตามขั้นตอนสาธารณสุขของไทย
"ต้องระวังมาก ลักษณะเดียวกับโรคเอดส์ ถ้าเรามีพฤติกรรมเพศสัมพันธ์สุ่มเสี่ยงไปใช้บริการ ไปเที่ยว มากมายหลายคู่ ตรงนี้ก็สุ่มเสี่ยงได้ แต่การป้องกันทั้งหลาย หากทำมาตรฐานเดียวกับป้องกันโรคเอดส์ ก็ลดความเสี่ยงได้ ตรงนี้กำชับไปแล้ว เมื่อ WHO ยกระดับระมัดระวังทั่วโลกแล้ว โรงพยาบาลที่รับคนป่วยประเภทนี้เข้ามา ก็ต้องควบคุม ขอกักตัวเขาไว้ เร่งรักษา และดำเนินการสอบสวนโรคต่อไป" นายอนุทิน กล่าว.