"ขจิตร" ส.ส.อุดรธานี เพื่อไทย หารือ "ชวน" กลางสภา นายกฯ ไม่อยู่บัลลังก์ ผิดข้อตกลงวิปฯ 3 ฝ่าย แขวะ หากพูดจะจบแล้วไม่มา จะลาออกใช่ไหม กล่าวหา นายกฯ เป็นอาชญากร ด้าน "สมคิด" ยัน ไม่ไว้วางใจ นายกฯ สูญภาษี 64 ล.ปฏิรูป ตร.แบบเบิ้ดคำสิเว้า
วันที่ 21 ก.ค. เมื่อเวลา 09.02 น. ที่รัฐสภา จากนั้น นายขจิตร ชัยนิยม ส.ส.อุดรธานี พรรคเพื่อไทย ขอหารือประธาน ระบุว่า หากนายกฯ ไม่อยู่บัลลังก์นี้ ถือผิดตามข้อตกลงต่อวิปฯ เพราะตนเองไม่เคยพูดลับหลังใคร อย่างน้อยการอภิปราย ตนเองต้องทราบว่านายกฯยังฟังอยู่ไหม “ตอนนี้นายกฯอยู่ที่ไหน ผมไม่ได้มาพูดเล่น”
นายชวน กล่าวตอบว่า ตนเอง ไม่ทราบว่านายกฯอยู่ไหน แต่เป็นสิทธิ์ของนายขจิตร ว่า จะหยุดอภิปรายเพื่อนายกฯ ก็ได้
นายขจิตร กล่าวว่า จะกล่าวหานายกฯเป็นอาชญากร ผมพูดจะจบแล้ว "ประยุทธ์" ยังไม่มา จะลาออกใช่ไหม
จากนั้น นายขจิตร เริ่มอภิปรายว่า คดีค่าโง่คลองด่าน ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ สมัยดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ในรัฐบาล คสช.ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ 4.8 พันล้านบาท เนื่องจากมีมติ ครม.ในขณะนั้นให้จ่ายเงินแก่เอกชน ผิดประมวลกฎหมายมาตรา 157 สร้างความเสียหายร้ายแรงต่อแผ่นดิน นายกฯ ละเลยไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย เมื่อ พล.อ.ประยุทธ์ มาดำรงตำแหน่งนายกฯในรัฐบาลปัจจุบัน ยังละเว้นไม่ดำเนินการสอบข้อเท็จจริงหาผู้รับผิดทางแพ่ง ที่ได้จ่ายเงิน 4 พันกว่าล้านบาท เพราะคนที่ต้องรับผิดชดใช้เงินรัฐ คือ ครม.รัฐบาลประยุทธ์ สมัย คสช.
...
ต่อมา เมื่อเวลา 09.47 น. นายสมคิด เชื้อคง ส.ส.อุบลราชธานี พรรคเพื่อไทย อภิปรายไม่ไว้วางใจ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และรมว.กลาโหม ว่า กรณี พล.อ.ประยุทธ์ อีกไม่กี่เดือน ก็จะ 8 ปี ลุแก่อำนาจช่วยเหลือบุคคลแวดล้อม ไม่สนใจบัณฑิตจบใหม่ที่ตกงาน นายกฯกำกับดูแล สตช.มีอำนาจสูงสุด มีคนบางกลุ่มที่ใช้เส้นสายผ่าน สตช. ทราบมาว่า มีลูกชาย ลูกสาวนักการเมืองคนหนึ่ง ที่ติดกับ พล.อ.ประยุทธ์ จะเป็นจะตายแทนกันได้เอาลูกเข้าตำรวจ พล.อ.ประยุทธ์ จัดการให้คนคนหนึ่ง แต่ก่อนชื่อนายสุภรณ์ ตอนหลังเรียนสูงขึ้นเป็น ดร.ชื่อนายเสกสกล อัตถาวงศ์ อดีตผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี ไปไหนมาไหนด้วยกันเป็นเงาตามตัว จุดไฟแช็กให้กัน เดินเป็นฝาแฝด เก่งขนาดแต่งตั้งให้ไปดูแลเรื่องสลากกินแบ่งรัฐบาล ดูไปดูมากลับแบ่งเข้าตัว เดี๋ยวเรื่องราวมีคลิปอื้อฉาวจนสุดท้ายจำใจลาออก ที่ต้องเอ่ยถึงเพราะลูกของนายเสกสกล ได้รับการแต่งตั้งเป็นนายตำรวจชื่อ ร.ต.อ.เจตนารมณ์ อัตถาวงศ์ เป็นรองสารวัตร ฝอ.5 กองอำนวยการ กองบัญชาการสืบสวนกลาง (บก.อก.) แต่งตั้งเมื่อวันที่ 31 มี.ค. 2564 และอีกคนลูกสาวชื่อ น.ส.จิตปรารถนา (สงวนนามสกุล) บรรจุเดือนเม.ย. 2565 ตำแหน่งกองการต่างประเทศ เป็นการรับในตำแหน่งที่ไม่ได้มีการขาดแคลน
"ผมเพิ่งถึงบางอ้อว่าเหตุใดคนเป็นพ่อถึงสู้ตายเพียงข้างๆ คูๆ ช่วย พล.อ.ประยุทธ์ จนไม่ลืมหูลืมตา การแต่งตั้งลักษณะนี้คือเอื้อประโยชน์ให้กับพวกพ้องตนเอง แล้ว พล.อ.ประยุทธ์จะปฏิรูปตำรวจอย่างไร เบิ้ดคำสิเว้า ดร.คนนี้ไม่ธรรมดา เสกอะไรก็ได้ การปฏิรูปอะไรต้องดูตัวผู้บริหาร ตำรวจดีๆ ทำงานเขาเสียน้ำใจ นายกฯ จะต้องตอบเรื่องนี้ว่าแต่งตั้งเข้าไปได้อย่างไร นายกฯ ต้องจำไว้ว่าไม่ได้เป็นผู้จ่ายเงินให้ตำรวจเอง เพราะตำรวจแต่ละคนกว่าจะเกษียณคำนวณดูจะต้องเสียเงินกว่า 32 ล้านบาทต่อคน เมื่อแต่งตั้ง 2 คน ก็ใช้ภาษีของประชาชน 64 ล้านบาท แต่กลับไม่ได้มีความสามารถในการดำเนินการให้หน่วยงานได้อย่างเต็มที่" นายสมคิด กล่าว