รมว.แรงงาน แจงปมถือหุ้นและทรัพย์สินรวมคู่สมรส ยืนยัน เป็นคนโปร่งใส ซื่อสัตย์สุจริต ทำตามกฎหมาย พร้อมตอบเรื่องเป็นนั่งร้าน “บิ๊กตู่-บิ๊กป้อม” หลัง “นิคม” เหน็บ สมฉายา “สุชาติ ชมเก่ง”
วันที่ 19 ก.ค. 2565 ภายหลัง นายนิคม บุญวิเศษ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังปวงชนไทย อภิปรายไม่ไว้วางใจ นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ถึงกรณีหุ้น แรงงาน และปมเกี่ยวกับภรรยา พร้อมตั้งคำถามว่ามีการปั่นหุ้นหรือไม่ และไม่ขอไว้วางใจ รวมถึงแนะให้พิจารณาตัวเอง อย่าต้องให้โหวตไม่ผ่าน เพราะน่าอาย
จากนั้นเมื่อเวลา 20.45 น. นายสุชาติ ลุกขึ้นขอชี้แจงสิ่งที่สมาชิกสงสัยและบางคนได้เล่านิทาน นึกว่าเป็นเซียนตลาดหลักทรัพย์ พร้อมกล่าวว่าส่วนตัวรู้สึกว่าเรื่องญัตติเถื่อนนั้นจบแล้ว พร้อมถามกลับ นายนิคม ว่า ลงนามญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรี 10 หรือ 11 คน ขอให้ตอบมา ส่วนการบริหารจัดการกองทุนประกันสังคมนั้น ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องหรือรู้เห็นเกี่ยวกับการซื้อขายหุ้นทั้งสิ้น เพราะมีบอร์ดประกันสังคมอยู่ และประกันสังคมมีผลตอบแทนให้ผู้ประกันตนปีละ 7-8 หมื่นล้านบาท ขณะที่ปัญหาในอดีตก็มีการดำเนินคดีแล้ว เชื่อว่าไม่มีใครจะทำอะไรผิดกฎหมาย
...
พร้อมยืนยันว่า ให้ความสำคัญกับข้อกฎหมายทุกฉบับในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการขัดกันซึ่งผลประโยชน์และการประพฤติมิชอบ เพราะเป็นคนที่ทำทุกอย่างด้วยความโปร่งใส ซื่อสัตย์ เพื่อให้ประชาชนไว้วางใจ ยอมรับว่าก่อนที่จะเลือกตั้งและได้รับเลือกเป็นรัฐมนตรีนั้น เคยทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์มายาวนาน บริษัทนี้ค้าขายอสังหาริมทรัพย์จริง ไม่ได้ค้าแป้ง ไม่ได้ทำอะไรที่ผิดกฎหมาย ทุกอย่างอยู่บนโต๊ะ เสียภาษีถูกต้อง ทั้งนี้ ภายหลังรับตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ได้แจ้งบัญชีทรัพย์สินต่อประธานกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ตามกำหนด ปัจจุบันสัดส่วนหุ้นของตนเองและคู่สมรสได้รับการจัดการโดยการมอบทรัพย์สินให้ผู้อื่นบริหารจัดการไปแล้วเพื่อความโปร่งใส
นายสุชาติ ตั้งคำถามกลับว่า ถ้าเป็นผู้อภิปรายจะให้ภรรยาตกงานหรือไม่ ทั้งที่บริหารกิจการมาก่อนที่จะมีการรับตำแหน่งรัฐมนตรี ซึ่งรัฐธรรมนูญก็กำหนดไว้ว่า ถ้าเป็นอยู่ก่อนแล้วไม่เป็นไร ไม่คิดจะมีการนำเรื่องนี้ขึ้นมาพูด ส่วนกองทุนประกันสังคม มีบอร์ดมาจากทุกภาคส่วน บริหารด้วยความโปร่งใส มีตัวแทนจากภาครัฐและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
สำหรับประเด็นที่บอกว่าเอื้อประโยชน์ให้คนชลบุรี เอื้อประโยชน์ให้บริษัทใหญ่ แรงงานต่างด้าวเข้ามาโดยไม่กักตัว โดยเผยเอกสารจากหลายสมาคมที่ส่งถึงกระทรวงแรงงาน ว่าขอให้ผ่อนผันให้นำเข้าแรงงานต่างด้าวภายใต้ MOU เพราะมีความต้องการแรงงานสูง
กรณีที่บอกว่าเป็นนั่งร้านสนับสนุนนายกรัฐมนตรีนั้น นายสุชาติ กล่าวว่า แล้วไม่ใช่นายกรัฐมนตรีที่ชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หรือที่ทำให้ส่งออกสูงสุดในรอบ 30 ปี ที่ทำให้ผู้บริหารต่างประเทศขอเข้าพบเพื่อขอบคุณ ที่อนุมัติวัคซีนโควิด ม.33 ให้ไปฉีดโรงงาน ตรวจ RT-PCR รักษาการจ้างงาน รวมถึงจ้างนักศึกษาจบใหม่ เพื่อช่วยเหลือในช่วงสถานการณ์โควิด-19
“ที่ท่านพูดถึงว่าผมเป็นนั่งร้าน เป็นคนที่อวยท่านนายกฯ อวยท่าน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ก็ท่าน พล.อ.ประวิตร กำกับดูแลกระทรวงแรงงานผม ถ้าไม่มีท่านเป็นคนออกความคิดในเรื่องของ Factory Quarantine สมุทรสาครระบาดครั้ง 2 จะหายไหมในเวลา 2 เดือน ผมอยากจะถามหน่อย”
จากนั้น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ขอบคุณเพื่อนสมาชิกที่อภิปรายมา และย้ำว่ามีความตั้งใจทำงานเพื่อประเทศชาติบ้านเมือง มีความซื่อสัตย์สุจริต ขอยืนยัน รวมถึงขอให้ผู้อภิปรายร่วมมือกันแก้ปัญหาปราบปรามทุจริต ขอให้เอาข้อมูลมาให้
ต่อมา นายนิคม ลุกขึ้นตอบกลับ นายสุชาติ ว่าฝ่ายค้านมีญัตติเดียว ยื่นครั้งเดียว ทั้งหมด 11 คน มีชื่อ นายสุชาติ เป็นคนสุดท้าย ประธานสภาฯ เอาหนังสือมาให้แต่ละพรรคยืนยัน ควรจะไปถามประธานสภาฯ พร้อมระบุว่า เมื่อสักครู่ยังชมเก่งเหมือนเดิม สมฉายา “สุชาติ ชมเก่ง” ทางด้าน นายสุชาติ ได้ลุกกล่าวตอบโต้อีกว่า เป็นคนจบแล้วจบ ไม่ชอบให้ใครมาพูดเช่นนี้
ขณะเดียวกัน นายศุภชัย โพธิ์สุ รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 2 ซึ่งทำหน้าที่ประธานการประชุมได้พยายามห้ามปรามการโต้เถียงของทั้งคู่ และขอให้จบ ให้ยุติ อย่าไปขยายต่อเพราะไม่เกี่ยวเนื้อหาญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ เน้นที่ภาระหน้าที่รัฐมนตรีว่าบกพร่องอย่างไร ก่อนจะจบการอภิปรายช่วงนี้ในเวลา 21.07 น. และเข้าสู่การอภิปรายของ นายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ ส.ส.กทม. พรรคก้าวไกล