โฆษกรัฐบาลมั่นใจ รัฐมนตรีแจงได้หมด เหน็บ “ชลน่าน-สุทิน” น่าผิดหวัง หยิบเรื่องเก่ามาเล่าใหม่ เน้นวาทกรรม-สร้างความบันเทิงเหมือนซีรีส์ ฝากม็อบจัดกิจกรรมคู่ขนานสภาฯ ต้องไม่ละเมิดสิทธิ์ผู้อื่น

วันที่ 19 ก.ค. 2565 นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงกรณีที่ นายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร ระบุถึงการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ตามยุทธการเด็ดหัวสอยนั่งร้าน ในช่วง 4 วันนี้ (19-22 ก.ค. 2565) ถ้ารัฐมนตรีไม่ตายในสภาฯ ก็ตายในสนามเลือกตั้ง ว่า รู้สึกผิดหวังมากกับการอภิปรายของ นายแพทย์ชลน่าน เพราะไม่มีอะไรใหม่ ยังวนเวียนอยู่กับเรื่องเก่าๆ เช่น การยึดอำนาจ การบริหารงานผิดพลาดล้มเหลว จงใจฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย ส่อทุจริตเอื้อประโยชน์ หรือแม้แต่การก๊อบปี้คำพูดผู้นำต่างชาติ

นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว
นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว

ทั้งนี้ เนื้อหาที่ฟังทั้งหมดจึงไม่ต่างจากการอภิปรายไม่ไว้วางใจ 3 ครั้งก่อน ตั้งแต่ปี 2562 เป็นต้นมา ที่เป็นการกล่าวหาโจมตีรัฐบาลแบบซ้ำไปซ้ำมา เลื่อนลอยไร้น้ำหนัก และขาดหลักฐานเชิงประจักษ์ แต่มีจุดเด่นคือการใช้วาทกรรมเสียดสีประชดประชัน สร้างความบันเทิงแบบซีรีส์เกาหลีตามสไตล์ที่ตัวเองถนัด ไม่สมราคาที่เคยคุยไว้ก่อนหน้านี้ว่าจะมีเรื่องเด็ดและตื่นเต้น ดังนั้น นายแพทย์ชลน่าน อย่าเพิ่งมั่นใจหรือมโนไปก่อนว่าผลการเลือกตั้งครั้งหน้าจะเป็นอย่างไร เพราะเชื่อว่าประชาชนที่ดูอยู่ก็คงรู้สึกเช่นเดียวกัน หรือที่จริงแล้วพรรคเพื่อไทยอยากกลับมามีอำนาจอีกครั้ง จึงทำทุกวิถีทางเพื่อบั่นทอนความเชื่อมั่นต่อรัฐบาล 

...

นายธนกร กล่าวต่อไป เช่นเดียวกับ นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) ที่กล่าวว่า แม้พยัคฆ์ร้ายฆ่าไม่ตาย แต่จะน่วม และมุ่งหวังสังหารรัฐมนตรีให้ตายคาที่ ตายโรงพยาบาล ตายที่บ้าน จากการอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้ ก็เป็นเพียงฉากหน้าโหมโรงให้ดูตื่นเต้นหวือหวาเท่านั้น แต่พอเข้าบทก็ไม่มีอะไร เข้าทำนองข้างนอกสุกใสข้างในเป็นโพรง

สุทิน คลังแสง
สุทิน คลังแสง

อย่างไรก็ตาม ส่วนตัวเชื่อมั่นว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีทุกคนจะสามารถชี้แจง ตอบคำถามได้ทุกประเด็น เพราะนอกจากฝ่ายค้านจะหยิบเรื่องเก่ามาเล่าใหม่แล้ว ในทางตรงกันข้าม รัฐบาลทำงานด้วยความมุ่งมั่นทุ่มเท ตรงไปตรงมา จึงอธิบายได้ทั้งหมดอย่างแน่นอน

ส่วนกรณีที่เครือข่ายราษฎร จัดกิจกรรมลงมติประชาชนไว้วางใจหรือไม่ไว้วางใจรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ใน 34 จังหวัด และ แคมป์ปิ้งฟังสภา จับตาอภิปรายไม่ไว้วางใจประยุทธ์ ที่บริเวณลานหน้ารัฐสภานั้น ถือเป็นสิทธิ์ที่จะกระทำได้ แต่อยากให้สังคมช่วยกันพิจารณาว่าเหมาะสมหรือไม่ เพราะเท่ากับว่ากลไกสภาผู้แทนราษฎรตามระบอบประชาธิปไตยที่ถูกเรียกร้องมาโดยตลอดไร้ความหมาย

“แม้กฎหมายจะให้เสรีภาพไว้ ก็ควรตระหนักว่าการจัดกิจกรรมต้องไม่ไปละเมิดสิทธิ์ผู้อื่น และควรปฏิบัติตามระเบียบข้อกำหนดต่างๆ เพื่อให้ทุกอย่างเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ที่สำคัญควรเปิดใจกว้างรับฟังความคิดเห็นที่แตกต่าง เพราะไม่ใช่ว่าทุกคนจะเห็นด้วยทั้งหมด เพียงแต่เขาไม่แสดงออก เพื่อป้องกันไม่ให้สังคมเกิดความวุ่นวาย”