“พล.อ.ประยุทธ์” แจง “หมอชลน่าน” ไม่ได้จะอยู่ต่ออีก 2 ปี ยันมีวิสัยทัศน์บริหารไม่ด้อยกว่านายกฯ คนอื่น ท้าเอาคนเก่งกลับมาให้ได้ ชี้ ใช้ทหารมาบริหารมีรมต.อยู่ด้วย เยียวยาโควิดไม่ได้ใช้ซื้อเสียง

วันที่ 19 ก.ค. 2565 เมื่อเวลา 11.09 น. ที่อาคารัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวชี้แจงอภิปรายต่อ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ในฐานะผู้นำฝ่ายค้าน ว่าถือเป็นโอกาสอันดีที่ได้มาชี้แจงต่อสภาแห่งนี้ ที่เรียกว่าสัปปายะสภาสถาน หมายถึงสถานที่ประกอบกรรมดี ส่วนฝ่ายนอก ไม่ทราบว่าฝ่ายไหน ไม่อยู่ในระบอบบริหารราชการแผ่นดิน พร้อมระบุว่าฝ่ายค้านค่อนข้างพูดรุนแรง ต้องลดทิฐิใช้ประโยชน์ประชาชนเป็นที่ตั้ง เช่นเรื่องโควิด ซึ่งทางนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขจะชี้แจงอีกครั้ง แต่ 2 ปีที่ผ่านมาไทยได้เตรียมการรับมือเป็นอย่างดี มีการตั้งศูนย์บริการสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) ที่หลายประเทศเอาแบบอย่างของเราไปทำตาม จึงขออย่ามองข้างเดียว และขอให้เกียรติกลุ่ม 608 ด้วย การประชุมในวันนี้ก็พูดซ้ำแต่เรื่องเดิม ทั้งในและนอกสภา แต่พวกตนพร้อมให้ความกระจ่าง รวมถึงเรื่องวิสัยทัศน์ ที่ตนเองคิดว่าไม่ได้ด้อยค่าไปกว่านายกรัฐมนตรีคนอื่นๆ หรืออดีตนายกฯ บางคน

...

“นายกฯไม่ได้คนที่รู้ทุกเรื่อง เก่งทุกเรื่อง ไม่ได้ฉลาดที่สุด เหมือนคนที่ท่านบอกว่าฉลาดที่สุด ตอนนี้อยู่ที่ไหนก็ไม่รู้”

นายกฯ ยังชี้แจงว่า เราสามารถเปิดประเทศได้ ทำให้เศรษฐกิจดีขึ้น ตนเองไม่ต้องให้มีการแบ่งพวกแบ่งฝ่าย ที่ฝ่ายค้านบอกรัฐบาลบังคับใช้กฎหมาย ก็เป็นกฎหมายทั่วไป

“10 กว่าปีมาแล้ว ผมไม่ใช่ตัวขัดแย้ง ขอให้ย้อนกลับไปดูพฤติกรรม ย้อนกลับไปดูความผิด ย้อนกลับไปดูคนที่ติดคุก ถึงแม้เราจะมีอุดมการณ์ทางการเมืองที่แตกต่าง แต่เราต้องทำบ้านเมืองให้สงบเรียบร้อย ผมไม่ต้องการให้แบ่งพวกแบ่งฝ่าย ท่านก็รู้พฤติกรรมดีวันนี้มันเกิดอะไรขึ้นในประเทศไทย ท่านบอกว่าผมบังคับใช้กฎหมาย ละเมิดสิทธิมนุษยชน กฎหมายนั้นกฎหมายอะไร กฎหมายทั่วไปใช่ไหม เป็นกฎหมายปกติใช่ไหม แต่หลายคนอยู่เบื้องหลังในเรื่องนี้”

นายกฯ กล่าวต่อว่าเมื่อเข้ามาบริหารประเทศ มี 3 เรื่องด้วยกันที่ต้องการพลิกโฉมประเทศไทย วิสัยทัศน์ คือ มั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน ผลักดันยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ปฏิรูปในทุกมิติ เพื่อเป็นโรดแม็ปใการพัฒนาประเทศ รวมถึงเรื่องไทยแลนด์ 4.0 และเปิดโครงการอีอีซี เพื่อให้เกิดการลงทุนใหม่ๆ ซึ่งนี่คือวิสัยทัศน์ โดยในอนาคตยังมีการลงทุนใหม่ๆ อีกมาก หากสัมผัสด้วยหัวใจจะรับรู้ได้

“ท่านบอกว่า 2 ปี ผมอยากอยู่ต่อ ไปดู ผมพูดหมายถึงว่าอะไร ผมพูดว่าอีก 2 ปี มันจะผลิดอกออกผลออกมา ผมไม่บอกขออยู่อีก 2 ปี คุณเอาทุกเรื่องมาตีหมดไม่ได้”

นายกฯ ยังกล่าวโต้กลับฝ่ายค้าน กรณีถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้พิการทางสมอง ว่า โชคดีที่ไม่ได้ไปรักษากับ นพ.ชลน่าน ซึ่งหลายเรื่องที่พูดว่า ทั้งเรื่องการใช้กลไกลทหารมาบริหารประเทศ และการใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ยืนยันว่าหากจำเป็นก็ต้องใช้ โดยตนเองใช้กลไกลสภาความมั่นคงแห่งชาติ รวมถึง ศบค.ก็มีรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอยู่ทั้งหมด

“คุณบริหารไม่เป็นเองแหละ คุณไม่ใช้ เพราะไม่ไว้ใจทหารเขา ทุกวันนี้หากไม่มีทหาร ตำรวจดูแล ท่านจะนั่งอยู่ทุกวันนี้ได้ไหม ขอโทษ”

นายกฯ ยังขอให้ฝ่ายค้านเสนอมา เรื่องแก้ปัญหาสินค้าแพง พร้อมถามในอดีตเคยทำหรือไม่ ทั้งเรื่องแก้ปัญหาความยากจน หนี้ครัวเรือน โดยมีประชาชนได้รับเงินช่วยเหลือกว่า 50 ล้านคน ซึ่ง รมว.พาณิชย์ ก็รายงานว่าสินค้าเกษตรก็ดีขึ้นหลายรายการ ตรงไหนไม่ดีก็พร้อมช่วย ยืนยันว่าการกู้เงินมาเต็มเพดาน เพื่อช่วยเหลือเยียวยาโควิด เต็ม 55 ล้านคน

“ผมไม่ได้ให้เพื่อซื้อเสียง ให้เพื่อคนที่มีปัญหา ให้เขาอยู่รอด จากอยู่รอดก็พัฒนาไปสู่ความพอเพียง และไปสู่ความยั่งยืน นั่นคือหลักการของรัฐบาลเรา ท่านไปหาสิ่งที่ดีๆ มองด้วยสายตา 2 ข้าง หู 2 หู จะได้เห็นอะไรที่ดีๆ บ้าง”

นายกฯ กล่าวอีกว่า สิ่งที่ฝ่ายค้านพูดมาทั้งหมดไม่ใช่ข้อเท็จจริงทั้งหมด และข้อมูลที่ถูกต้อง 100% ตนเองจึงต้องพูด เพราะถูกต่อว่า ว่าทำอะไรก็ไม่สำเร็จสักเรื่อง ตนเองจึงจำเป็นต้องชี้แจง และขอให้บรรยากาศในวันนี้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย “ท่านแรงมา ผมก็พยายามจะแรงให้น้อยกว่าหน่อย เพราะผมรู้อยู่แล้ว เพราะท่านต้องการให้ผมโมโห ให้เกียรติกันด้วยคำพูด ถ้าอยากได้เกียรติจากคนอื่น ก็ต้องรู้จักให้เกียรติคนอื่นเขา หากโจมตีในลักษณะให้ร้ายพูดจาส่อเสียด ผมไม่อยากจะฟังในสภาฯนี้ แต่ผมให้เกียรติสภา หลายอย่างกำลังดี กำลังแก้ไข แม้แต่ สมช. ที่ตั้งมา ท่านบอกเอาทหารมาทำอีกแล้ว ไปดูว่ามีทหารอยู่ในนั้นกี่คน หากท่านทำงานไม่เป็น ไม่รู้เรื่องตรงนี้ ท่านก็พูดอย่างที่ท่านพูด ผมก็ทราบดีว่าท่านก็คงชื่นชมหลายคนที่เคยทำงานมาก่อน ว่าดีกว่าผม ไม่เป็นไรครับ ก็เอากลับมาให้ได้ก็แล้วกัน”.

กราฟิก : Chonticha Pinijrob