“องอาจ” นัด ส.ส.ประชาธิปัตย์ 18 ก.ค.นี้ ถกรับศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจ เชื่อมั่น 3 รัฐมนตรีแจงได้ แบะท่า มติพรรคไร้ผล ชี้ เอกสิทธิ์ ส.ส.ลงมติ เชื่อมั่นยึดประโยชน์ประชาชน มากกว่าพวกพ้อง

วันที่ 16 ก.ค. 2565 นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรค และประธาน ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการอภิปรายไม่ไว้วางใจของฝ่ายค้าน ว่า ได้เรียกประชุม ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ในวันที่ 18 ก.ค.นี้ เวลา 13.30 น. เพื่อพิจารณาญัตติการอภิปรายไม่ไว้วางใจของฝ่ายค้าน ที่จะมีขึ้นระหว่างวันที่ 19-22 ก.ค. 2565 ก่อนที่จะลงมติ 11 รัฐมนตรี ในวันที่ 23 ก.ค.นี้ ซึ่งการอภิปรายไม่ไว้วางใจเป็นการทำหน้าที่ตามปกติของฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร เพื่อตรวจสอบการทำงานของรัฐบาลว่ามีการกระทำใดๆ ที่เข้าข่ายทุจริต ผิดกฎหมาย บริหารราชการแผ่นดินขาดตกบกพร่องหรือไม่ อย่างไร ส่วนรัฐบาลก็มีหน้าที่ต้องชี้แจงแสดงเหตุผลว่าเป็นไปอย่างที่ฝ่ายค้านอภิปรายหรือไม่ ถือเป็นความสวยงามของประชาธิปไตยในระบบรัฐสภา

“ในส่วนของพรรคประชาธิปัตย์ มีรัฐมนตรีถูกอภิปราย 3 ท่าน คือ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ นายจุติ ไกรฤกษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ นายนิพนธ์ บุญญาณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย เมื่อดูจากเนื้อหาในญัตติที่จะอภิปรายทั้ง 3 ท่าน ล้วนแล้วแต่เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับงานในหน้าที่ที่รับผิดชอบ ผมเชื่อว่ารัฐมนตรีของพรรคประชาธิปัตย์สามารถชี้แจงแสดงเหตุผลให้ ส.ส.ในสภาฯ เข้าใจได้ ไม่น่ามีปัญหาอะไร ส่วนที่ฝ่ายค้านจะนำเรื่องเก่าที่เคยอภิปรายไปแล้วมาอภิปรายอีกก็สามารถทำได้ คงอยู่ที่ดุลยพินิจของฝ่ายค้านที่จะพิจารณา”

ส่วนคำถามว่ากังวลถึงการลงมติในการอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้หรือไม่ เพราะมีการย้ายขั้วสลับข้างของหลายพรรคการเมือง จะส่งผลกระทบอะไรกับรัฐบาลหรือไม่ นายองอาจ ตอบว่า การลงมติไว้วางใจหรือไม่ไว้วางใจครั้งนี้ไม่น่าส่งผลกระทบอะไรต่อรัฐบาล เชื่อว่าเสียงของ ส.ส.ซีกรัฐบาลในสภาฯ จะทำให้การลงมติผ่านพ้นไปได้ด้วยดี สำหรับพรรคประชาธิปัตย์ ไม่ได้มีการกำชับอะไรกันเป็นพิเศษในการลงมติ คงจะมีการพูดคุยแสดงความคิดเห็นกันในการประชุม ส.ส.ของพรรคในวันจันทร์นี้ ทั้งหมดขึ้นอยู่กับที่ประชุมว่าจะแสดงความคิดเห็นอย่างไร

...

ทั้งนี้ การอภิปรายไม่ไว้วางใจที่ผ่านมา ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ส่วนมากก็ลงมติไปในทิศทางเดียวกัน แต่อย่างไรก็ตาม การลงมติของ ส.ส.ในสภาฯ ถือเป็นเอกสิทธิ์ พรรคประชาธิปัตย์เชื่อมั่นว่าการทำหน้าที่ของฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาลในการอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้ จะเป็นการทำหน้าที่อย่างมีเกียรติมีศักดิ์ศรี เพื่อประโยชน์ต่อประเทศชาติโดยรวมมากกว่าเพื่อประโยชน์ของตนเองและพวกพ้องแต่เพียงอย่างเดียว.