รองโฆษกรัฐบาล แจงโต้คณะทำงานเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทย “บิ๊กตู่” มีนโยบายผลักดันไทยเป็นฐานผลิตรถยนต์ไฟฟ้าตั้งแต่ปี 58 แล้ว ตั้งเป้าในปี 73 จะมีการผลิตยานยนต์ไฟฟ้า 30% ของการผลิตรถยนต์ในไทย

วันที่ 15 ก.ค. 2565 น.ส.ไตรศุลี ไตรสรกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า จากกรณีที่ นายวิกรม เตชะธีราวัฒน์ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.เชียงราย และคณะทำงานเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทย แสดงความเห็นต่อกรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม แถลงยุทธศาสตร์ 3 แกน โดยระบุว่า นโยบายการผลักดันของรัฐบาลที่จะให้ประเทศไทยเป็นฐานในการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าเป็นเพียงการขายฝัน เพราะไม่มีนโยบายหรือมาตรการส่งเสริมการผลิตและการใช้ยานยนต์ไฟฟ้าแบบครบวงจร ไม่มีการส่งเสริมการผลิตแบตเตอรี่ที่มีคุณภาพสูงนั้น  
 
ขอแจ้งและให้ข้อมูล นายวิกรม รวมถึงคณะทำงานเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทย ทราบว่า นายกรัฐมนตรีมีนโยบายและวางแผนงานเพื่อผลักดันให้ประเทศไทยเป็นฐานผลิตรถยนต์ไฟฟ้าที่สำคัญของโลกมาตั้งแต่ปี 2558 โดยการกำหนดให้อุตสาหกรรมผลิตรถยนต์ไฟฟ้าเป็น 1 ใน 10 อุตสาหกรรมเป้าหมายเพื่อเป็นกลไกการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยในอนาคต มีการวางแนวทางขับเคลื่อนมาอย่างต่อเนื่อง โดยตั้งคณะกรรมการนโยบายยานยนต์ไฟฟ้าแห่งชาติ หรือ คณะกรรมการ EV ขึ้นมาดูแล ซึ่งขณะนี้มีมาตรการส่งเสริมการลงทุนที่มีผลบังคับใช้แล้วอย่างครบวงจร   
 
“ตามที่ นายวิกรม แจ้งว่าคณะทำงานด้านเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทย ได้ศึกษาโอกาสและความเป็นไปได้ เรื่องอุตสาหกรรมรถยนต์พลังงานไฟฟ้ามา 3-4 ปีแล้ว นับเป็นเรื่องที่ดีที่ทีมเศรษฐกิจของพรรคต่างๆ จะได้ร่วมกันในการหาแนวทางพัฒนาอุตสาหกรรมของประเทศ ซึ่งในเรื่องยานยนต์ไฟฟ้านี้ ท่านนายกรัฐมนตรีก็ได้มีนโยบายมาตั้งแต่แต่ปี 2558 และมีแผนงานผลักดันต่อเนื่องมาโดยลำดับ จนขณะนี้มีมาตรการส่งเสริมการลงทุน มาตรการรองรับ และความร่วมมือกับภาคเอกชนโดยครบวงจรแล้ว”
 
รองโฆษกรัฐบาล กล่าวต่อไปว่า ตามเป้าหมายของรัฐบาล ภายใต้การขับเคลื่อนของคณะกรรมการ EV ต้องการให้ภายในปี 2573 ประเทศไทยจะมีการผลิตยานยนต์ไฟฟ้า 30% ของการผลิตรถยนต์ในไทย โดยรัฐบาลมีแพ็กเกจส่งเสริมการลงทุนทั้งภาษีและไม่ใช่ภาษี เพื่อรักษาความเป็นผู้นำอุตสาหกรรมยานยนต์ของไทย   
 
สำหรับแพ็กเกจในระยะสั้นเพื่อสร้างความต้องการยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศ ทั้งรถยนต์ จักรยานยนต์ ระหว่างปี 2565-2568 รัฐบาลมีมาตรการส่งเสริมเป็น 2 ระยะ (ตามมติ ครม. วันที่ 15 ก.พ. 2565) นอกจากนี้ ยังมีมาตรการส่งเสริมการลงทุนของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน หรือ BOI (บีโอไอ) ที่ให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีสำหรับผู้ผลิตยานยนต์ไฟฟ้า ทั้งส่วนของรถยนต์ รถโดยสาร จักรยานยนต์ เรือไฟฟ้า ผู้ผลิตชิ้นส่วน และแบตเตอรี่   
 
ทั้งนี้ สำนักงานบีโอไอ รายงานว่า มีนักลงทุนยื่นขอรับส่งเสริมการลงทุนในอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าอย่างต่อเนื่อง ซึ่งในการประชุมคณะกรรมการบีโอไอ เมื่อวันที่ 13 มิ.ย. ที่ผ่านมา บีโอไอแจ้งว่า เฉพาะกิจการผลิตแบตเตอรี่สำหรับยานพาหนะไฟฟ้า ขณะนี้มีการขอรับการส่งเสริมแล้ว 16 โครงการ จาก 10 บริษัท รวมเงินลงทุน 4,820 ล้านบาท และมีโครงการที่ได้รับส่งเสริมการลงทุนในกิจการผลิตแบตเตอรี่ที่มีความจุสูง (HIGH ENERGY DENSITY BATTERY) รวม 3 โครงการ มูลค่าเงินลงทุน 6,746.1 ล้านบาท.

...