“สุดารัตน์” ยืน 1 นายกฯ “อีสานโพล” ขณะ “อุ๊งอิ๊ง” เรตติ้งเพิ่มเกือบเท่าตัว

ผลสำรวจ "อีสานโพล" หานายกฯ แก้เศรษฐกิจ "สุดารัตน์" ยังมาที่ 1 “พิธา” ที่ 2 “อุ๊งอิ๊ง" เรตติ้งเพิ่มเกือบเท่าตัว “ประยุทธ์” มาที่ 4 ด้าน “เพื่อไทย” ความนิยมลด แต่ยังนำพรรคอื่นห่าง ประชาชนให้ รัฐบาลผลงานสอบตก

วันที่ 11 ก.ค. “อีสานโพล” (E-Saan Poll) ศูนย์วิจัยธุรกิจและเศรษฐกิจอีสาน คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น เปิดเผยผลสำรวจเรื่อง ดัชนีภาวะเศรษฐกิจครัวเรือนอีสาน ไตรมาส 2/2565 และคาดการณ์ไตรมาส 3/2565 รวมถึงประเมินผลงานรัฐบาลด้านเศรษฐกิจและภาพรวม สำรวจวันที่ 2-4 ก.ค.65 จากกลุ่มตัวอย่างอายุ 18 ปีขึ้นไป จำนวน 1,109 รายในเขตพื้นที่ภาคอีสาน 20 จังหวัด

ต่อคำถามที่ว่า ถ้ามีการเลือกตั้งใหม่ อยากให้ใครเป็นนายกรัฐมนตรี เพื่อมาฟื้นฟูเศรษฐกิจ ผลการสำรวจพบว่า คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานพรรคไทยสร้างไทย ร้อยละ 25.8 (ลดลงจากไตรมาส 1 ที่ได้ร้อยละ 30.6), นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ร้อยละ 20.1 (เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 19.0), น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย ร้อยละ 19.8 (เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 10.7), พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ร้อยละ 14.4 (เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 14.1)

ขณะที่ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และ รมว.สาธารณสุข หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ร้อยละ 11.1 (เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 9.1), คนอื่นๆ จากพรรคเพื่อไทย ร้อยละ 3.4 (ลดลงจากร้อยละ 9.5) และนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกฯ และ รมว.พาณิชย์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ร้อยละ 3.0 (เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 2.5)
 
ส่วนคำถามที่ว่า ถ้าเลือกตั้ง ส.ส. มีแนวโน้มให้คะแนนพรรคใด พบว่า พรรคเพื่อไทย ร้อยละ 36.1 (ลดลงจากร้อยละ 39.4), พรรคก้าวไกล ร้อยละ 19.5 (เท่าเดิม), พรรคพลังประชารัฐ ร้อยละ 14.0 (ลดลงจากร้อยละ 14.30), พรรคภูมิใจไทย ร้อยละ 12.5 (เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 9.0), พรรคไทยสร้างไทย ร้อยละ 12.1 (ลดลงจากร้อยละ 10.2), พรรคประชาธิปัตย์ ร้อยละ 3.0 (เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 2.9) และพรรคเสรีรวมไทย ร้อยละ 2.0 (ลดลงจากร้อยละ 2.7)

เมื่อถามว่า จากการประเมินผลงานรัฐบาลด้านเศรษฐกิจในช่วงไตรมาส 2/2565 พบว่า ได้คะแนน 26.0 เต็ม 100 ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากไตรมาส 1/2565 ซึ่งดัชนีเท่ากับ 24.2 สอดคล้องกับผลงานโดยรวมของรัฐบาลในช่วงไตรมาส 2/2565 ได้คะแนน 24.7 ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากไตรมาส 1/2565 ซึ่งดัชนีเท่ากับ 22.1 จากการที่รัฐบาลผ่อนมาตรการควบคุมโรคโควิดในช่วงไตรมาส 2/2565 ทำให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัว โดยเฉพาะภาคท่องเที่ยวและบริการ.