"นภัสสร" ส.ก.เขตบางกะปิ เพื่อไทย ขอ สภา กทม.เน้นจัดงบดูแลความปลอดภัยประชาชน หลังมีเพียง 166 ล้านบาท วอน เพิ่มงบเขตบางกะปิ หวั่น ไม่พอปรับปรุง ซ่อมแซม เหตุมีชุมชนเก่าแก่จำนวนมาก
วันที่ 8 ก.ค. 65 น.ส.นภัสสร พละระวีพงศ์ ส.ก.เขตบางกะปิ พรรคเพื่อไทย อภิปรายร่างข้อบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ.2566 วงเงิน 79,000 ล้านบาท ในการประชุมสภากรุงเทพมหานคร (ส.ก.) สมัยประชุมสามัญ สมัยที่ 3 (ครั้งที่ 1) ประจำปี 2565 ระบุว่า งบประมาณที่มากที่สุด จำแนกตามด้านต่างๆ 3 อันดับแรก คือ การจัดบริการ ของสำนักงานเขต 50 เขต การบริหารจัดการและบริหารราชการ กรุงเทพมหานคร รวมทั้งทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม แต่งบประมาณเรื่องความปลอดภัยและความเป็นระเบียบเรียบร้อย กลับมีเพียง 166 ล้านบาท หรือคิดเป็น 0.21% เท่านั้น ทั้งที่จริงๆ แล้ว ควรจะต้องให้ความสำคัญเป็นอันดับต้นๆ เพราะปัจจุบันปัญหาความปลอดภัยของพี่น้องประชาชน มีความสำคัญอย่างมาก
โดยเฉพาะปัญหาอาชญากรรม ที่มีสาเหตุจากสภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ
น.ส.นภัสสร บอกว่า ในกรุงเทพมหานคร มีชุมชน และผู้ที่อยู่อาศัยตามริมคลอง และมีผู้สัญจร เป็นจำนวนมาก แต่กลับเจอปัญหา เรื่องของไฟฟ้าส่องสว่าง ยกตัวอย่าง เช่น บางชุมชน มีแต่เสา ไม่มีโคม บางชุมชนมีโคมแต่ 3 วันติด 4 วันไม่ติด ส่วนกล้องวงจรปิด นับเป็นปัญหาเรื้อรัง บางจุดมีกล้องเหมือนไม่มี ทั้งที่ควรมีโดยเฉพาะในจุดที่ล่อแหลม และกล้องต้องมีประสิทธิภาพ ภาพต้องชัด เพราะฉะนั้นแล้ว ก่อนการจัดซื้อจัดจ้าง หน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรตรวจสอบ สเปกของกล้องว่าเหมาะสมและมีประสิทธิภาพหรือไม่
...
อีกหนึ่งประเด็นที่สำคัญ คือ ความปลอดภัยของผู้ใช้รถใช้ถนน ปัจจุบันกรุงเทพมหานคร ฝั่งตะวันออก กำลังมีการก่อสร้าง รถไฟฟ้าสายต่างๆ ซึ่งก่อให้เกิดผลกระทบกับพื้นผิวถนน ได้รับความเสียหาย ชำรุดทรุดโทรมและส่งผลถึงความปลอดภัยของประชาชนในวงกว้างปัญหาเหล่านี้ จึงเป็นสิ่งที่ควรต้องหาทางออก และแนวทางแก้ไข
ดังนั้นจากปัญหาที่กล่าวมานั้น ตนเองเห็นว่า ควรกระจายงบประมาณให้กับเขตแต่ละเขตมากที่สุดเนื่องจาก สำนักงานเขตเป็นหน่วยงานที่ใกล้ชิดประชาชนมากที่สุดซึ่งจะสามารถเพิ่มศักยภาพในการดำเนินงาน และ เป็นการพัฒนาลงเข้าสู่ชุมชนได้อย่างรวดเร็วและแก้ปัญหาได้อย่างตรงจุด ตามหลักการกระจายอำนาจ
ในส่วนของเขตบางกะปิ ได้รับงบประมาณทั้งสิ้น 489 ล้านบาท ซึ่งหากพิจารณาในรายละเอียด จะสังเกตได้ว่า ในส่วนของค่าครุภัณฑ์ ที่ดิน และสิ่งก่อสร้าง ซึ่งเป็นงบพัฒนา มีเพียง 9 ล้านบาท เท่านั้น ซึ่งน้อยมาก จะทำได้แค่เพียงปรับปรุง ซ่อมแซม ได้เพียงบางส่วนเท่านั้น เพราะเขตบางกะปิ ถือเป็นเขตที่เก่าแก่ มีชุมชนริมคลองเป็นจำนวนมาก ด้วยความที่เป็นเขตเก่าแก่ ก็ย่อมมีความเสื่อมโทรมตามกาลเวลา ไม่ว่าจะทั้งถนน และท่อ ซึ่งเป็นปัญหาใหญ่ ก่อให้เกิดน้ำท่วมซ้ำซาก และยังส่งผลกระทบอื่นๆ ตามมาอีกด้วย เพราะในเขตบางกะปิ ถนนลาดพร้าว และถนนลำสาลี การจราจรติดสาหัส ประชาชนได้รับความเดือดร้อน และความไม่ปลอดภัย จากการพัฒนาที่อาจจะไม่ได้คำนึงถึงผลกระทบ โดยเฉพาะอุบัติเหตุจากการก่อสร้างรถไฟฟ้าที่ ส่งผลทำให้พื้นผิวถนนชำรุด เป็นหลุมเป็นบ่อ และมีการวางแผ่นเหล็กที่พื้นผิวถนน รวมถึงปัญหาจากการวางท่อบนพื้นผิวถนน ทำให้เกิดอุบัติเหตุ กับผู้สัญจรเป็นจำนวนมาก วันละหลายราย
น.ส.นภัสสร กล่าวด้วยว่า อีกหนึ่งสิ่งสำคัญ คือ ปัญหาสัญลักษณ์ป้ายจราจรหรือการตีเส้นบนพื้นผิวถนน เช่น การทำทางม้าลายในสถานที่ชุมชน, โรงเรียนหรือ ในพื้นที่สาธารณะที่มีผู้คนใช้ทางเท้าเพื่อสัญจร สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งสำคัญเป็นอย่างมาก ที่ควรคำนึงถึงความปลอดภัยและ ความเป็นระเบียบบนท้องถนนเพื่อลดอุบัติเหตุที่ได้กล่าวมาข้างต้น
นอกจากนี้ ปัญหาท่อระบายน้ำ แต่ละชุมชน มีปัญหาท่อระบายน้ำเก่า, ชำรุด, อุดตัน เป็นจำนวนมาก เช่น ซอยเทพทวี ลาดพร้าว 101, ชุมชนหมู่บ้านอยู่สบาย กรุงเทพกรีฑา, ซอยรามคำแหง 36/1, แฮปปี้แลนด์เป็นต้น
ซึ่งแต่ละที่ ล้วนแต่เป็นชุมชนที่มีปัญหาน้ำท่วมขังมาเป็นเวลานาน ปัญหาที่เกิดขึ้น คือเมื่อฝนตกหนักจะเกิดน้ำท่วมขัง น้ำไม่สามารถระบายได้เนื่องจากมีงบประมาณไม่เพียงพอในการทำถนนและท่อระบายน้ำ ซึ่งประชาชนร้องทุกข์มาว่า ขอไปเท่าไรก็ไม่เคยได้ ซึ่งบริเวณนี้มีผู้ปกครองและนักเรียนต้องสัญจรผ่านเส้นทางนี้เป็นประจำ เป็นสิ่งที่น่าเห็นใจเป็นอย่างมากคะ ที่น้องๆ นักเรียน ต้องเดินถอดถุงเท้า รองเท้า ลุยน้ำไปโรงเรียน
รวมไปถึงปัญหาท่อน้ำอุดตัน เมื่อเกิดฝนตกจึงมีปัญหาน้ำท่วมขังเป็นเวลานานหลายวัน กว่าจะแห้งส่งผลให้น้ำเน่า ส่งกลิ่นเหม็นไปทั่วพื้นที่ และยิ่งไปกว่านั้น ยังเป็นแหล่งเพาะพันธุ์เชื้อโรค รวมไปถึงการเกิดพาหะของโรคไข้เลือดออกตามมาได้อีกด้วย ปัญหาเหล่านี้เป็นสุขอนามัยที่ไม่ดีต่อประชาชนผู้พักอาศัย ในบริเวณเหล่านี้อย่างมาก และยังทำให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อน ไม่ว่าจะเป็นผู้อยู่อาศัยหรือผู้ที่เดินทางสัญจรไปมา
น.ส.นภัสสร กล่าวอีกว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นกับชุมชน ริมคลอง ชุมชนแออัด คือ ทางเข้าออกของชุมชน ไม่มีความปลอดภัย ไม่มีราวกั้น และช่วงทางเดิน มีความกว้างแค่เมตรกว่าๆ เท่านั้น ผู้สูงอายุ หรือผู้ป่วยติดเตียง เดินทางไปหาหมออย่างยากลำบากและใช้เวลา ซึ่งสิ่งเหล่านี้เราไม่ควรที่จะมองข้ามและควรรีบที่จะปรับปรุงพัฒนาแก้ไขอย่างเร่งด่วน จึงหวังเป็นอย่างยิ่งว่า สภา กทม.จะร่วมกันแก้ไขปัญหา ให้กับพี่น้องประชาชนชาวกรุงเทพมหานครให้น่าอยู่มากขึ้น.