"พล.อ.ประวิตร" นำประชุมคณะกรรมการป้องกันอุบัติภัยแห่งชาติ พิจารณาร่างนโยบายการป้องกันอุบัติภัยแห่งชาติ พ.ศ.2566-2570

เมื่อวันที่ 8 ก.ค. 65 พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานกรรมการป้องกันอุบัติภัยแห่งชาติ กล่าวระหว่างพร้อมด้วย นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย นายบุญธรรม เลิศสุขีเกษม อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กระทรวงมหาดไทย และคณะประชุมคณะกรรมการป้องกันอุบัติภัยแห่งชาติ (กปอ.) ครั้งที่ 1/2565 ว่า กปอ. จัดตั้งขึ้นตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการป้องกันอุบัติภัยแห่งชาติ พ.ศ.2564 มีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นรองประธานกรรมการ หัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง 15 หน่วยงาน
และผู้ทรงคุณวุฒิร่วมเป็นกรรมการ มีอำนาจหน้าที่เสนอนโยบาย มาตรการและแนวทางเกี่ยวกับการป้องกันอุบัติภัยต่อคณะรัฐมนตรี พร้อมเสนอแนวทางปฏิบัติและประสานงานหน่วยงานของรัฐ ซึ่งรับนโยบายที่คณะรัฐมนตรีเห็นชอบแล้วไปดำเนินการ จัดทำข้อเสนอแนะและให้ความเห็นเกี่ยวกับการปฏิบัติงานของหน่วยงานรัฐและปัญหาต่างๆ เกี่ยวกับการป้องกันอุบัติภัยเสนอต่อนายกรัฐมนตรี เสนอความเห็นและข้อสังเกตต่อนายกรัฐมนตรีเกี่ยวกับการให้มีกฎหมาย หรือ แก้ไขปรับปรุงกฎหมาย เกี่ยวกับการป้องกันอุบัติภัย ตลอดจนติดตามและประเมินผลการปฏิบัติตามนโยบาย มาตรการ แนวทางเกี่ยวกับการป้องกันอุบัติภัยด้วย

ทั้งนี้ การประชุมวันนี้ เป็นวาระที่ กปอ. จะได้ร่วมกันพิจารณาร่างนโยบายการป้องกันอุบัติภัยแห่งชาติ พ.ศ.2566–2570 ซึ่งเป็นเสมือนเข็มทิศในการขับเคลื่อนงานด้านการป้องกันอุบัติภัยของประเทศให้มีเอกภาพและมีประสิทธิภาพบนพื้นฐานขององค์ความรู้ วิจัยและนวัตกรรม รวมถึงการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน ภายใต้ 4 นโยบายหลัก ดังนี้

...

นโยบายที่ 1 มุ่งเน้นการจัดการความเสี่ยงจากอุบัติภัยครอบคลุมในทุกมิติด้วยการสร้างความตระหนักรู้และเข้าใจความเสี่ยงจากอุบัติภัยในทุกมิติให้เกิดขึ้นในสังคมไทย

นโยบายที่ 2 ยกระดับการบริหารจัดการอุบัติภัยให้ได้มาตรฐาน โดยการทบทวนและปรับปรุงกฎหมาย ระเบียบและข้อบังคับต่างๆ ที่เกี่ยวข้องให้สอดคล้องกับข้อเท็จจริงและสถานการณ์ปัจจุบัน

นโยบายที่ 3 มุ่งเน้นการสร้างและคงไว้ซึ่งวัฒนธรรมความปลอดภัยระดับสูงสุดด้วยการปลูกฝังจิตสำนึกด้านความปลอดภัย รวมถึงรณรงค์ให้ประชาชนปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัดจนนำไปสู่การสร้างวัฒนธรรมความปลอดภัยอย่างยั่งยืนให้เกิดขึ้นในสังคมไทย

นโยบายที่ 4 เสริมสร้างความเข้มแข็งการบูรณาการกับทุกภาคส่วน เพื่อยกระดับการบริหารจัดการอุบัติภัยของประเทศให้เป็นเอกภาพ เน้นการมีส่วนร่วมในการดำเนินงานป้องกันอุบัติภัยของหน่วยงานภาคีเครือข่ายทุกภาคส่วนให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน เพื่อมุ่งไปสู่เป้าหมายในการลดความสูญเสียและความเสียหายจากอุบัติภัย ตลอดจนการพัฒนาศักยภาพการจัดการความเสี่ยงจากอุบัติภัยแบบองค์รวมและสร้างวัฒนธรรมความปลอดภัยให้เกิดขึ้นในสังคมไทย

นายบุญธรรม กล่าวว่า ที่ประชุมยังได้พิจารณาแต่งตั้งคณะอนุกรรมการ 8 คณะ ได้แก่ 1. คณะอนุกรรมการจัดทำนโยบาย มาตรการและแนวทางเกี่ยวกับการป้องกันอุบัติภัยแห่งชาติ 2. คณะอนุกรรมการป้องกันอุบัติภัยจากการจราจรทางน้ำ ทางอากาศและทางบก 3. คณะอนุกรรมการป้องกันอุบัติภัยเนื่องจากการทำงาน 4. คณะอนุกรรมการป้องกันอุบัติภัยที่เกิดขึ้นในเคหสถานหรือในที่สาธารณะ 5. คณะอนุกรรมการด้านการประชาสัมพันธ์เพื่อการป้องกันอุบัติภัย 6. คณะอนุกรรมการ ด้านการบูรณาการข้อมูล วิจัยและนวัตกรรมเพื่อการป้องกันอุบัติภัยอย่างยั่งยืน 7. คณะอนุกรรมการการป้องกันอุบัติภัยจังหวัด และ 8. คณะอนุกรรมการขับเคลื่อนการดำเนินงานป้องกันการจมน้ำ ตามข้อเสนอของสหประชาชาติ อย่างไรก็ตาม หลังจากนี้ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจะปรับปรุงแก้ไขร่างนโยบายการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยตามที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้เสนอความคิดเห็น
และจะนำมาเสนอต่อคณะกรรมการป้องกันอุบัติภัยแห่งชาติและคณะรัฐมนตรีพิจารณาให้ความเห็นชอบต่อไป.