“พล.อ.ประยุทธ์” เผยมติ ครม. เห็นชอบ ก.ดิจิทัล ร่วมกับกัมพูชา ปราบแก๊งคอลเซ็นเตอร์ แลกเปลี่ยนข้อมูลจับกุม-ส่งผู้ร้ายข้ามแดน ลั่น รัฐบาลมุ่งคลายความโศกเศร้าทุกข์ตรมประชาชน
วันที่ 5 ก.ค. 2565 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม แถลงข่าวหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) โดยช่วงหนึ่งกล่าวว่า อีกปัญหาที่ไทยดำเนินการมาอย่างต่อเนื่องคือ การแก้ปัญหาอาชญากรรมไซเบอร์ โดยวันนี้ ครม. เห็นชอบให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) รวมมือกับประเทศกัมพูชา ร่วมกันปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์และการหลอกลวงในรูปแบบต่างๆ ที่ก่อให้เกิดความเสียหายกับประชาชนเป็นจำนวนมาก
นายกรัฐมนตรีกล่าวต่อไปว่า เตือนไว้ก่อน ทุกคนต้องระมัดระวังรับโทรศัพท์ที่ไม่คุ้นเคย ไม่จำเป็นก็อย่าไปรับ จะถูกแอบอ้าง ถ้ามีภูมิคุ้มกันไว้ก่อนจะดีกว่า เมมเบอร์คนรู้จักเอาไว้ ถ้าไม่ได้เมมไว้ก็อย่าไปตอบไปรับ อย่าไปเชื่อการอ้างเป็นเจ้าหน้าที่ ถ้าตัวเองไม่มีความผิดก็ไม่ต้องไปกลัว จะไปจ่ายเงินเขาทำไม วันนี้เราดำเนินการจากทั้งในและนอกประเทศ ตั้งคณะกรรมการร่วมกันกับประเทศรอบบ้าน เริ่มแล้วกับกัมพูชา เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลจับกุมและส่งผู้ร้ายข้ามแดน ทำให้การปราบปรามมีประสิทธิภาพ ลดการเกิดเหตุให้น้อยลงได้
ทั้งนี้ ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมารัฐบาลรับฟังทุกปัญหาของประชาชนที่เกิดขึ้น บางอย่างกำลังแก้ไขเร่งด่วน บางอย่างก็ต้องนำเข้าสู่กระบวนการ ต้องไปดูเรื่องกฎหมายต่างๆ เราทำหลายๆ อย่าง ถ้ากฎหมายไม่มี ไม่พร้อม ก็คือปัญหา ทำไม่ได้ ต้องไปปรับกฎหมาย ก็อาจจะช้าไปบ้าง บางโครงการบางเรื่องอนุมัติไปแล้ว แก้ไขไปแล้ว พี่น้องประชาชนได้รับประโยชน์เป็นจำนวนมาก บางโครงการก็มีแนวทางแล้ว และก็จะเริ่มดำเนินการต่อไปเร็วๆ นี้
...
พล.อ.ประยุทธ์ ระบุต่อไปว่า เราต้องประเมินสถานการณ์ไปด้วยกันว่าวันนี้เราเจอปัญหาแบบนี้ วันหน้าถ้าเราเจอหนักกว่านี้เราจะทำอย่างไร เรื่องพลังงานอะไรก็แล้วแต่ วันนี้เราก็บริหารได้ดีพอสมควร คือพลังงานเรายังไม่ขาดแคลน ยังมีขายอยู่ แต่ราคามันสูงขึ้น แต่ทั้งนี้ก็ด้วยเหตุผลหลายประการที่ว่าไปแล้ว เราคงต้องเตรียมความพร้อมเหล่านี้ไปอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่โควิด-19 มาจนถึงพลังงาน
อย่างไรก็ตาม วันนี้รัฐบาลก็ยังสามารถบริหารงบประมาณประเทศให้อยู่ในสถานะที่มั่นคงมีเสถียรภาพ สิ่งสำคัญที่สุด คือทำอย่างไรเราจะไม่ขาดแคลนพลังงาน ไม่ขาดแคลนอาหาร แต่เราเป็นประเทศเกษตรกรรมอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นเรื่องอาหารคงไม่มีปัญหา แต่จะทำอย่างไรให้เราส่งสินค้าออกไปต่างประเทศให้ได้มากขึ้น ทำผลิตผลทางการเกษตรให้ได้มาตรฐานมากยิ่งขึ้น ขึ้นทะเบียน รับรองคุณภาพ ตรวจสอบต้นทางการผลิตได้ จะทำให้สินค้าการเกษตรของเรามีมูลค่าสูงขึ้นในอนาคตได้
“ผมก็พยายามจะทำทุกวิถีทางเพื่อให้ทุกอย่างมันเดินหน้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งรัฐบาลปัจจุบันก็มุ่งหวังอย่างเดียว ทำอย่างไรจะคลี่คลายความโศกเศร้า ความทุกข์ตรมต่างๆ ของประชาชนให้ได้มากที่สุด ก็ขอความร่วมมือเท่านั้นเอง ขอความเข้าใจและก็ร่วมมือกัน”
